สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เราว่าพ่อแม่ของ จขกท ค่อนข้างตามใจลูกมากๆแล้วนะคะ
ติดศิลปากรแต่ไม่เรียน ไปเรียน ม. กรุงเทพแทน
ถ้าเป็นพ่อแม่ของคนอีกหลายๆคน พี่ว่าพ่อแม่เขาไม่ตามใจหรอกค่ะ
ยิ่งถ้าน้องบอกว่าพ่อน้องอีโก้จัด ดูถูกม.เอกชน
แต่เขากลับตามใจน้องขนาดนี้ มองไม่ออกเลยเหรอคะ
แล้วมองเรื่องค่าใช้จ่ายอีก ม.กรุงเทพไม่ถูกเลยนะคะน้อง
คนที่ไม่มีฐานะ หรือคนที่พ่อแม่ไม่สนับสนุน เรียนไม่ได้หรอกค่ะ
นี่พ่อแม่ตามใจจนถึงขนาดนี้ น้องเคยเห็นบ้างไม้ว่าท่านทำเพื่อน้อง
คนเป็นพ่อเป็นแม่ส่งลูกเรียนจนจบ ก็อยากไปงานรับปริญญาลูกกันทั้งนั้น
ขนาดน้องบอกว่าพ่อดูถูก ม.เอกชน แต่เขาก็ตั้งตารอไปงานรับปริญญาน้อง
น้องมองอะไรไม่ออกเลยเหรอคะ
ถ้าเขาไม่ภูมิใจในตัวน้อง เขาคงไม่อยากไปงานรับปริญญา ม.เอกชนที่น้องบอกว่าพ่อดูถูกตลอดหรอกค่ะ
ย้อนไป 4 ปีก่อน ถ้าไม่รักและตามใจลูก คิดจริงๆเหรอว่าน้องจะได้เข้าเรียน ม.กรุงเทพ
ถ้าเขาไม่เข้าใจน้อง คิดว่าเขาจะยอมให้น้องเลือกเข้า ม.เอกชนเหรอคะ
คิดบ้างไม้ว่า ความสำเร็จที่น้องเล่าอย่างภูมิใจ
ว่าจบเกียรตินิยมอันดับ 1 และได้ทำงานบ.ต่างชาติที่มีโอกาสก้าวหน้า
ใครอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของน้องคะ คิดว่าพี่เลี้ยงเหรอ
การที่น้องจะมาได้ขนาดนี้ พ่อแม่ต้องวางแผนตั้งแต่อนุบาลนะคะ
ม.ต้น ม.ปลาย ทุกอย่างคือการเลือกให้ลูก
การที่น้องเรียนดี ก็ต้องมาจากพื้นฐานที่ดี ซึ่งมันต้องย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น
น้องเขียนมาให้คนอื่นอ่านมานี่ ไม่เห็นความดีของพ่อแม่เลยนะคะ
มีแต่บอกว่าตัวเองอยู่กับพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงเข้าใจมากที่สุด
แล้วพ่อแม่หายตัวไปไหนระหว่างที่น้องเติบโตมาคะ
น่าสงสารที่คุณพ่อคุณแม่มีลูกสาวคนเดียวที่ไม่ได้ appreciate เลยในสิ่งที่พวกท่านให้
น้องเปิดโลกกว้างทางความคิด แต่จิตใจกลับไม่เปิดกว้างตาม น่าเสียดายนะคะ
คิดใหม่เถอะค่ะ มองพ่อแม่ใหม่ เปิดใจให้กว้าง
ทำใหม่เถอะค่ะ ตามใจตัวเองซึ่งพ่อแม่ก็ตามใจแล้ว กะอีแค่รับปริญญาแค่นี้ ทำให้ไม่ได้เลยเหรอคะ
ขอโทษนะที่พูดแรง แต่พี่อยากให้น้องมองเห็นในอีกมุมนึงบ้าง อย่ามองแต่ตัวเอง
เมื่อโตขึ้นไป น้องจะได้เป็นคนที่น่ารักกว่านี้
ติดศิลปากรแต่ไม่เรียน ไปเรียน ม. กรุงเทพแทน
ถ้าเป็นพ่อแม่ของคนอีกหลายๆคน พี่ว่าพ่อแม่เขาไม่ตามใจหรอกค่ะ
ยิ่งถ้าน้องบอกว่าพ่อน้องอีโก้จัด ดูถูกม.เอกชน
แต่เขากลับตามใจน้องขนาดนี้ มองไม่ออกเลยเหรอคะ
แล้วมองเรื่องค่าใช้จ่ายอีก ม.กรุงเทพไม่ถูกเลยนะคะน้อง
คนที่ไม่มีฐานะ หรือคนที่พ่อแม่ไม่สนับสนุน เรียนไม่ได้หรอกค่ะ
นี่พ่อแม่ตามใจจนถึงขนาดนี้ น้องเคยเห็นบ้างไม้ว่าท่านทำเพื่อน้อง
คนเป็นพ่อเป็นแม่ส่งลูกเรียนจนจบ ก็อยากไปงานรับปริญญาลูกกันทั้งนั้น
ขนาดน้องบอกว่าพ่อดูถูก ม.เอกชน แต่เขาก็ตั้งตารอไปงานรับปริญญาน้อง
น้องมองอะไรไม่ออกเลยเหรอคะ
ถ้าเขาไม่ภูมิใจในตัวน้อง เขาคงไม่อยากไปงานรับปริญญา ม.เอกชนที่น้องบอกว่าพ่อดูถูกตลอดหรอกค่ะ
ย้อนไป 4 ปีก่อน ถ้าไม่รักและตามใจลูก คิดจริงๆเหรอว่าน้องจะได้เข้าเรียน ม.กรุงเทพ
ถ้าเขาไม่เข้าใจน้อง คิดว่าเขาจะยอมให้น้องเลือกเข้า ม.เอกชนเหรอคะ
คิดบ้างไม้ว่า ความสำเร็จที่น้องเล่าอย่างภูมิใจ
ว่าจบเกียรตินิยมอันดับ 1 และได้ทำงานบ.ต่างชาติที่มีโอกาสก้าวหน้า
ใครอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของน้องคะ คิดว่าพี่เลี้ยงเหรอ
การที่น้องจะมาได้ขนาดนี้ พ่อแม่ต้องวางแผนตั้งแต่อนุบาลนะคะ
ม.ต้น ม.ปลาย ทุกอย่างคือการเลือกให้ลูก
การที่น้องเรียนดี ก็ต้องมาจากพื้นฐานที่ดี ซึ่งมันต้องย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น
น้องเขียนมาให้คนอื่นอ่านมานี่ ไม่เห็นความดีของพ่อแม่เลยนะคะ
มีแต่บอกว่าตัวเองอยู่กับพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงเข้าใจมากที่สุด
แล้วพ่อแม่หายตัวไปไหนระหว่างที่น้องเติบโตมาคะ
น่าสงสารที่คุณพ่อคุณแม่มีลูกสาวคนเดียวที่ไม่ได้ appreciate เลยในสิ่งที่พวกท่านให้
น้องเปิดโลกกว้างทางความคิด แต่จิตใจกลับไม่เปิดกว้างตาม น่าเสียดายนะคะ
คิดใหม่เถอะค่ะ มองพ่อแม่ใหม่ เปิดใจให้กว้าง
ทำใหม่เถอะค่ะ ตามใจตัวเองซึ่งพ่อแม่ก็ตามใจแล้ว กะอีแค่รับปริญญาแค่นี้ ทำให้ไม่ได้เลยเหรอคะ
ขอโทษนะที่พูดแรง แต่พี่อยากให้น้องมองเห็นในอีกมุมนึงบ้าง อย่ามองแต่ตัวเอง
เมื่อโตขึ้นไป น้องจะได้เป็นคนที่น่ารักกว่านี้
ความคิดเห็นที่ 22
พูดในฐานะของพ่อที่มีลูกสาว2คนน๊ะ
ถ้าผมมีลูกอย่างหนูเนี่ย ผมจะภูมิใจมากๆ
คุณไม่ใช่คนอกกัตญูอะไรนั่นหรอก.....ไร้สาระ
เพราะถ้าเปนจริงๆคุณจะไม่แคร์อะไรเลย
จะไม่มากลุ้มใจอะไรนี่หรอก
คุณเปนคนมีความคิด
มีจุดยืนที่ชัดเจนน่าชมเชย
ไม่ใช่เชียร์คุณเรื่องรับไม่รับปริญญาอะไรนี่หรอกน๊ะ
เพราะนี่เป็นเรื่องเปลือกๆ
แต่เรื่องที่ดีในตัวคุณที่หายากสำหรับเด็กสมัยนี้คือความชัดเจน ความมุ่งมั่น และใฝ่ดี
ส่วนเรื่องรับปริญานั้น
ถ้าไม่ใช่เรื่องเหนื่อยหรือลำบากอะไรหนักหนาก็รับๆไปเหอะ นึกเสียว่าทำให้ท่านสบายใจ
ชีวิตต้องก้าวไปอีกไกล อย่าทำให้เรื่องแค่นี้ต้องมาเปนประเด็นเลย
ถ้าผมมีลูกอย่างหนูเนี่ย ผมจะภูมิใจมากๆ
คุณไม่ใช่คนอกกัตญูอะไรนั่นหรอก.....ไร้สาระ
เพราะถ้าเปนจริงๆคุณจะไม่แคร์อะไรเลย
จะไม่มากลุ้มใจอะไรนี่หรอก
คุณเปนคนมีความคิด
มีจุดยืนที่ชัดเจนน่าชมเชย
ไม่ใช่เชียร์คุณเรื่องรับไม่รับปริญญาอะไรนี่หรอกน๊ะ
เพราะนี่เป็นเรื่องเปลือกๆ
แต่เรื่องที่ดีในตัวคุณที่หายากสำหรับเด็กสมัยนี้คือความชัดเจน ความมุ่งมั่น และใฝ่ดี
ส่วนเรื่องรับปริญานั้น
ถ้าไม่ใช่เรื่องเหนื่อยหรือลำบากอะไรหนักหนาก็รับๆไปเหอะ นึกเสียว่าทำให้ท่านสบายใจ
ชีวิตต้องก้าวไปอีกไกล อย่าทำให้เรื่องแค่นี้ต้องมาเปนประเด็นเลย
ความคิดเห็นที่ 9
ตอนเราจบ เราก็ไม่ไปรับค่ะ ไม่ไปทั้งวันซ้อมและวันจริงเลย
เหตุผล คือ ขี้เกียจ เหนื่อย ร้อน คนเยอะ วุ่นวาย
บวกกับที่บ้านไม่ได้อะไรกับเรื่องปริญญาด้วย ถึงต่อให้เราไปรับ พ่อแม่ก็ไม่ไปอยู่ดี ด้วยเหตุผลเดียวกัน
พ่อ แม่ ลูก นิสัยเดียวกันเป๊ะ คือ ง่ายๆ ไม่ยึดติด ไม่ถือธรรมเนียม ประเพณี รักสงบ เกลียดคนเยอะ เสียงดัง และความวุ่นวาย
เหตุผล คือ ขี้เกียจ เหนื่อย ร้อน คนเยอะ วุ่นวาย
บวกกับที่บ้านไม่ได้อะไรกับเรื่องปริญญาด้วย ถึงต่อให้เราไปรับ พ่อแม่ก็ไม่ไปอยู่ดี ด้วยเหตุผลเดียวกัน
พ่อ แม่ ลูก นิสัยเดียวกันเป๊ะ คือ ง่ายๆ ไม่ยึดติด ไม่ถือธรรมเนียม ประเพณี รักสงบ เกลียดคนเยอะ เสียงดัง และความวุ่นวาย
แสดงความคิดเห็น
[กระทู้ขอระบาย] การไม่อยากเข้ารับปริญญานี่เป็นเรื่องน่าผิดหวังมากเลยเหรอคะ?
เรื่องคือเราเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน และเราก็เป็นคนที่ไม่สนิทกับพ่อแม่ค่ะ (ติดพี่เลี้ยง)
ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ไม่ใส่ใจนะคะ เสาร์อาทิตย์ก็ยังมีไปเดินเที่ยวห้าง ไปกินข้าวกันบ้าง...
แต่เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด จริงๆจังๆเนี่ย บอกเลยว่าไม่มีเลย (ยกเว้นตอนเด็กจริงๆ <7ขวบ)
ถ้าจะไปต่างจังหวัดเค้าจะชอบฝากเราไปกับบ้านอาตลอดค่ะ (บ้านนั้นเค้าชอบเที่ยว มีลูก 3 คน ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องเราเอง)
เรารู้ว่าเค้าคาดหวังในตัวเรามาก โดยเฉพาะพ่อเราซึ่งเป็นคนอีโก้สูง (จบมาดี ได้ทำงานดีๆ)
ตั้งแต่เล็กจนโตทำงานถึงทุกวันนี้ เราก็เลยตั้งใจทำทุกอย่างให้ดี เพื่อให้เค้าภูมิใจเสมอมา...
ตั้งแต่มัธยม... เราเรียนดีมาตลอด 3.6-3.9 ไม่เคยตกจากนี้ แม้แต่ตอนช่วงที่เรามีแฟนที่เค้าด่าว่าเรา เราก็พิสูจน์ให้เค้าเห็นได้ว่าการเรียนเราไม่ตก
พอจะเข้ามหาวิทยาลัย... เรื่องนี้ทะเลาะกันใหญ่โตเลยค่ะ ประเด็นคือเราอยากเรียนนิเทศฯ และเราอยากเรียน ม.กรุงเทพ (ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน)
พ่อเราปรี๊ดแตกเลยค่ะ เหมือนกับเค้าแค่ต้องการได้ชื่อว่าลูกสาวเค้า "เอ็นฯติด" เท่านั้น ที่ไหนเค้าไม่สน แค่ขอให้เอ็นฯติด
เราก็โอเค เลยบอกเค้าว่าถ้าติดนิเทศ จุฬา หรือ วารสาร มธ. จะเรียนนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเลือกอันดับ 3 ไปที่ๆคิดว่าตัวเองคิดอยู่แล้ว
นั่นก็คือนิเทศฯ ศิลปากร แต่ถ้าได้ที่นี่จะขอเรียน ม.กรุงเทพ แล้วกัน...
สรุปเราติดศิลปากรค่ะ แต่ไม่ได้เอา...
เรารู้ว่าเค้าก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เราไม่ชอบในตัวพ่อเรามากๆๆๆๆๆๆเลยก็คือ ทำไมเค้าถึงชอบดูถูกคนอื่น?????
เค้าชอบบอกว่า "รู้ไหมพวกที่เรียนเอกชนน่ะ มีแต่พวกกุ๊ย พวกคนโง่ๆ"
โอเค... เราเข้าใจนะว่าพวกคนที่เค้าว่ามาน่ะ ใน ม.เอกชน มันก็มีสัดส่วนของคนประเภทนี้มากกว่า ม.รัฐ
เรารู้ว่าเค้าก็หวังดีกับเรา อยากให้เราเจอแต่คนดีๆ สังคมดีๆ....
แต่สังคมที่ดีในหัวเค้า กับเรานั้นมันแตกต่างกันมากเลยน่ะสิคะ
เราเชื่อว่าคนเราจะดีได้อยู่ที่การคบเพื่อน และความหนักแน่นในตัวเราค่ะ
ถึงเราจะเรียนจุฬา แต่ถ้าเราเลือกเพื่อนไม่ดี และตัวเราไม่หนักแน่นพอ เราก็แย่ได้ค่ะ
และเราเข้า ม.เอกชนนี้มา เราก็ไม่ได้แย่อะไรเลย โลกทรรศน์เรากลับกว้างขึ้นอีก
ได้เห็นคนหลายประเภท ตั้งแต่คนแย่ๆ ไปจนถึงคนดีๆ ได้เห็นสังคมในหลายรูปแบบ
ซึ่งสำหรับเรา เราว่าทางเดินนี้ มันดีสำหรับตัวเรามากกว่าการที่เราอยู่แต่ในสังคมเดิมๆ เหมือนกบในกะลา
และเราเชื่อว่าตัวเราก็หนักแน่นพอที่จะไม่ไปทำอะไรตามเพื่อนที่เค้าเป็นตัวอย่างแย่ๆ...
ขนาดพี่เลี้ยง แม่บ้านที่บ้านเค้ายังดูเราออกเลย... แต่ทำไมพ่อแม่เราถึงไม่เคยดูเราออกสักทีว่าเราเป็นคนแบบไหน...
แล้วเราก็จบจากที่ ม.เอกชนแห่งนี้โดยได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ค่ะ ...เราดีใจนะคะที่ทำให้เค้าภูมิใจได้
จนกระทั่งเราจะเข้าทำงาน... จบมา 1 เดือน เราสามารถหางานทำได้ทันที เป็นบ.ต่างชาติ นายเราก็เป็นคนฝรั่ง
เรียกได้ว่า เราว่าเราทำงานที่นี่เป็นที่แรกนั้นเรามีโอกาสก้าวหน้าแน่นอน หรือถ้ามันจะไม่ได้ก้าวหน้าขนาดนั้น
แต่เราก็เชื่อว่าเราจะได้รับประสบการณ์ที่ดีมากๆจากที่นี่ไป เพราะเราต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษตลอด
แต่ๆๆๆๆ พ่อเราก็ยังไม่หยุดนิสัยเดิมค่ะ!!! ดูถูกอีกแล้วววว "บริษัทอะไร ทำทำไม ทำแล้วได้อะไร บลาๆๆๆๆ"
ด้วยความที่ว่าเค้าเคยทำ SCG มาก่อน เค้าเลยบอกว่าจะให้เราไปทำ SCG ค่ะ เค้าจะฝากให้
เอ้อออออ!!! ถ้าเป็นคนอื่นนี่คงดีใจกันถ้วนหน้านะคะ ที่พ่อแม่มีเส้นสายใน บ.ดีๆแบบนี้
แต่สำหรับเรา... เราไม่ดีใจสักนิดค่ะ!!! อาจจะเพราะด้วยอดีตที่ผ่านมา มันทำให้เราต่อต้านกับสิ่งที่เค้าคิดไปแล้ว....
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็เข้าใจ และรับรู้อย่างสุดซึ้งว่าเค้าหวังดีกับเราจริงๆค่ะ
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา... ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า...
คนเราควรโตด้วยตัวเองค่ะ อาจจะต้องล้มบ้าง แต่นั้นก็ถือเป็นประสบการณ์ทำให้เราเข้มแข็ง ต่อสู้ได้
จากเมื่อก่อน ก่อนช่วงที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เรารู้สึกเหมือนกบในกะลามาก คือพ่อแม่ปูทางมาให้ดีตลอด...
...ซึ่งบางทีมันก็ไม่ควรจะเป็นแบบนี้รึเปล่าคะ!?
จนมาวันนี้ใกล้วันรับปริญญาเข้ามาทุกทีแล้วค่ะ อย่างที่ทุกคนทราบว่ามี 2 วัน คือวันซ้อม และรับจริง
ซึ่งใครๆก็เลือกที่จะไปถ่ายรูปวันซ้อมอยู่แล้ว เพราะวันจริงน่ะ สุดท้ายก็แทบจะไม่มีเลาถ่ายหรอก...
และเราก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของการรับปริญญาขนาดนั้น เราแค่รู้สึกว่าก็ถ่ายรูปกับครอบครัว และเพื่อนๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...
เราเลยบอกเค้าไปว่า "หนูอาจจะไม่ไปวันจริงนะ คงไปแค่วันซ้อม เดี๋ยวไปถ่ายรูปกันวันนั้นแล้วกัน วันจริงป๊าไม่ต้องไปหรอกคนเยอะมาก"
แค่เท่านี้พ่อเราเค้าก็โวยวายใส่มาเลยค่ะ!!! ทำไม แกประสาทเปล่า? มีใครที่ไหนบนโลกเค้าคิดแบบนี้กัน? บลาๆๆๆ
เห้อออออ.... เราเหนื่อยใจมากค่ะ คือทั้งเหนื่อยใจ และเข้าใจ เรารู้ว่าสำหรับเค้ารูปถ่ายตอนรับกับอธิการบดี แค่รูปเดียวก็มีความหมายกับเค้า
แต่สำหรับเรา มันไม่ใช่อ่ะ... แค่เรียนจบ ได้เกียรตินิยม แค่นี้เราก็ภูมิใจแบบสุดๆแล้ว แต่สำหรับพ่อแม่เรามันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิค่ะ
ที่เราระบายมาทั้งหมด เราแค่อยากให้เค้าเข้าใจว่า เราไม่ได้ไม่รักพ่อแม่ ไม่ได้เป็นลูกที่อยากอกตัญญู (เค้าชอบว่าเราแบบนี้เสมอ)
เราแค่เป็นคนที่แสดงออกไม่เป็น แค่เป็นคนที่มีความคิดอะไรหลายๆอย่างไม่ตรงกับเค้า... เราผิดเหรอคะ???
และเราลูกคนเดียว เรายิ่งเครียด ยิ่งกดดัน...
เราอยากให้เค้ามีความสุข(เพราะมีแค่เราคนเดียวที่ทำได้)...
ในขณะที่ตัวเราไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เค้าอยากจะให้ทำ...
... เหนื่อยใจจริงๆค่ะ ...