สายน้ำผึ้งโมเดล ไขปริศนา ยาสตรี ทำให้แท้งได้จริงหรือ ???

สายน้ำผึ้งโมเดล ไขปริศนา ยาสตรี ทำให้แท้งได้จริงหรือ ???

ที่มา http://drchawtoo.blogspot.com/2014/03/blog-post_5086.html

          ช่วงนี้กระแสละคร " สามีตีตรา " กำลังมาแรง โดยเฉพาะบทบาทของ " สายน้ำผึ้ง "  สาวสวยใสแต่ร้ายลึก ซึ่งรับบทโดยคุณจุ๋ย วรัทยา ซึ่งพลิกบทบาทมาเล่นบทร้ายครั้งแรกกับทางช่อง 3 จำได้ว่าตอนที่นั่งดูละครเพลินๆ อยู่นั้น ผมสังเกตว่ามีอยู่ฉากหนึ่งที่ " สายน้ำผึ้ง "  เธอพยายามที่จะทำให้ลูกในท้องของเธอแท้งออกมาด้วยการกินยาขับประจำเดือน หรือยาสตรีที่เราๆเข้าใจกัน  จนเป็นเหตุให้คนใกล้ตัวของผมเกิดข้อสงสัยและถามผมว่า

" ยาสตรีที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดสามารถทำให้ผู้หญิงแท้งได้จริงหรือ ??? "




          ก็ต้องยอมรับครับว่าเป็นคำถามที่ได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง และเชื่อว่าคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ยังมีข้อสงสัย หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับสรรพคุณของยาสตรีนี้อยู่ วันนี้ผมเลยขอถือโอกาสไขข้อสงสัยเกี่ยวกับยาสตรีนี้ซะเลยแล้วกัน เผื่อว่าละครไทยเรื่องต่อๆไปจะได้ไม่มีฉากกินยาสตรีแล้วแท้งกันอีกนะครับ

          ได้ชื่อว่ายาสตรี ก็คงทายได้ไม่ยากว่าเป็นยาสำหรับคุณผู้หญิงอย่างแน่นอน และแม้ว่าเราจะเคยได้ยินชื่อยาสตรีมาตั้งแต่เด็กๆ แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่รู้ถึงสรรพคุณของยาสตรีนี้ดีและใช้ได้อย่างเหมาะสม  ยาสตรีที่เห็นวางขายกันตามท้องตลาดนั้นไม่ว่าจะเป็นชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด หรือชนิดน้ำ  จัดเป็นยาแผนโบราณ ซึ่งทางการแพทย์แผนไทยถือว่ายาสตรีเป็นยาสมุนไพรบำรุงธาตุไฟ โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบที่สำคัญๆดังนี้คือ

          1. สมุนไพรที่มีฤทธิ์ขับลม ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต ช่วยระบบหมุนเวียนโลหิต ได้แก่ น้ำมันสะระแหน่ ดอกคำฝอย ชะเอม ดอกจันทน์  เปลือกส้ม ขิง ข่า ตะไคร้ กานพลู ขมิ้นชัน การบูร ไพล พริกไทย เทียนดำ เทียนแดง แก่นขี้เหล็ก  แก่นฝาง เป็นต้น

          2. สมุนไพรที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง ( Phytoestrogen)  ได้แก่ ว่านชักมดลูกเพศเมีย โกศเชียงหรือตังกุย  กวาวเครือขาว

          3. แอลกอฮอล์ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ใช้สกัดฤทธิ์ทางยาออกจากสมุนไพร ลักษณะคล้ายยาดองเหล้า

          ดังนั้นสรรพคุณเด่นๆของยาสตรีนั่นก็คือ บำรุงโลหิต ช่วยระบบหมุนเวียนโลหิต บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด เจริญอาหาร นอกจากจะเป็นผลมาจากฤทธิ์ของสมุนไพรเองแล้ว แอลกอออล์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญก็มีผลโดยตรง ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดสูบฉีดมากขึ้น จึงทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระชุ่มกระชวย ใบหน้าแดงคล้ายมีเลือดฝาด แต่หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจทำให้ติดสุราตามมาโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

          ส่วนสรรพคุณด้านประจำเดือน แก้ปัญหาประจำเดือนไม่ปกติ แก้ปวดประจำเดือน ช่วยขับน้ำคาวปลา ทำให้มดลูกแห้งเร็วเข้าอู่เร็วขึ้น หรือใช้เป็นยาแทนการอยู่ไฟนั้น เป็นผลมาจากสมุนไพรที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง อย่างเช่น ว่านชักมดลูกเพศเมีย โกศเชียงหรือตังกุย กวาวเครือขาว ซึ่งถือเป็นสมุนไพรที่มีสารที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง ที่เรียกว่า ไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) โดยที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนนี่เองที่มีบทบาทในการแสดงออกของลักษณะทางเพศหญิง  เช่น มีหน้าอก ผิวพรรณเปล่งปลั่ง การมีประจำเดือน ตั้งแต่วัยรุ่น วัยเจริญพันธุ์ จนกระทั่งวัยหมดประจำเดือน

          ดังนั้นคุณผู้หญิงที่ยังไม่หมดประจำเดือน เมื่อรับประทานยาสตรีนี้เข้าไป ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะไปกระตุ้นให้เต้านมขยายใหญ่ขึ้น ผิวพรรณมีน้ำมีนวล และที่สำคัญคือ ออกฤทธิ์กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัวขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรับประทานติดต่อกันนานๆ เยื่อบุโพรงมดลูกก็ยิ่งหนาตัวมากขึ้น แต่พอเราหยุดรับประทานยาสตรี ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายก็จะลดลงอย่างฉับพลัน ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่สามารถหนาตัวต่อไปได้อีก จึงหลุดลอกออกมาเป็นเลือดคล้ายประจำเดือน  เรียกว่าเหตุการณ์นี้ว่า ภาวะเลือดออกจากระดับฮอร์โมนลดต่ำลง (Withdrawal bleeding) ดังนั้นคนทั่วไปจึงเข้าใจว่ายาสตรีนั้นช่วยขับเลือดเสีย แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือขับน้ำคาวปลา แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นผลมาจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศหญิงที่มีอยู่ในยาสตรีนั่นเองครับ  ส่วนผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว หากรับประทานยาสตรีเข้าไป ก็เสมือนว่าร่างกายได้รับฮอร์โมนชดเชย จึงทำให้อาการของวัยทองดีขึ้น สดชื่นขึ้น แต่ก็อาจส่งผลให้มีปัญหาเลือดออกกะปริดกะปรอยได้เช่นกัน หรือบางรายที่ใช้ยาสตรีเป็นเวลานานอาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมากผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกก็เป็นได้

          ในกรณีคุณผู้หญิงนั้นที่ตั้งครรภ์อยู่แต่เผลอรับประทานยาสตรีเข้าไปทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีอยู่ในยาสตรีนั้น ไม่สามารถ ทำให้มีเลือดออกหรือแท้งบุตรออกมาได้ เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนของหญิงตั้งครรภ์จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าคนปกติหลายเท่า ดังนั้นแม้ว่าการที่เราหยุดยาจะทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำลง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระดับฮอร์โมนในภาพรวมที่สูงมากอยู่แล้ว ผนังโพรงมดลูกจึงไม่หลุดลอกออกมาเป็นเลือดให้เราเห็น เพราะไม่เกิด Withdrawal bleeding นั่นเอง ทีนี้คงพอจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยล่ะครับว่า ยาสตรีไม่ใช่ยาทำแท้งอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดมาโดยตลอด หนำซ้ำหากรับประทานต่อเนื่องระหว่างช่วงตั้งครรภ์นอกจากจะทำให้ไม่แท้งแล้ว มารดาอาจติดแอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนประกอบหลักในยาสตรีโดยไม่รู้ตัว และอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์มีความผิดปกติ อย่างที่ได้เคยเขียนบรรยายไปในบทความเรื่องลำยองก็เป็นได้

          ว่านชักมดลูกและกวาวเครือ ยังมีฤทธิ์ทำให้มดลูกบีบตัวอย่างอ่อนๆ ทำให้เลือดประจำเดือนหยุดเร็วขึ้น คนโบราณจึงเชื่อว่ายาสตรีสามารถทำให้มดลูกเข้าอู่ได้ดีแทนการอยู่ไฟ บางครั้งโฆษณาสรรพคุณว่าดีมากถึงขั้นป้องกันมดลูกหย่อน ช่วยกระชับช่องคลอดให้ฟิตโดยไม่ต้องผ่าตัดรีแพร์ ซึ่งก็ดูจะอวดสรรพคุณมากจนเกินไปสักหน่อย ส่วนสรรพคุณอื่นๆของยาสตรีที่ดูจะครอบจักรวาลเสียเหลือเกินนั้น  เช่น สามารถป้องกันมะเร็ง รักษากระดูกพรุน คงต้องขอบอกว่าสรรพคุณบางอย่าง ยังไม่มีการศึกษาทางวิชาการรับรองว่ามีประโยชน์ชัดเจน แนะนำเพียงว่าเป็นการรักษาทางเลือกเท่านั้นไม่ได้ผลและปลอดภัยในทุกกรณี อีกทั้งอาจเป็นอันตรายเสียด้วยซ้ำหากใช้โดยไม่ศึกษาหรือไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ ว่าตนเองมีข้อห้าม ข้อควรระมัดระวังในการใช้ยาสตรีหรือไม่ อย่างไร และเหมาะสมที่จะใช้ยาหรือเปล่า ผมขอยกตัวอย่างโรคบางโรคที่การใช้ยาสตรีอาจส่งผลเสียให้โรคกำเริบ หรือรุนแรงมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

          - มะเร็งที่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น มะเร็งเต้านม  มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่บางชนิด เป็นต้น

          - เนื้องอกหรือถุงน้ำที่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น โรคช็อคโกแลตซีสต์ เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก ซีสต์ที่เต้านม เป็นต้น

          - โรคทางระบบหลอดเลือดและหัวใจ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด  หลอดเลือดดำอุดตัน เส้นเลือดขอด ยาสตรีอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันมากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้

          - สตรีตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร  แอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนประกอบในยาสตรีนั้นสามารถส่งผ่านไปยังทารก จนอาจก่อให้เกิดความผิดปกติทางด้านร่างกาย สติปัญญา ตลอดจนพัฒนาการของเด็กในอนาคตได้

          จะเห็นได้ว่าการรับประทานยาไม่ว่าจะเป็นยาสตรีหรือยาชนิดใดก็ตาม คุณผู้อ่านควรต้องศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสียก่อน อย่าหลงเชื่อคำบอกเล่าหรือโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง ควรรู้ข้อดีข้อเสียและสรรพคุณที่แท้จริงก่อนตัดสินใจใช้ยา หากยังไม่แน่ใจควรขอคำแนะนำจาก เภสัชกร หรือแพทย์เฉพาะทาง อีกทั้งควรตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้นให้ละเอียดเสียก่อนว่าไม่มีโรคร้ายแรงใดๆซ่อนเร้นอยู่ หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าสามารถใช้ยาสตรีเป็นการรักษาทางเลือกได้ ก็จะได้ใช้ยาได้อย่างสบายใจ และควรเฝ้าติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมออีกด้วยครับ สุดท้ายนี้หวังว่าสายน้ำผึ้ง เธอคงจะมีโอกาสได้อ่านบทความเรื่องนี้ และหันมาทะนุถนอมลูกน้อยในครรภ์ของเธอให้คลอดออกมาเป็นเด็กที่สมบูรณ์แข็งแรงต่อไปนะครับ



นพ.ปัญญา ศักดิ์สง่าวงษ์
สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่