ปกติ ผมไม่เคยเข้าห้องนี้มาก่อน พอดีว่างๆจากห้องชายคา สีลม สาธร รัชดา ก็เลยเข้ามาห้องนี้ ดูซิว่าเค้าคุยอะไรกัน ^-^
เท่าที่ไล่อ่านดูกระทู้ที่จั่วหัวไป 10 กระทู้ กอปรกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน เลยมานั่งคิดว่า เรากำลังเดินสู่การเมืองที่มีแค่ 2 ขั้วใหญ่หรือเปล่า
ผมรู้สึกเหมือนตอนนี้เรากำลังถูกสะกดจิตหมู่ในเลือกข้างจากสถานการณ์ แดงเกลียดเหลือง เหลืองชังแดง แกไม่คิดเหมือนฉัน งั้นแกก็อยู่อีกฝั่งใช่ไหม
แกไม่ฟังกำนันแกเป็นแดง แกไม่ดูช่องแดง แกเป็นเหลือง ฯลฯ
ยกตัวอย่างพอเข้าใจนะครับ
ตอนเลือกผู้ว่า กทม ผมไม่ใช่คน กทม แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่ใน กทม มาหลายสิบปี ครั้งล่าสุดมีตัวเลือกดีๆมาให้มากมาย ผมยังแอบอินไปด้วยว่า ถ้าผมเลือกได้ ผมจะเลือกใคร
ก่อนหน้านั้นคนรอบตัวที่เป็นคน กทม ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน ในกลุ่มเพื่อน กลุ่มลูกค้า ก็บอกว่าตัวเลือกดีๆเยอะ คนนั้นชอบคนนี้ คนนี้ชอบคนนั้น โดยทุกคนก็ว่าจะเลือกคนที่ตนคิดว่าดี ย้ำนะครับว่าเลือกคนดี และต่อด้วยการเหน็บถึง 2 ตัวแทนจาก 2 พรรรค การเมืองใหญ่ ว่าไม่ดีอย่างนั้น เลวอย่างงี้ ขึ้นอยู่กับว่าคนพูดอยู่ฟังไหน และท่อนจบคือ รอบนี้ขอเลือกคนดีกันซักครั้ง ถึงยังไม่ได้ลองดูฝีมือกัน เพราะหน้าใหม่กันหมด แต่ background ค่อนข้างดีกันทุกคน
แต่เมื่อวันเลือกตั้งผู้ว่างวดขึ้นมาเรื่อยๆ และโพลต่างๆก็ออกมา ตัวเลือกใหม่ๆถึงคะแนนจะไม่ได้นำแต่ก็ถือว่าค่อนข้างเยอะทีเดียว บทสนทนาจากคนรอบตัวกลุ่มเดิมๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยสรุปคือ สงสัยรอบนี้คงต้องกลับไปเลือกฝั่งพรรคใหญ่ก่อน ด้วยเหตุผลที่ไร้ตรรกะอย่างสิ้นเชิง คือ "อีกพรรคที่ตนเกลียด คะแนนค่อนข้างเยอะ ถึงแม้พรรคใหญ่ที่ตนชอบ จะไม่ใช่คนดี คนเก่งอะไร ก็ยังดีกว่าปล่อยอีกพรรคได้รับเลือกตั้ง ส่วนตัวเลือกใหม่ที่คิดว่าดีสำหรับ กทม. เอาไว้ก่อนแล้วกัน ถึงเลือกไปก็คงไม่ได้หรอก เสียคะแนนไปเปล่าๆ"
และผลการเลือกตั้งก็ออกมา สองพรรคใหญ่ คะแนนท่วมท้น ตัวเลือกดีๆ คะแนนน้อยลงไปอย่างชัดเจน คนดีที่เสนอตัวมาก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะกลับมาให้พวกเราเลือกกันอีกหรือเปล่า เพราะสุดท้าย คนส่วนใหญ่ ไม่ได้เลือกคนจากการกระทำ แต่ยังเลือกว่ามาจากพรรคไหน และเลือกด้วยความเกลียดชังมากกว่าเหตุผลหรือผลงาน
ตัวอย่างอีกอันซึ่งผมยังจำได้ดี วันที่มือปืนป๊อบคอร์นออกมาในตอนแรก มีแต่รูปถ่าย ข่าวยังไม่ละเอียดว่าเค้าอยู่ฝั่งไหน แต่ละฝั่งก็รีบแชร์ด่ากันว่าไอ้เฟี่ยนี่ใช้กำลัง ใช้อาวุธสงคราม กร่างเกิน ไหนว่าสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ทำร้ายประชาชนที่มาชุมนุมโดยสงบ สมน้ำหน้าอีกฝั่งว่าสมควร ต้องโดนซะบ้าง ฯลฯ
หลังจากความจริงกระจ่างในเวลาอีกแค่ชั่วโมงถัดมา ว่าป๊อบคอร์นเค้ามาทำอะไร อยู่ฝั่งไหน ฝั่งเดียวกันที่เคยด่าว่า ทำอย่างงี้ได้อย่างไร ทำร้ายประชาชน เป็นคนของรัฐบาล ชายชุดดำ แดงเปลี่ยนชุดมาทำร้ายประชาชน ก็กลับยกย่องสรรเสริญว่าราวกับเค้าเป็นเทวดา และวีรบุรุษ มีลุงคนนึ่งโดนลูกหลง ก็ยังไปสมน้ำหน้าเค้า
อีกฝั่งจากที่บอกว่า ฝั่งม๊อบสมควรโดนสั่งสอน อันนี่แค่มาขู่นะ เอาจริงจะขนาดไหน แต่ไปๆมาๆ เค้าอยู่อีกฝั่ง ก็กรนด่าสาปแช่งว่า ไหนว่าปราศจากอาวุธ ยิงผุ้บริสุทธิ์
เรื่องสื่อก็เป็นอีกตัวอย่าง เอาชัดๆ ก็คุณสรยุทธ จากการวิพากษ์ของคนกลุ่มเดิมรอบตัว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณสรยุทธไม่เป็นกลาง เป็นแดงบ้าง เป็นเหลืองบ้าง ไม่น่าเชื่อครับ คุณสรยุทธ มีรายการหลักอยู่ 3 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ เจาะข่าวเด่น และ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ และไม่เคยเป็นคนถูกสัมภาษณ์ หรือ ถูกนำไปดีแบตเรื่องการเมืองกับใคร แค่นำเสนอข่าว แต่ก็ยังถูกแดงผลักไปให้เป็นเหลือง เหลืองผลักให้เป็นแดง
ตกลงทุกวันนี้พวกเรายังเลือกพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค เพราะว่าพรรคที่ตนรักตนชอบ มีฝีมือ เป็นคนดี หรือเลือกเพราะเกลียดอีกพรรค จนกลัวว่าจะเห็นพรรคนั้นขึ้นเป็นรัฐบาล และ เมื่อพรรคที่ตนเลือกได้เป็นรัฐบาล แล้วโกงกิน ซึ่งก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันโกง มันกินแน่ แต่ก็ยังคิดว่า ยังไงก็ยังดีกว่าเห็นอีกพรรค ซึ่งมันก็โกงกิน เช่นกัน ได้เป็นรัฐบาล
นี่แหละครับที่ผมว่าเรากำลังติดบ่วงอะไรกันหรือเปล่า คนดีมาให้เลือก อยากเลือกนะ แต่เลือกไม่ได้ เรามีแค่หนึ่งเสียง ต้องเอาไปช่วยพรรคที่ก็รู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องสืบ ก็รู้ว่ามันชั่ว แต่เราเกลียดอีกพรรคนึ่งมากกว่า เห็นมันเป็นรัฐบาล เราคงไม่สบายใจ
แล้วอย่างนี้พื้นที่เรา ประเทศเราจะไปต่อได้อย่างไรครับ
ประชาชนกำลังติดบ่วงหรือเปล่า???????
เท่าที่ไล่อ่านดูกระทู้ที่จั่วหัวไป 10 กระทู้ กอปรกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน เลยมานั่งคิดว่า เรากำลังเดินสู่การเมืองที่มีแค่ 2 ขั้วใหญ่หรือเปล่า
ผมรู้สึกเหมือนตอนนี้เรากำลังถูกสะกดจิตหมู่ในเลือกข้างจากสถานการณ์ แดงเกลียดเหลือง เหลืองชังแดง แกไม่คิดเหมือนฉัน งั้นแกก็อยู่อีกฝั่งใช่ไหม
แกไม่ฟังกำนันแกเป็นแดง แกไม่ดูช่องแดง แกเป็นเหลือง ฯลฯ
ยกตัวอย่างพอเข้าใจนะครับ
ตอนเลือกผู้ว่า กทม ผมไม่ใช่คน กทม แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่ใน กทม มาหลายสิบปี ครั้งล่าสุดมีตัวเลือกดีๆมาให้มากมาย ผมยังแอบอินไปด้วยว่า ถ้าผมเลือกได้ ผมจะเลือกใคร
ก่อนหน้านั้นคนรอบตัวที่เป็นคน กทม ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน ในกลุ่มเพื่อน กลุ่มลูกค้า ก็บอกว่าตัวเลือกดีๆเยอะ คนนั้นชอบคนนี้ คนนี้ชอบคนนั้น โดยทุกคนก็ว่าจะเลือกคนที่ตนคิดว่าดี ย้ำนะครับว่าเลือกคนดี และต่อด้วยการเหน็บถึง 2 ตัวแทนจาก 2 พรรรค การเมืองใหญ่ ว่าไม่ดีอย่างนั้น เลวอย่างงี้ ขึ้นอยู่กับว่าคนพูดอยู่ฟังไหน และท่อนจบคือ รอบนี้ขอเลือกคนดีกันซักครั้ง ถึงยังไม่ได้ลองดูฝีมือกัน เพราะหน้าใหม่กันหมด แต่ background ค่อนข้างดีกันทุกคน
แต่เมื่อวันเลือกตั้งผู้ว่างวดขึ้นมาเรื่อยๆ และโพลต่างๆก็ออกมา ตัวเลือกใหม่ๆถึงคะแนนจะไม่ได้นำแต่ก็ถือว่าค่อนข้างเยอะทีเดียว บทสนทนาจากคนรอบตัวกลุ่มเดิมๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยสรุปคือ สงสัยรอบนี้คงต้องกลับไปเลือกฝั่งพรรคใหญ่ก่อน ด้วยเหตุผลที่ไร้ตรรกะอย่างสิ้นเชิง คือ "อีกพรรคที่ตนเกลียด คะแนนค่อนข้างเยอะ ถึงแม้พรรคใหญ่ที่ตนชอบ จะไม่ใช่คนดี คนเก่งอะไร ก็ยังดีกว่าปล่อยอีกพรรคได้รับเลือกตั้ง ส่วนตัวเลือกใหม่ที่คิดว่าดีสำหรับ กทม. เอาไว้ก่อนแล้วกัน ถึงเลือกไปก็คงไม่ได้หรอก เสียคะแนนไปเปล่าๆ"
และผลการเลือกตั้งก็ออกมา สองพรรคใหญ่ คะแนนท่วมท้น ตัวเลือกดีๆ คะแนนน้อยลงไปอย่างชัดเจน คนดีที่เสนอตัวมาก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะกลับมาให้พวกเราเลือกกันอีกหรือเปล่า เพราะสุดท้าย คนส่วนใหญ่ ไม่ได้เลือกคนจากการกระทำ แต่ยังเลือกว่ามาจากพรรคไหน และเลือกด้วยความเกลียดชังมากกว่าเหตุผลหรือผลงาน
ตัวอย่างอีกอันซึ่งผมยังจำได้ดี วันที่มือปืนป๊อบคอร์นออกมาในตอนแรก มีแต่รูปถ่าย ข่าวยังไม่ละเอียดว่าเค้าอยู่ฝั่งไหน แต่ละฝั่งก็รีบแชร์ด่ากันว่าไอ้เฟี่ยนี่ใช้กำลัง ใช้อาวุธสงคราม กร่างเกิน ไหนว่าสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ทำร้ายประชาชนที่มาชุมนุมโดยสงบ สมน้ำหน้าอีกฝั่งว่าสมควร ต้องโดนซะบ้าง ฯลฯ
หลังจากความจริงกระจ่างในเวลาอีกแค่ชั่วโมงถัดมา ว่าป๊อบคอร์นเค้ามาทำอะไร อยู่ฝั่งไหน ฝั่งเดียวกันที่เคยด่าว่า ทำอย่างงี้ได้อย่างไร ทำร้ายประชาชน เป็นคนของรัฐบาล ชายชุดดำ แดงเปลี่ยนชุดมาทำร้ายประชาชน ก็กลับยกย่องสรรเสริญว่าราวกับเค้าเป็นเทวดา และวีรบุรุษ มีลุงคนนึ่งโดนลูกหลง ก็ยังไปสมน้ำหน้าเค้า
อีกฝั่งจากที่บอกว่า ฝั่งม๊อบสมควรโดนสั่งสอน อันนี่แค่มาขู่นะ เอาจริงจะขนาดไหน แต่ไปๆมาๆ เค้าอยู่อีกฝั่ง ก็กรนด่าสาปแช่งว่า ไหนว่าปราศจากอาวุธ ยิงผุ้บริสุทธิ์
เรื่องสื่อก็เป็นอีกตัวอย่าง เอาชัดๆ ก็คุณสรยุทธ จากการวิพากษ์ของคนกลุ่มเดิมรอบตัว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณสรยุทธไม่เป็นกลาง เป็นแดงบ้าง เป็นเหลืองบ้าง ไม่น่าเชื่อครับ คุณสรยุทธ มีรายการหลักอยู่ 3 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ เจาะข่าวเด่น และ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ และไม่เคยเป็นคนถูกสัมภาษณ์ หรือ ถูกนำไปดีแบตเรื่องการเมืองกับใคร แค่นำเสนอข่าว แต่ก็ยังถูกแดงผลักไปให้เป็นเหลือง เหลืองผลักให้เป็นแดง
ตกลงทุกวันนี้พวกเรายังเลือกพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค เพราะว่าพรรคที่ตนรักตนชอบ มีฝีมือ เป็นคนดี หรือเลือกเพราะเกลียดอีกพรรค จนกลัวว่าจะเห็นพรรคนั้นขึ้นเป็นรัฐบาล และ เมื่อพรรคที่ตนเลือกได้เป็นรัฐบาล แล้วโกงกิน ซึ่งก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันโกง มันกินแน่ แต่ก็ยังคิดว่า ยังไงก็ยังดีกว่าเห็นอีกพรรค ซึ่งมันก็โกงกิน เช่นกัน ได้เป็นรัฐบาล
นี่แหละครับที่ผมว่าเรากำลังติดบ่วงอะไรกันหรือเปล่า คนดีมาให้เลือก อยากเลือกนะ แต่เลือกไม่ได้ เรามีแค่หนึ่งเสียง ต้องเอาไปช่วยพรรคที่ก็รู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องสืบ ก็รู้ว่ามันชั่ว แต่เราเกลียดอีกพรรคนึ่งมากกว่า เห็นมันเป็นรัฐบาล เราคงไม่สบายใจ
แล้วอย่างนี้พื้นที่เรา ประเทศเราจะไปต่อได้อย่างไรครับ