เตือนให้คนที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศให้คิดดีๆ ก่อนจะไปทำงานกับบริษัทตาม link ด้านล่างนี้นะครับ ร้านอาหารไทยในประเทศ South Africa แต่เจ้าของเป็นคู่สามีภรรยาชาวอังกฤษ (มีคนเล่าให้ฟังภายหลังว่าโดน blacklist หลายประเทศ เช่น USA รวมถึงโดนฟ้องล้มละลายในประเทศอังกฤษด้วย)
http://tinypic.com/r/2qmfad0/8 - Part 1 - โฆษณาในJobsDB
http://tinypic.com/r/2vns7fd/8 - Part 2 - โฆษณาในJobsDB
ที่เขาโฆษณาว่าต้องมีประสบการณ์โรงแรม 5 ดาวมาก่อนนั้นไม่จริงเลยครับ เพราะผู้จัดการสาขาบางคนเรียนจบม.3 แถมเป็นหมอนวดมาก่อน พูดภาษาอังกฤษพอสื่อสารรู้เรื่องเขาก็รับเข้ามาทำงานแล้ว.....
ส่วนยูนิฟอร์มที่บอกว่ามีให้ พนักงานก็ซื้อเองกันทั้งนั้น เค้าไม่ได้เจาะจงว่าต้องใส่อะไรแบบไหนมาทำงาน บางคนใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะมาเดินเสิร์ฟอาหารก็มี - -"
สิ้นเดือน ม.ค. พนักงานคนไทยลาออก 4 คน (รวมทั้งตัวผมเองด้วย)
สิ้นเดือน ก.พ. พนักงานลาออกอีก 5 คน (คนไทย 2 และชาวแอฟริกันพื้นเมือง 3)
ถ้าบริษัทให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการพนักงานดีจริง ทำไมพนักงานถึงพากันออก และคนไทยที่ทนทำงานจนครบสัญญา 2 ปีถึงไม่กลับมาทำต่อ?
ออกตัวก่อนว่าผมตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทนี้ในตอนนั้นก็เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนต่างชาติเสนองานให้ ด้วยความอยากไปมากกกกกกก เลยไม่ได้เอะใจศึกษารายละเอียดของบริษัทและกฎหมายแรงงานของประเทศนั้นให้ดีก่อน ก็เลยโดนเอาเปรียบเต็มๆ เลยครับ
ตัวอย่างบางส่วนที่คนไทยเราโดนเอาเปรียบ
- ต้องทำงาน"อย่างน้อย"วันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่ได้ค่า overtime ใดๆ และมีวันหยุดอาทิตย์ละ 1 วันครึ่ง ซึ่งตามกฎหมายแรงงานอนุญาติให้ทำงานได้ 45 ชม. ต่อสัปดาห์และ overtime ไม่เกิน 10 ชม. ต่อสัปดาห์
- ทำงานวันอาทิตย์ต้องได้ค่าแรง 1.5 แรง และทำงานวันหยุดนักขัตฤกษ์ต้องได้ 2 แรง บริษัทนี้ไม่ให้อะไรเลย แถมไม่มีวันหยุดชดเชยให้อีกตะหาก
- โบนัสประจำปี โดยปกติต้องคำนวณจากฐานเงินเดือน ระยะเวลาที่ทำงานจากบริษัท และผลกำไร แต่ที่นี่ให้คนไทยเท่ากันหมดไม่ว่าจะเป็นเด็กใหม่ทำงานมา 6 เดือนหรือลุงๆ ป้าๆ ที่ทำงานมา 4-5 ปี ก็ได้เท่ากันหมดโดยได้โบนัสคนละ 3000 บาท
- การขึ้นเงินเดือนประจำปี ตามกฎหมายจะต้องได้ขึ้นอย่างน้อยปีละ 8% แต่ที่นี่คนที่ได้ขึ้นได้ขึ้นเพียง 5% ผมทำปีกว่าก็ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน บางคนทำปีครึ่งก็ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน ถามเจ้านายก็บอกว่าเดือนหน้าจะขึ้นให้ สุดท้ายก็ไม่ขึ้น พอไปทวงก็บอกว่าฉันลืม รอเดือนหน้านะ พนักงานพากันเอือมระอากับพฤติกรรมนี้ของนายจ้าง
- ลาหยุดพักร้อน ตามกฎหมายลาได้ปีละ 21 วัน แต่บริษัทนี้ให้ลาได้ 1 เดือน "หลังจากทำงานครบ 2 ปี"
- ที่พักมีให้ก็จริง แต่ต้องแชร์ห้องละ 2-3 คน ส่วนตัวผมเองได้อยู่ห้องใต้หลังคาซึ่งจะใหญ่กว่าปกติหน่อย แต่ต้องแชร์กันถึง 5 คน และมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว
- Work permit พาไปทำก็จริง แต่ไม่มีคนตามเรื่องให้และไม่รับประกันว่าจะผ่านการอนุมัติ ใครโชคดีก็ได้ไป ส่วนใครซวยหน่อยก็ไม่ได้(เช่นผมเอง) จริงๆ ทางบริษัทควรจะมีคนที่คอยดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะแต่ว่าที่นี่ไม่มี ผมรอนานแล้ว ถามเจ้านายเมื่อไหร่เขาก็ตอบแบบเดิมว่า เธอไม่ต้องห่วง ฉันให้ทนายมือหนึ่งของเมืองนี้ดูแลเรื่องนี้ให้อยู่ ยังไงก็ต้องได้แน่นอน สรุปผมรอไปปีนึง ทนรอไม่ไหว เลยเข้าไปที่ Home Affairs ไปถามเขาเองเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันนานขนาดนี้ ซึ่งปกติจะรอไม่เกิน 3 เดือน พอเจ้าหน้าที่ให้คำตอบมาถึงกับตะลึง+อายยิ่งกว่าถูกตบหน้ากลางสี่แยก "Work permit ของคุณโดนปฏิเสธตั้งแต่ 1 เดือนหลังจากวันที่คุณยื่นแล้วค่ะ และไม่มี update อะไรจากทางบริษัทด้วย"..........หลังจากหน้าหายตึงก็เลยส่งเมลไปถามเจ้านายว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันเป็นแบบนี้ สรุปว่าเจ้านายทั้ง 3 คนเงียบหมด หัวหดอยู่ในกระดอง ไม่กล้าตอบเมลสักคน
สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วกลับไทย เพราะอยู่ไปก็จะโดนเอาเปรียบไปเรื่อยๆ แถมไม่มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
อยากฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่อยากไปทำงานต่างประเทศให้ศึกษารายละเอียดของที่ๆ เราจะไปทำงานด้วย รวมถึงกฎหมายแรงงานของประเทศที่เราจะไปทำงานด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจไปทำนะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคสของผมที่โดนเอาเปรียบโดยละเอียดโดยเทียบกับกฎหมายแรงงานเบื้องต้น สามารถไปอ่านเพิ่มเติมที่ blog ของผมครับ
http://bittercape.blogspot.com
ฝากทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ช่วยกันกระจายข่าวด้วยครับ
เตือนภัยคนคิดไปทำงานต่างประเทศ ระวังโดนหลอก
http://tinypic.com/r/2qmfad0/8 - Part 1 - โฆษณาในJobsDB
http://tinypic.com/r/2vns7fd/8 - Part 2 - โฆษณาในJobsDB
ที่เขาโฆษณาว่าต้องมีประสบการณ์โรงแรม 5 ดาวมาก่อนนั้นไม่จริงเลยครับ เพราะผู้จัดการสาขาบางคนเรียนจบม.3 แถมเป็นหมอนวดมาก่อน พูดภาษาอังกฤษพอสื่อสารรู้เรื่องเขาก็รับเข้ามาทำงานแล้ว.....
ส่วนยูนิฟอร์มที่บอกว่ามีให้ พนักงานก็ซื้อเองกันทั้งนั้น เค้าไม่ได้เจาะจงว่าต้องใส่อะไรแบบไหนมาทำงาน บางคนใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะมาเดินเสิร์ฟอาหารก็มี - -"
สิ้นเดือน ม.ค. พนักงานคนไทยลาออก 4 คน (รวมทั้งตัวผมเองด้วย)
สิ้นเดือน ก.พ. พนักงานลาออกอีก 5 คน (คนไทย 2 และชาวแอฟริกันพื้นเมือง 3)
ถ้าบริษัทให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการพนักงานดีจริง ทำไมพนักงานถึงพากันออก และคนไทยที่ทนทำงานจนครบสัญญา 2 ปีถึงไม่กลับมาทำต่อ?
ออกตัวก่อนว่าผมตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทนี้ในตอนนั้นก็เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนต่างชาติเสนองานให้ ด้วยความอยากไปมากกกกกกก เลยไม่ได้เอะใจศึกษารายละเอียดของบริษัทและกฎหมายแรงงานของประเทศนั้นให้ดีก่อน ก็เลยโดนเอาเปรียบเต็มๆ เลยครับ
ตัวอย่างบางส่วนที่คนไทยเราโดนเอาเปรียบ
- ต้องทำงาน"อย่างน้อย"วันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่ได้ค่า overtime ใดๆ และมีวันหยุดอาทิตย์ละ 1 วันครึ่ง ซึ่งตามกฎหมายแรงงานอนุญาติให้ทำงานได้ 45 ชม. ต่อสัปดาห์และ overtime ไม่เกิน 10 ชม. ต่อสัปดาห์
- ทำงานวันอาทิตย์ต้องได้ค่าแรง 1.5 แรง และทำงานวันหยุดนักขัตฤกษ์ต้องได้ 2 แรง บริษัทนี้ไม่ให้อะไรเลย แถมไม่มีวันหยุดชดเชยให้อีกตะหาก
- โบนัสประจำปี โดยปกติต้องคำนวณจากฐานเงินเดือน ระยะเวลาที่ทำงานจากบริษัท และผลกำไร แต่ที่นี่ให้คนไทยเท่ากันหมดไม่ว่าจะเป็นเด็กใหม่ทำงานมา 6 เดือนหรือลุงๆ ป้าๆ ที่ทำงานมา 4-5 ปี ก็ได้เท่ากันหมดโดยได้โบนัสคนละ 3000 บาท
- การขึ้นเงินเดือนประจำปี ตามกฎหมายจะต้องได้ขึ้นอย่างน้อยปีละ 8% แต่ที่นี่คนที่ได้ขึ้นได้ขึ้นเพียง 5% ผมทำปีกว่าก็ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน บางคนทำปีครึ่งก็ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน ถามเจ้านายก็บอกว่าเดือนหน้าจะขึ้นให้ สุดท้ายก็ไม่ขึ้น พอไปทวงก็บอกว่าฉันลืม รอเดือนหน้านะ พนักงานพากันเอือมระอากับพฤติกรรมนี้ของนายจ้าง
- ลาหยุดพักร้อน ตามกฎหมายลาได้ปีละ 21 วัน แต่บริษัทนี้ให้ลาได้ 1 เดือน "หลังจากทำงานครบ 2 ปี"
- ที่พักมีให้ก็จริง แต่ต้องแชร์ห้องละ 2-3 คน ส่วนตัวผมเองได้อยู่ห้องใต้หลังคาซึ่งจะใหญ่กว่าปกติหน่อย แต่ต้องแชร์กันถึง 5 คน และมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว
- Work permit พาไปทำก็จริง แต่ไม่มีคนตามเรื่องให้และไม่รับประกันว่าจะผ่านการอนุมัติ ใครโชคดีก็ได้ไป ส่วนใครซวยหน่อยก็ไม่ได้(เช่นผมเอง) จริงๆ ทางบริษัทควรจะมีคนที่คอยดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะแต่ว่าที่นี่ไม่มี ผมรอนานแล้ว ถามเจ้านายเมื่อไหร่เขาก็ตอบแบบเดิมว่า เธอไม่ต้องห่วง ฉันให้ทนายมือหนึ่งของเมืองนี้ดูแลเรื่องนี้ให้อยู่ ยังไงก็ต้องได้แน่นอน สรุปผมรอไปปีนึง ทนรอไม่ไหว เลยเข้าไปที่ Home Affairs ไปถามเขาเองเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันนานขนาดนี้ ซึ่งปกติจะรอไม่เกิน 3 เดือน พอเจ้าหน้าที่ให้คำตอบมาถึงกับตะลึง+อายยิ่งกว่าถูกตบหน้ากลางสี่แยก "Work permit ของคุณโดนปฏิเสธตั้งแต่ 1 เดือนหลังจากวันที่คุณยื่นแล้วค่ะ และไม่มี update อะไรจากทางบริษัทด้วย"..........หลังจากหน้าหายตึงก็เลยส่งเมลไปถามเจ้านายว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันเป็นแบบนี้ สรุปว่าเจ้านายทั้ง 3 คนเงียบหมด หัวหดอยู่ในกระดอง ไม่กล้าตอบเมลสักคน
สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วกลับไทย เพราะอยู่ไปก็จะโดนเอาเปรียบไปเรื่อยๆ แถมไม่มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
อยากฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่อยากไปทำงานต่างประเทศให้ศึกษารายละเอียดของที่ๆ เราจะไปทำงานด้วย รวมถึงกฎหมายแรงงานของประเทศที่เราจะไปทำงานด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจไปทำนะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคสของผมที่โดนเอาเปรียบโดยละเอียดโดยเทียบกับกฎหมายแรงงานเบื้องต้น สามารถไปอ่านเพิ่มเติมที่ blog ของผมครับ http://bittercape.blogspot.com
ฝากทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ช่วยกันกระจายข่าวด้วยครับ