สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
ผมมีเพื่อนที่คล้ายๆเจ้าของกระทู้สองคนครับ
ชีวิตเขาจะเต็มไปด้วยความเศร้าตลอดเวลา คิดอยู่เสมอว่า เขาเศร้า จน ชีวิตน่าสงสาร
ผมต้องคอยระวังเวลาพูดกับเขา หลายครั้งเขาน้อยใจว่าเราพูดดูถูกเขา
เวลาผ่านไป 20 ปีไวเหมือนโกหก
เขาทั้งสองคนก็ยังเศร้า น่าสงสารเหมือนเดิม
ในขณะที่เพื่อนหลายคนค่อนข้างประสบความสำเร็จในชีวิต และผมมารู้ความจริงภายหลังว่าชีวิตของเพื่อนหลบางคนนั้น เศร้า กว่าสองคนนั้นมาก
มีคนหนึ่งเป็นเด็กกำพร้า ไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อกับแม่เลย อยู่สถานเด็กกำพร้า แต่ผมไม่เคยเห็นความเศร้าจากเขาเลย ตอนเรียนจบเขาต้องรีบจองซื้อทาว์เฮาส์แม้ไกลมาก(จะได้ราคาถูก) เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เพราะตอนเรียนเขาต้องอาศัยทะเบียนบ้านเพื่อนอีกคนอยู่
เพื่อนคนที่สองไม่มีแม่ มีพ่อเหมือนไม่มี เพราะไม่รับผิดชอบ
เพื่อนคนสามนี่เพื่อนสนิทมาก แต่เพิ่งกลับรู้ไม่นานมานี้เองว่า เขาต้องรับภาระมหาศาลแค่ไหน
พ้นภาระดูแลพ่อ แม่ที่ป่วยหนักมาหลายปีแล้ว กลับต้องรับลูกสองคนจากพี่ชายที่เสียชีวิตกะทันหันมาอุปการะ
เพื่อนคนที่สี่เป็นผู้หญิง แม่ผัดอาหารขายอยู่หน้าบ้าน พ่อพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ยายตาบอด
เธอทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
ปีสุดท้ายของการศึกษา เธอตัดสินใจเอ่ยปากขอยืมเงินผมเป็นทุนทำวิทยานิพนธ์ไม่งั้นอาจไม่จบ หลังจากจบมีงานทำ เธอผ่อนคืนผมหมดในสามเดือน
ผ่านไปไม่นาน แม่เธอไม่ต้องผัดอาหารตามสั่งหน้าบ้านอีกแล้ว บ้านเก่าซอมซ่อถูกปรับปรุงใหม่จนแทบจำไม่ได้
ครั้งหนึ่งอาจารย์ให้เขียนเรียงความบรรยายสภาพชีวิตของเรา เพื่อนคนที่สองเขียนเรียงความสั้นๆ ทำนองว่าชีวิตมีความสุข สมบูรณ์ดี ผมถามเขาว่าเขียนอย่างนั้นทำไม ชีวิตนายน่าเศร้าออก
เขาตอบผมว่า. "แล้วทำไมเราต้องไปประกาศหรือบอกตัวเองว่าเราเศร้า ยิ่งเราทำแบบนั้นก็เหมือนกับเราสะกดจิตตัวเอง เราก็จะทำตัวเป็นมนุษย์เศร้าตลอดเวลา "
ปัจจุบันเพื่อนคนนี้ประสบความสำเร็จสูงมาก เป็นเจ้าของกิจการ มีบ้าน รถหรูขับ ทุกๆปีเขาจะรวบรวมเงิน และชักชวนลูกน้อง เพื่อนๆ ไปบริจาคและทำกิจกรรมต่างๆที่บ้านเด็กกำพร้า เขาบอกผมว่าบริจาคเงินไม่พอ เด็กต้องการมากกว่านั้น เขารู้เพราะเขาเคยมีสภาพคล้ายๆแบบนั้น
ชีวิตเขาจะเต็มไปด้วยความเศร้าตลอดเวลา คิดอยู่เสมอว่า เขาเศร้า จน ชีวิตน่าสงสาร
ผมต้องคอยระวังเวลาพูดกับเขา หลายครั้งเขาน้อยใจว่าเราพูดดูถูกเขา
เวลาผ่านไป 20 ปีไวเหมือนโกหก
เขาทั้งสองคนก็ยังเศร้า น่าสงสารเหมือนเดิม
ในขณะที่เพื่อนหลายคนค่อนข้างประสบความสำเร็จในชีวิต และผมมารู้ความจริงภายหลังว่าชีวิตของเพื่อนหลบางคนนั้น เศร้า กว่าสองคนนั้นมาก
มีคนหนึ่งเป็นเด็กกำพร้า ไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อกับแม่เลย อยู่สถานเด็กกำพร้า แต่ผมไม่เคยเห็นความเศร้าจากเขาเลย ตอนเรียนจบเขาต้องรีบจองซื้อทาว์เฮาส์แม้ไกลมาก(จะได้ราคาถูก) เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เพราะตอนเรียนเขาต้องอาศัยทะเบียนบ้านเพื่อนอีกคนอยู่
เพื่อนคนที่สองไม่มีแม่ มีพ่อเหมือนไม่มี เพราะไม่รับผิดชอบ
เพื่อนคนสามนี่เพื่อนสนิทมาก แต่เพิ่งกลับรู้ไม่นานมานี้เองว่า เขาต้องรับภาระมหาศาลแค่ไหน
พ้นภาระดูแลพ่อ แม่ที่ป่วยหนักมาหลายปีแล้ว กลับต้องรับลูกสองคนจากพี่ชายที่เสียชีวิตกะทันหันมาอุปการะ
เพื่อนคนที่สี่เป็นผู้หญิง แม่ผัดอาหารขายอยู่หน้าบ้าน พ่อพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ยายตาบอด
เธอทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
ปีสุดท้ายของการศึกษา เธอตัดสินใจเอ่ยปากขอยืมเงินผมเป็นทุนทำวิทยานิพนธ์ไม่งั้นอาจไม่จบ หลังจากจบมีงานทำ เธอผ่อนคืนผมหมดในสามเดือน
ผ่านไปไม่นาน แม่เธอไม่ต้องผัดอาหารตามสั่งหน้าบ้านอีกแล้ว บ้านเก่าซอมซ่อถูกปรับปรุงใหม่จนแทบจำไม่ได้
ครั้งหนึ่งอาจารย์ให้เขียนเรียงความบรรยายสภาพชีวิตของเรา เพื่อนคนที่สองเขียนเรียงความสั้นๆ ทำนองว่าชีวิตมีความสุข สมบูรณ์ดี ผมถามเขาว่าเขียนอย่างนั้นทำไม ชีวิตนายน่าเศร้าออก
เขาตอบผมว่า. "แล้วทำไมเราต้องไปประกาศหรือบอกตัวเองว่าเราเศร้า ยิ่งเราทำแบบนั้นก็เหมือนกับเราสะกดจิตตัวเอง เราก็จะทำตัวเป็นมนุษย์เศร้าตลอดเวลา "
ปัจจุบันเพื่อนคนนี้ประสบความสำเร็จสูงมาก เป็นเจ้าของกิจการ มีบ้าน รถหรูขับ ทุกๆปีเขาจะรวบรวมเงิน และชักชวนลูกน้อง เพื่อนๆ ไปบริจาคและทำกิจกรรมต่างๆที่บ้านเด็กกำพร้า เขาบอกผมว่าบริจาคเงินไม่พอ เด็กต้องการมากกว่านั้น เขารู้เพราะเขาเคยมีสภาพคล้ายๆแบบนั้น
ความคิดเห็นที่ 4
ข้อความจากคุณ LoVeSaMuRal
มองต่ำเราเหลือ มองเหนือเราขาด
เนื่องจากว่า ผมเห็นกระทู้เกี่ยวกับการตั้งคำถามประมาณว่า " อายุ 25 เงินเดือน 20000 ถือว่า ok ไหม " อายุ 29 เงินเดือน 8000 ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ " ใช่ไหม ........ ผมเลยนึกถึงเรื่องราวที่พ่อเคยสอน ...
1. ถ้าเราทำงานเดือนละ 10000 บาท แล้วเรามองคนที่ทำงานแบกหาม ซึ่งเหนื่อยมากกว่าเรา แต่รายได้น้อยกว่าเรา ........ "รายได้เราก็ไม่ถือว่าน้อยเหมือนกันนะ"
2. ถ้าเราทำงานเดือนละ 40000 บาทแต่ปรากฎว่า ในแผนกเดียวกัน มีคนที่ทำตำแหน่งเดียวกับเราได้ 50000 บาท ........ "น้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมเงินเดือนเราน้อยจัง"
3. ต่อให้เรามีซัก ร้อยล้าน แต่ถ้าเราไปมองเห็นคนอื่นมีพันล้าน เราก็มีน้อยอยู่ดี
ผมเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพของตัวเอง แต่ ณ เวลานี้อาจจะยังไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราดึงศักยภาพนั้นออกมา
พ่อสอนว่า "รู้ไหมทำไมพระพุทธรูป ไม่เคยมองขึ้นฟ้า" ท่านสอนให้เรามองสิงๆต่างๆที่ต่ำกว่าเราเสมอ จะได้เกิดความ เมตตา กรุณาในจิตใจ รู้จีกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไร้ซึ่งความอิจฉา ริษยา
มองต่ำเราเหลือ มองเหนือเราขาด
เนื่องจากว่า ผมเห็นกระทู้เกี่ยวกับการตั้งคำถามประมาณว่า " อายุ 25 เงินเดือน 20000 ถือว่า ok ไหม " อายุ 29 เงินเดือน 8000 ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ " ใช่ไหม ........ ผมเลยนึกถึงเรื่องราวที่พ่อเคยสอน ...
1. ถ้าเราทำงานเดือนละ 10000 บาท แล้วเรามองคนที่ทำงานแบกหาม ซึ่งเหนื่อยมากกว่าเรา แต่รายได้น้อยกว่าเรา ........ "รายได้เราก็ไม่ถือว่าน้อยเหมือนกันนะ"
2. ถ้าเราทำงานเดือนละ 40000 บาทแต่ปรากฎว่า ในแผนกเดียวกัน มีคนที่ทำตำแหน่งเดียวกับเราได้ 50000 บาท ........ "น้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมเงินเดือนเราน้อยจัง"
3. ต่อให้เรามีซัก ร้อยล้าน แต่ถ้าเราไปมองเห็นคนอื่นมีพันล้าน เราก็มีน้อยอยู่ดี
ผมเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพของตัวเอง แต่ ณ เวลานี้อาจจะยังไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราดึงศักยภาพนั้นออกมา
พ่อสอนว่า "รู้ไหมทำไมพระพุทธรูป ไม่เคยมองขึ้นฟ้า" ท่านสอนให้เรามองสิงๆต่างๆที่ต่ำกว่าเราเสมอ จะได้เกิดความ เมตตา กรุณาในจิตใจ รู้จีกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไร้ซึ่งความอิจฉา ริษยา
ความคิดเห็นที่ 21
คุณไม่รู้สึกทุเรศตัวเองหรือครับ ที่มีความคิดแบบนี้ ความคิดที่ว่า เช่น ..
- เราเกิดมาในครอบครัวที่เรียกว่าจนเลยค่ะ พ่อกับแม่เราขายของที่บ้านรายได้รวมกัน 2 คน ไม่ถึง 30,000 บาทต่อเดือน
- สำหรับเราตั้งแต่เด็กๆ เงินที่บ้านให้ไม่เคยพอใช้แต่ละวันเลยค่ะ
- แต่ตลอดเวลาที่เรียนเราไม่มีความสุขเลยค่ะ จะซื้ออะไรที่อยากซื้อก็ไม่ได้
- ส่วนเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็เราไม่มีเพื่อนที่สนิทด้วยเลย เพราะเพื่อนๆ เขาจะไปกินอาหารร้านนู้นร้านนี้กัน
- เราคิดอยู่ตลอดเลยว่าถ้าเราเกิดมารวยกว่านี้คงสบายกว่านี้ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ชีวิตมันเศร้าอะค่ะ T T
อะไรที่ไม่มี ก็หาเอาเองสิครับ เกิดมาครบ 32 ใช่มั้ย สติปัญญาก็ดีใช่มั้ย ทำงานได้เหมือนคนอื่นใช่มั้ย
เคยคิดอยากด่าพ่อแม่คุณรึเปล่าครับ ที่ทำให้คุณเกิดมาจน? แทนที่คุณจะเกิดมารวย ๆ มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนเพื่อน ๆ
ไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่า หวังว่าจะเข้าใจละกัน
- เราเกิดมาในครอบครัวที่เรียกว่าจนเลยค่ะ พ่อกับแม่เราขายของที่บ้านรายได้รวมกัน 2 คน ไม่ถึง 30,000 บาทต่อเดือน
- สำหรับเราตั้งแต่เด็กๆ เงินที่บ้านให้ไม่เคยพอใช้แต่ละวันเลยค่ะ
- แต่ตลอดเวลาที่เรียนเราไม่มีความสุขเลยค่ะ จะซื้ออะไรที่อยากซื้อก็ไม่ได้
- ส่วนเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็เราไม่มีเพื่อนที่สนิทด้วยเลย เพราะเพื่อนๆ เขาจะไปกินอาหารร้านนู้นร้านนี้กัน
- เราคิดอยู่ตลอดเลยว่าถ้าเราเกิดมารวยกว่านี้คงสบายกว่านี้ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ชีวิตมันเศร้าอะค่ะ T T
อะไรที่ไม่มี ก็หาเอาเองสิครับ เกิดมาครบ 32 ใช่มั้ย สติปัญญาก็ดีใช่มั้ย ทำงานได้เหมือนคนอื่นใช่มั้ย
เคยคิดอยากด่าพ่อแม่คุณรึเปล่าครับ ที่ทำให้คุณเกิดมาจน? แทนที่คุณจะเกิดมารวย ๆ มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนเพื่อน ๆ
ไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่า หวังว่าจะเข้าใจละกัน
ความคิดเห็นที่ 30
สบายกว่าผมเยอะครับ
ผมเองได้เงินไปเรียนตอนเด็กวันละ 2 บาทเอง
แม่ไปทำงาน ตจว ฝากผมไว้กับเพื่อนบ้าน
พ่อก็เสียตั้งแต่เด็ก โตมาไม่ทันไร แม่ก็เสียอีก ทุกวันนี้ผมปากกัด ตีนถีบ มา 8 ปีแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 22 เองนะครับ ยังไม่แก่ 555 เรียนอยู่ด้วยครับ ยังไม่จบ แต่ก็ไกล้แล้วครับ เป็นหนี้ด้วยครับ ยืมเพื่อนมาจ่ายค่าเทอม ปล.กู้ กยศ ไม่ได้คับ ไม่มีผู้ปกครองเซ็น สู้ๆนะครับคุณพี่
ผมเองได้เงินไปเรียนตอนเด็กวันละ 2 บาทเอง
แม่ไปทำงาน ตจว ฝากผมไว้กับเพื่อนบ้าน
พ่อก็เสียตั้งแต่เด็ก โตมาไม่ทันไร แม่ก็เสียอีก ทุกวันนี้ผมปากกัด ตีนถีบ มา 8 ปีแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 22 เองนะครับ ยังไม่แก่ 555 เรียนอยู่ด้วยครับ ยังไม่จบ แต่ก็ไกล้แล้วครับ เป็นหนี้ด้วยครับ ยืมเพื่อนมาจ่ายค่าเทอม ปล.กู้ กยศ ไม่ได้คับ ไม่มีผู้ปกครองเซ็น สู้ๆนะครับคุณพี่
แสดงความคิดเห็น
ใครที่เกิดมาจนมากๆ ไม่มีเหมือนคนอื่น ใช้ชีวิตยังไง น้อยใจบ้างรึเปล่าคะ ตอนนี้เราจิตตกมากๆ ค่ะ
เรื่องของเราเลยนะคะ (ยาวหน่อยนะคะ) เราเกิดมาในครอบครัวที่เรียกว่าจนเลยค่ะ พ่อกับแม่เราขายของที่บ้านรายได้รวมกัน 2 คน ไม่ถึง 30,000 บาท (เคยทำธุรกิจมาหลายครั้งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ) หักลบค่าใช้จ่ายแล้วไม่มีเงินเก็บเลย
สำหรับเราตั้งแต่เด็กๆ เงินที่บ้านให้ไม่เคยพอใช้แต่ละวันเลยค่ะ และถ้าเป็นค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินก้อนใหญ่ๆ ยิ่งไม่มีเลยค่ะ ต้องขอทุนโรงเรียนตลอด และทุนที่เราได้ใช้จริงๆ คือค่าเทอม นอกนั้นต้องให้ที่บ้านหมด (เพราะเงินที่บ้านก็ไม่พอเหมือนกัน) หนังสือเรียน เสื้อผ้า รองเท้า ก็ใช้ต่อจากพี่ ช่วงปิดเทอมออกไปทำงานพิเศษ เงินที่ได้มาก็ให้พ่อแม่
เข้ามหาวิทยาลัย เราโชคดีสอบเข้าของรัฐบาลได้ ตอนแรกพ่อแม่สัญญาว่าจะหาเงินส่งเรียน แต่พอถึงเวลา ก็ไม่มี โชคดีตอนนั้นที่มีกยศ เลยมีโอกาสได้เรียน แต่ตลอดเวลาที่เรียนเราไม่มีความสุขเลยค่ะ จะซื้ออะไรที่อยากซื้อก็ไม่ได้ พ่อแม่ให้เงินมาแต่ละครั้งพอแค่ 5 วันเท่านั้น (แต่ต้องอยู่ 7 วัน บางอาทิตย์ก็ไม่ได้) จะใช้หนังสือเรียนต้องยืมห้องสมุดเอา จะกินข้าวอะไรกับเพื่อนก็กินไม่ได้ กินได้แต่ข้าวที่โรงอาหาร เสื้อผ้าก็ซื้อไม่ได้ เงินเช่าหอที่มหาวิทยาลัยก็ไม่มี ต้องนั่งรถเมล์วันละชั่วโมงครึ่งไปกลับบ้าน ไปทำงานพิเศษก็ได้เงินแค่เล็กๆ น้อยๆ เพราะทำเต็มเวลาไม่ได้ ยิ่งช่วงไหนที่คณะเก็บเงินไร้สาระ (เรียกแบบนี้เพระเราคิดว่าไม่จำเป็นเลย เช่น ค่ารับน้อง ทำละครคณะ เงินบริจาคอะไรก็ไม่รู้) ยิ่งเครียด ไม่จ่ายก็ไม่ได้
ส่วนเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็เราไม่มีเพื่อนที่สนิทด้วยเลย เพราะเพื่อนๆ เขาจะไปกินอาหารร้านนู้นร้านนี้กัน ไปผับ กินเหล้า คุยเรื่องซื้อกระเป๋าใหม่ ซื้อรถใหม่ ปิดเทอมจะไปเที่ยวต่างประเทศ ฉีดสิว ทำหน้า ฯลฯ เราไม่มีเรื่องอะไรไปคุยเลย (ขนาดเรื่องหนังเรายังคุยไม่ได้เลย ไม่มีเงินดูหนัง) เลยอยู่เงียบๆ คนเดียวดีกว่า มีครั้งนึงเพื่อนเราบ่นว่าเงิน 5,000 ไม่พอใช้หรอก 2 อาทิตย์ เราบอกว่าห้าพันเราใช้ได้เดือนครึ่งทำไมสองอาทิตย์ไม่พอ เพื่อนบอกก็บ้านแกจนก็ต้องใช้ให้พออยู่แล้วสิ เรางี้หน้าชาไปเลย ครั้งไหนน้อยใจมากๆ ก็แอบไปร้องไห้บ้าง แต่สุดท้ายก็จบมาได้แบบลำบากสุดๆ เพื่อนไม่มี เพราะไม่ไว้ใจเพื่อนคนไหนเลย (รู้สึกว่าไม่จริงใจ)
แต่ถึงเราจะมีเงินเดือนแล้วก็ยังเศร้าอยู่ตลอดที่เรามีต้นทุนน้อยกว่าคนอื่นเขา เพราะเทียบกับเพื่อนเรารถก็ไม่ต้องซื้อ บ้านก็มี เงินที่บ้านก็ไม่ต้องให้ มีเพื่อนคนนึงตอนนี้มีเงินในธนาคารแล้วสองแสนเป็นทุนจากพ่อแม่ เราคิดอยู่ตลอดเลยว่าถ้าเราเกิดมารวยกว่านี้คงสบายกว่านี้ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ชีวิตมันเศร้าอะค่ะ T T
ความจริงมีเรื่องอยากเล่าเยอะกว่านี้แต่เดี๋ยวจะยาวไป 555 ใครมีประสบการณ์หรือมีข้อคิดอะไรมาแชร์กันนะคะ เพื่อเราจะมีความคิดดีๆ บ้าง
ขอบคุณมากค่ะ
//ลบบางข้อความออกนะคะ ไม่อยากให้คนรู้จักรู่น่ะค่ะ