จากสาวน้อยร้อยโล กลายเป็นสาว(ไม่)น้อยร้อยโลกว่าๆ

เราเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยมีช่วงชีวิตไหนเลยที่เราผอม
เคยอยากผอม เลยพลาดไปกินยาลดความอ้วนตอนประมาณม.4 ตอนนั้นนน.ประมาณ 70 พอเลิกก็โยโย่ จนนน.พุ่งขึ้นเรื่อยๆ
พอเข้ามหาลัยซึ่งอยู่ไกลบ้าน เลยกินทุกอย่างที่อยากกิน นน.จาก 80 กก. พอเรียนจบ 4 ปี นน.เพิ่มขึ้นเป็น 100 กก.
จากสาวน้อยร้อยโล กลายเป็นสาว(ไม่)น้อยร้อยโลกว่าๆ เพราะตอนนี้อายุ 30 สูง 170 นน.อยู่ที่ 102-105 (นี่นน.คนหรือกระสอบข้าวสาร) มาตลอด ตั้งแต่เรียนจบ
แต่มีอยู่ครั้งนึงนน.เคยลดไป 10 กก. คือตอนจัดฟันช่วงแรกๆกินอะไรไม่ค่อยได้ แต่พอผ่านไป 3-4 เดือน ก็กินได้ปกติ นน.ก็กลับมาที่ 100 นิดๆเหมือนเดิม (แม่บอกให้เราไปจัดฟันอีกรอบดีไหม 555+)

ถ้าไม่อยากร้อยโล อย่าทำ
พฤติกรรมการกิน ปกติเราจะกินวันนึงหลายมื้อ แต่ละมื้อจัดเต็ม ไม่กินข้าวเช้า แต่ไปแถมมื้อดึก
กินเยอะมาก สั่งข้าวก็ต้องพิเศษ แล้วเราก็ชอบกินขนม ของหวาน ของมัน ของทอด
ผัก-ผลไม้ก็กินนะ แต่กินน้อย ที่ชอบกินก็พวกผลไม้หวานๆเช่น ลำไย แตงโม ทุเรียน
ขนมเป็นซองๆ ข้างซองเขียนว่าซองนึงแบ่งกิน 3 ครั้ง แต่เรากินหมดในครั้งเดียว
น้ำหวานตลอด น้ำเปล่าไม่เคยแตะ
พฤติกรรรมการนอน นอนดึก-ดึกมาก บางทีนอนเช้า
การออกกำลังกาย เต้นแอโรบิคบ้าง โยคะบ้าง ทำๆหยุดๆ ประมาณว่าไป 2 วัน หยุดอาทิตย์นึง

ลำบากที่สุดในชีวิต
จนอยู่ๆวันนึง อ้วนขึ้นจนรู้สึกอึดอัดมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน นน.107.2 กก. (มากที่สุดในชีวิต O_O)
เสื้อคับมาก ยกแขนแทบไม่ขึ้น ทั้งๆที่เป็นเสื้อตัวเดิม กางเกง ใส่แต่แบบยางยืด ถ้าแบบมีตะขอ เวลานั่งต้องปลดลงมา เพราะมันแน่นมาก แม้กระทั่งชุดชั้นใน มันรัดจนเนื้อเป็นแถบแดงไปหมด ทรมาน อึดอัดสุดๆเลย
แล้วที่สำคัญคือ ต้นเดือนหน้าเราต้องไปงานแต่งงานพี่สาว ก็เลยสั่งซื้อชุดทางเน็ตไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ดันสั่งไปไซส์เดิมกับที่เคยสั่ง ได้ชุดมาปุ๊บ ลองใส่ดูปรากฏว่า ยังเอาตัวยัดไปได้นะ แต่รัดเป็นแหนมเชียว คับไปหมดทุกสัดส่วน น่ากลัวชุดจะปริตอนอยู่ในงาน เราก็เริ่ม ไม่ไหวละ ชุดก็ซื้อมาแล้ว ทำไงล่ะ เอาวะ ยังพอมีเวลา

~เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน~
วันศุกร์ที่แล้ว (14 ก.พ.)
- เปลี่ยนพฤติกรรม การกิน-การนอน
เราก็เริ่มควบคุมการกิน อันดับแรก งดน้ำหวาน จากที่เคยกินแต่ชาเย็น ชาเขียว น้ำผลไม้ปั่น ก็เปลี่ยนมาเป็นน้ำเปล่า
แต่กาแฟเย็นตอนเช้าวันละ 1 แก้ว ยังกินปกติ (ไม่กินไม่ได้ค่ะ ทำงานไม่ไหว)
ลูกชิ้นทอด ไส้กรอกทอด ของชอบ ที่เคยต้องกินทุกวัน วันละ 5-6 ไม้ ก็ลดลง อาทิตย์ที่ผ่านมาเรากินรวมกัน 4 ไม้
มื้อเย็น จากที่เคยเป็นมื้อที่เรากินเยอะสุด เราก็ยังกินนะ แต่กินไม่มาก กินแค่พออิ่ม
เน้นกินกับ จากเมื่อก่อนกินข้าว+กับข้าวสามอย่าง ช่วงนี้ก็กินแต่กับข้าว พวกแกงจืด แต่ถ้าไม่ไหวก็กินข้าวด้วย แต่กินแค่อิ่ม ไม่ยัดไปมากเหมือนเมื่อก่อน กับข้าวก็เน้นพวกปลา ผักแทนหมูสามชั้นที่ชอบ
ข้าว-ก๋วยเตี๋ยวที่เคยสั่งแต่พิเศษ ก็เปลี่ยนเป็นธรรมดา
ผลไม้ก็เปลี่ยนไปกินพวก ฝรั่ง แอปเปิ้ลเขียว แทนผลไม้รสหวาน
เปลี่ยนพฤติกรรมการนอนจากที่เคยนอนดึกตื่นสาย มาเป็นนอนเร็วตื่นเช้า
พอตื่นเช้าเราก็เลยได้กินมื้อเช้าไปด้วย พอนอนเร็วมื้อดึกก็เลยงดไปโดยปริยาย
จากที่เคยกินมื้อบ่ายตอนประมาณบ่ายสาม (มื้อเที่ยงตอนเที่ยงครึ่ง-บ่ายโมงครึ่ง) พอเริ่มออกกำลังกาย เลยงดมื้อบ่าย เพราะไม่งั้นออกกำลังกายไม่ไหว
ตอนนี้เราลดอาหารโดยที่เราไม่รู้สึกทรมาน กินปกตินะ อะไรที่ชอบก็กินบ้าง แต่ค่อยๆลดปริมาณ
ที่สำคัญคือ เราไม่อดค่ะ (จริงๆต้องบอกว่าเราอดไม่ได้อ่ะ ทรมานมากกับการอดอาหาร Y_Y)
- ออกกำลังกาย
ทั้งๆที่บ้านเราอยู่ติดกับสนามกีฬา ห่างกันประมาณ 300 เมตร แต่เรากลับขี้เกียจออกกำลังกายมาก  
(พี่เราบอกว่ามันต้องเสียค่าฟิตเนสปีละเป็นหมื่น แถมยังต้องขับรถมาตั้งไกลเพื่อจะเข้าฟิตเนสวันละ 45 นาที ลำบากขนาดนี้ก็ยังต้องขยันออกกำลังกาย)
เราเป็นคนไม่ค่อยมีวินัย ขี้เกียจด้วย ให้เดิน วิ่ง เล่นฟิตเนlด้วยตัวเอง เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะทำไปได้แค่แป็บเดียวเลิกดีกว่า เหนื่อยแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะชอบออกกำลังกายแบบที่มีผู้นำฝึกค่ะ เป็นการบังคับตัวเองไปในตัว
ช่วงเวลา 5 โมงเย็น-ทุ่มครึ่ง เมื่อก่อนก็จะนั่งๆนอนๆอยู่บ้าน ก็เปลี่ยนมาออกกำลังกายทุกวันด้วยการ เล่นโยคะ 1 ชม. (จันทร์-ศุกร์)+ เต้นแอโรบิค 45 นาที (ทุกวัน) แถมที่บ้านเลี้ยงหมา เลยต้องพาไปเดินรอบสนามกีฬาอีกประมาณ 3-5 รอบ
โยคะ เราไปเล่นที่โรง'บาลใกล้บ้านค่ะ เสียค่าใช้จ่ายวันละ 5 บาท มีครูสอนเป็นเรื่องเป็นราว วันจันทร์ก็จะเป็นแบบสำหรับผู้ฝึกใหม่ ท่าง่ายๆ พื้นฐาน จนวันศุกร์ก็จะเป็นแบบท่ายาก จริงๆเราเริ่มฝึกโยคะตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ตอนนั้นไปทุกวัน อยู่สองเดือน นน.จาก 105 ลดเหลือ 100 หลังๆก็เริ่มขี้เกียจ ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง พอหยุดยาว นน.ก็กลับมาเท่าเดิม
เต้นแอโรบิค สนามกีฬาข้างบ้านมีเต้นแอโรบิคด้วย วันละ 10 บาท จริงๆมันไม่ดีต่อเข่าเราเท่าไหร่นะคะ เพราะนน.มาก เราก็อาศัยเต้นแบบไม่กระโดดค่ะ คือเต้นตามครูฝึกทุกท่า แต่จะไม่ออกสเต็พขนาดเค้าอ่ะค่ะ ทำเท่าที่ร่างกายเราไหว เราก็พยายามเต้นตลอดนะคะแทบไม่หยุดเลย ได้เหงื่อดีค่ะ เราลงทุนซื้อรองเท้าแบบอย่างดี แพงหน่อย แต่ช่วยได้มากจริงๆค่ะ ไม่เจ็บขา ไม่ปวดเข่า
ทั้งโยคะทั้งแอโรบิค สองอย่างนี้เป็นอะไรที่เราชอบค่ะ ทำแล้วมีความสุข โยคะช่วยยืดเหยียด ผ่อนคลาย จากการทำงานมาตลอดทั้งวัน ช่วยเรื่องสมาธิด้วย ส่วนแอโรบิคเราชอบที่มันมีเพลง เต้นตามก็สนุกแบบลืมเหนื่อย

ก่อนหน้านี้ที่บ้านพยายามทำทุกอย่างทั้งบังคับ ขอร้อง เอาของมาล่อ ให้เราลดความอ้วน กินน้อยๆ ออกกำลังกาย บลาๆๆ แต่เราไม่เคยทำได้สักที ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำไปได้สักพักก็เลิก แต่ครั้งนี้เราทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เริ่มต้นที่ตัวเอง ทำด้วยใจโดยไม่มีใครบังคับ
หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเราไม่รู้สึกว่าตัวเองฝืน ไม่กดดัน ทำเท่าที่เราทำได้ ค่อยๆปรับค่อยๆเปลี่ยน
เราไม่ได้ตั้งเป้าว่าเราต้องลดได้เท่านั้น เท่านี้ เราต้องผอม เราต้องสวย เปล่าเลย
ตอนแรกเราแค่ตั้งเป้าให้เราเอาตัวยัดลงไปในเดรสที่ซื้อมาให้ได้ โดยที่มันไม่รัดเป็นแหนม (ลองใส่ใหม่อีกครั้งเมื่อวาน ใส่ได้พอดีโดยที่เนื้อไม่ปลิ้นออกมาแล้ว ^_^)
ส่วนตอนนี้เราทำเพราะเราอยากทำอะไรให้ตัวเองได้ภูมิใจบ้าง เราอยากได้สุขภาพที่แข็งแรง เราอยากทำให้ติดเป็นนิสัย คือเราคิดว่าถ้าเราทำได้ต่อไปเรื่อยๆ หวังว่านน.มันคงลดไปเอง (ถึงจะลดได้ปีนึง 5 กก.ก็เถอะ แหะๆ)
ผ่านมา 1 อาทิตย์รู้สึกดีกับร่างกายตัวเองมากขึ้น ระบบการทำงานในร่างกายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แฮ็ปปี้มากค่ะ เพิ่งชั่งเมื่อกี๊ นน.103.4 (แอร๊ย! ลดจริงๆด้วย)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่