คุณยายที่แสนดี...ปัญหาของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันออกไปไม่ได้มาเหมือนกันทุกคน...(ขอพื้นที่เล็กๆระบาย)
ชีวิตพังเพราะครอบครัวพัง(หรือคิดไปเอง)...ทุกคนมีปัญหาเป็นของตัวเอง และทุกปัญหามันก็แตกต่างกันไป (หรือไม่จริง)
ถามว่าท้อไหม ถามว่าเหนื่อยไหม ?? ตอบได้เลยว่ามากถึงมากที่สุด
ถามว่าอยากให้ชีวิตเป็นแบบนี้ไหม ?? ตอบได้เลยว่าไม่
ถามว่าสู้ไหมที่เจอกับปัญหาต่างๆนาๆด้วยตัวเองเพียงคนเดียวตลอด5ปีที่ผ่านมา ตอบได้เลย ว่าเหนื่อย ท้อ แต่ชีวิตคนๆหนึ่งแล้วมันต้องเดินต่อ
บางครั้งมีคนเข้ามาถามอะไรเกี่ยวกับชีวิตหลายๆครั้งก็ตอบไม่เป็นเหมือนกันว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงยืนอยู่จุดนี้ ทำไมถึงไม่ทำอย่างโน้น ทำไมถึงไม่ทำอย่างนี้ บางทีก็สับสนกับชีวิตเหมือนกัน
ชีวิตของข้าพเจ้าเมื่อก่อนก็มีความสุขดีอยู่ มี พ่อ แม่ น้องๆและข้าพเจ้า ก็เหมือนกับครอบครัวอื่นๆนั่นแหละ
แต่พอเริ่มเกิดปัญหาข้าพเจ้าก็ค่อยรับรู้และซึมซับปัญหาต่างๆของพ่อและแม่มาตั้งแต่เ็กและฝังใจจนถึงปัญจุบัน ตอนข้าพเจ้าอายุ14 พ่อกับแม่ก็หย่าร้างกัน จากวันนั้นชีวิตที่ลำบากของข้าพเจ้าก็เริ่มขึ้น
แม่ได้ย้ายออกจากบ้านและออกไปทำงานต่างจังหวัดและทิ้งข้าพเจ้ากับน้องอีกสองคนไว้กับพ่อ จากวันนั้นพ่อก้อเริ่มกินเหล้าหนักและเมากลับบ้านทุกวัน ปกติพ่อจะไม่กลับบ้านดึก พอเรื่องมันเกิด พ่อก็เมาและกลับบ้านเกือบเช้าทุกวัน ภาระการเลี้ยงน้องๆก็เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่ต้องหุงหาอาหาร ทำกับข้าวให้น้องๆ พอตอนเช้าก็ต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อมาทำกับข้าว เตรียมของให้น้องๆไปโรงเรียน คือเอาจิงๆก้อทำหน้าที่แทนแม่เกือบทุกอย่าง
และแล้วเรื่องร้ายๆก็ตามมา พ่อได้พาผู้หญิงอีกคนเข้ามาในบ้านและบอกว่าจะพาผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่เลี้ยงให้ (ควรจะดีใจไม่) ไม่เลย ข้าพเจ้าไม่อยากให้พ่อพาใครมาแทนแม่ จากวันนี้ข้าพเจ้าก็มีอคติกับผู้หญิงคนนี้ คือไม่ชอบเลย ไม่ชอบเอามากๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไทยจะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่พ่อเอากะเหรี่ยงมาทำเมีย ข้าพเจ้ารับไม่ได้ หลังจากที่พ่อได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ข้าพเจ้าก้อเริ่มทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้น และเป็นเรื่องใหญ่โตทำให้ข้าพเจ้าทะเลาะกับพ่อบ่อย บ่อยมากจนถึงขั้นตีกัน
ข้าพเจ้าทนไม่ไหวเลยขอย้ายไปอยู่กับยาย ข้าพเจ้าก็ไปอยู่กับยายบอกเลยว่าทางบ้านข้าพเจ้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย ข้าพเจ้าก็ได้ย้ายมาอยู่กับยาย
ครั้งแรกที่พบหน้ายายพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ยายถามว่า
ยาย - จะไปไหนลูกขนเสื้อผ้าผลุงผลัง
ข้าพเจ้า - ยายถามแบบั้นข้าพเจ้าก้อกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่มันพูดอะไรไม่ออกปัญหาทุกอย่างที่อยู่ในใจเมื่อเจอหน้ายายถามแบบนี้มันทลักออกมาหมดเลย น้ำตง น้ำตา มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ ณ เวลานั้น ข้าพเจ้าก็ได้วิ่งเข้าโผลกอดคุณยายอย่างแน่น และร้องไห้ออกมาจนพอแล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณยายฟัง
จากวันนั้นแม้คุณยายจะไม่มีอะไรเลยบ้านเล็กๆ ข้าพเจ้าก็อยู่กับคุณยาย เงินที่ใช้ทุกวันตอนนั้นก็เป็นเงินที่แม่ส่งมาให้เดือนละ500 และค่าน้ำค่าไฟที่บ้านคุณยายแม่ก็ออกให้ เวลาขัดสนเงินไม่มี เงินไม่พอ ข้าพเจ้าได้มารู้ทีหลังว่ายายไปหยิบยืมคนอื่นมาให้โดยที่ไม่บอกเรา
ยายบอกว่าไม่อยากให้หลานไม่สบายใจเพราะหลานก็เจอปัญหามาหนักมากพอแล้ว
ทุกเช้าคุณยายจะซื้อขนมมาไว้ที่ปลายเตียง เพื่ออยากให้หลานน้อยๆคนหนึ่งได้กินอิ่มนอนหลับ ตลอดเวลาที่อยู่กับคุณยายเป็นเวลา4ปีรู้สกมีความสุขมากๆ คุณยายเป็นทุกสิ่ง คุณยายเป็นทุกอย่างสำหรับเราจิงๆ คุณยายดูแลเหมือนลูกไม่เคยดุ ไม่เคยว่า รักเรามากๆ ใครมาแตะ มาว่าอะไรเราไม่ได้เลย เวลาไปไหนกับเพื่อนกลับเย็นมากๆ แกก็จะนั่งรอตรงหน้าบ้านทุกครั้ง เพราะความเป็นห่วง
จนวันที่แกหมดลมหายใจ
ก่อนแกจะเสียแกสุขภาพไม่ค่อยดี ประมาณก่อนแกเสีย1อาทิตย์แกเป็นลมล้มเรียกเท่ไหร่ก็ไม่ตื่นจนต้องไปเรียกป้าให้มาดูและก็ได้ส่งโรงพยาบาล และก้อนอนโรงพยาบาลสามวันแล้วหมอก็ให้กลับบ้าน
ก่อนแกจะหมดลมหายใจวันนั้นข้าพเจ้าจำได้ดี ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่หัวบันได อ่อ วันนั้นแม่กลับมาที่บ้านด้วยแล้วกำลังทำกับข้าวทานกันอยู่
คุณยายได้เดินไปเข้าห้องน้ำและเดินกลับบ้านถึงตรงหัวบรรไดที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ข้าพเจ้าก็ถามท่านว่า
แม่กินไหมขนม
ยายก็ไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มแล้วก็เดินข้นบ้านไป หลังจากที่ขึ้นไปบนบ้านสักพัก แกก็ได้ล้มลงแล้วเลือดก็ออกทางปากพวกแม่ป้าๆก็ได้รีบพายายส่งโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลช่วยอะไรไม่ได้ต้องส่งเข้าไปในโรงพยาบาลในตัวจังหวัด การเดินทางจากบ้านเราไปตัวจังหวัดก้อ4ชั่วโมงเข้าไปแล้ว ยายทนไม่ไหวและได้เสียชีวิตกลางทาง หลังที่รู้มายายเค้าไปเข้าห้องน้ำแล้วอาเจียนเป็นเลือดหน้าห้องน้ำแต่แกแข็งใจเพราะไม่อยากให้ใครรู้ จนแกอาการหนักและเสียชีวิตลงในที่สุด
แม่ได้พาศพยายมาทำพิธีที่บ้าน สามคืนแล้วก็เผาตามประเพณี หลังการเผาศพช่วยกันเก็บข้าวเก็บของ
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดข้นหลังงานส่งศพคืนนั้น คืนนั้นจะมีญาติมานอนเป็นเพื่อนกันที่บ้านงาน หลายๆคน ข้าพเจ้าจะนอนในห้องยาย และแม่กะพวกป้าๆจะนอนข้างนอก ในห้องจะมีรูปยายวางบนหัวเตียงสีขาวดำ จิงๆก็แอบกลัวนะ และมีหีบข้าวของๆยายเป็นพวกถ้วย จาน ชาม ของใช้ต่างๆของแก สักประมาณห้าทุ่มได้ มันจะมีเสียงคนเดินและมีเสียงกุ๊กๆกั๊กๆ เหมือนมีคนรื้อของในหีบ ข้าพเจ้าได้ยินเช่นนั้น ก็โผลออกมาจากในห้องมานอนข้างนอกกับแม่
และเสียงที่ไม่คาดฝันกว่านั้น คือ เสียงยาย เสียงยายร้องไห้มาจากทางห้องน้ำหลังบ้าน ตรงที่แกอาเจียนเป็นเลือดไว้ครั้งนั้นรอยนั้นมันยังอยู่ เสียงร้องไห้มันเป็นเสียงยายจิงๆ เพราะตอนแกมีชีวิตอยู่ เคยได้ยินแกร้องเสียงแบบนี้ ทุกคนในบ้านที่นอนด้วยกัน ก็ได้ยินเสียงเดียวกัน และที่ตรงนั้นมันก็มืดคงไม่มีใครไปนั่งร้องไห้เล่นแถวนั้น และร้องอยู่พักใหญ่แม่ได้เอาธูปมาจุดและบอกยายดังๆว่า
แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหลานนะ จะดูแลต่อให้เอง ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าวของจะดูแลสานต่อให้เอง
แล้วเสียงก็หายไป
ข้าพเจ้าก็ได้กลับไปอยู่บ้านกับพ่อตามเดิมเพราะพ่อมารับกลับ
แต่ก็ไม่สุขใจเท่าอยู่กับยาย ยายผู้เป็นทุกอย่าง ยายผู้แสนดี
ยังไม่มีโอกาสทดแทนคุณยายก็จากไปซะแล้ว
ถ้าดวงวิญญาณยายรับรู้อยากบอกว่าหลานคนนี้รักยายมาก อยากอยู่กับยาย
หลานท้อ หลานเหนื่อย หลานไม่มีที่พึ่งที่ไหนดีเท่ายายคนนี้อีกแล้ว
***ขออภัยถ้าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นการไร้สาระ แค่ข้าพเจ้าได้ระบายมันออกมาบางส่วนข้าพเจ้าก็รู้สกสบายมากมายแล้ว
ปกติจะไม่ค่อยพูดมีปัญหาอะไรก็จะเก็บไว้คนเดียว ขอบคุณ ppantip.com ที่ทำให้ข้าพเจ้ามีพื้นที่ระบายออกมาขอบคุณอีกครั้งคะ
คุณยายที่แสนดี...ปัญหาของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันออกไปไม่ได้มาเหมือนกันทุกคน...(ขอพื้นที่เล็กๆระบาย)
ถามว่าท้อไหม ถามว่าเหนื่อยไหม ?? ตอบได้เลยว่ามากถึงมากที่สุด
ถามว่าอยากให้ชีวิตเป็นแบบนี้ไหม ?? ตอบได้เลยว่าไม่
ถามว่าสู้ไหมที่เจอกับปัญหาต่างๆนาๆด้วยตัวเองเพียงคนเดียวตลอด5ปีที่ผ่านมา ตอบได้เลย ว่าเหนื่อย ท้อ แต่ชีวิตคนๆหนึ่งแล้วมันต้องเดินต่อ
บางครั้งมีคนเข้ามาถามอะไรเกี่ยวกับชีวิตหลายๆครั้งก็ตอบไม่เป็นเหมือนกันว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงยืนอยู่จุดนี้ ทำไมถึงไม่ทำอย่างโน้น ทำไมถึงไม่ทำอย่างนี้ บางทีก็สับสนกับชีวิตเหมือนกัน
ชีวิตของข้าพเจ้าเมื่อก่อนก็มีความสุขดีอยู่ มี พ่อ แม่ น้องๆและข้าพเจ้า ก็เหมือนกับครอบครัวอื่นๆนั่นแหละ
แต่พอเริ่มเกิดปัญหาข้าพเจ้าก็ค่อยรับรู้และซึมซับปัญหาต่างๆของพ่อและแม่มาตั้งแต่เ็กและฝังใจจนถึงปัญจุบัน ตอนข้าพเจ้าอายุ14 พ่อกับแม่ก็หย่าร้างกัน จากวันนั้นชีวิตที่ลำบากของข้าพเจ้าก็เริ่มขึ้น
แม่ได้ย้ายออกจากบ้านและออกไปทำงานต่างจังหวัดและทิ้งข้าพเจ้ากับน้องอีกสองคนไว้กับพ่อ จากวันนั้นพ่อก้อเริ่มกินเหล้าหนักและเมากลับบ้านทุกวัน ปกติพ่อจะไม่กลับบ้านดึก พอเรื่องมันเกิด พ่อก็เมาและกลับบ้านเกือบเช้าทุกวัน ภาระการเลี้ยงน้องๆก็เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่ต้องหุงหาอาหาร ทำกับข้าวให้น้องๆ พอตอนเช้าก็ต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อมาทำกับข้าว เตรียมของให้น้องๆไปโรงเรียน คือเอาจิงๆก้อทำหน้าที่แทนแม่เกือบทุกอย่าง
และแล้วเรื่องร้ายๆก็ตามมา พ่อได้พาผู้หญิงอีกคนเข้ามาในบ้านและบอกว่าจะพาผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่เลี้ยงให้ (ควรจะดีใจไม่) ไม่เลย ข้าพเจ้าไม่อยากให้พ่อพาใครมาแทนแม่ จากวันนี้ข้าพเจ้าก็มีอคติกับผู้หญิงคนนี้ คือไม่ชอบเลย ไม่ชอบเอามากๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไทยจะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่พ่อเอากะเหรี่ยงมาทำเมีย ข้าพเจ้ารับไม่ได้ หลังจากที่พ่อได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ข้าพเจ้าก้อเริ่มทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้น และเป็นเรื่องใหญ่โตทำให้ข้าพเจ้าทะเลาะกับพ่อบ่อย บ่อยมากจนถึงขั้นตีกัน
ข้าพเจ้าทนไม่ไหวเลยขอย้ายไปอยู่กับยาย ข้าพเจ้าก็ไปอยู่กับยายบอกเลยว่าทางบ้านข้าพเจ้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย ข้าพเจ้าก็ได้ย้ายมาอยู่กับยาย
ครั้งแรกที่พบหน้ายายพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ยายถามว่า
ยาย - จะไปไหนลูกขนเสื้อผ้าผลุงผลัง
ข้าพเจ้า - ยายถามแบบั้นข้าพเจ้าก้อกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่มันพูดอะไรไม่ออกปัญหาทุกอย่างที่อยู่ในใจเมื่อเจอหน้ายายถามแบบนี้มันทลักออกมาหมดเลย น้ำตง น้ำตา มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ ณ เวลานั้น ข้าพเจ้าก็ได้วิ่งเข้าโผลกอดคุณยายอย่างแน่น และร้องไห้ออกมาจนพอแล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณยายฟัง
จากวันนั้นแม้คุณยายจะไม่มีอะไรเลยบ้านเล็กๆ ข้าพเจ้าก็อยู่กับคุณยาย เงินที่ใช้ทุกวันตอนนั้นก็เป็นเงินที่แม่ส่งมาให้เดือนละ500 และค่าน้ำค่าไฟที่บ้านคุณยายแม่ก็ออกให้ เวลาขัดสนเงินไม่มี เงินไม่พอ ข้าพเจ้าได้มารู้ทีหลังว่ายายไปหยิบยืมคนอื่นมาให้โดยที่ไม่บอกเรา
ยายบอกว่าไม่อยากให้หลานไม่สบายใจเพราะหลานก็เจอปัญหามาหนักมากพอแล้ว
ทุกเช้าคุณยายจะซื้อขนมมาไว้ที่ปลายเตียง เพื่ออยากให้หลานน้อยๆคนหนึ่งได้กินอิ่มนอนหลับ ตลอดเวลาที่อยู่กับคุณยายเป็นเวลา4ปีรู้สกมีความสุขมากๆ คุณยายเป็นทุกสิ่ง คุณยายเป็นทุกอย่างสำหรับเราจิงๆ คุณยายดูแลเหมือนลูกไม่เคยดุ ไม่เคยว่า รักเรามากๆ ใครมาแตะ มาว่าอะไรเราไม่ได้เลย เวลาไปไหนกับเพื่อนกลับเย็นมากๆ แกก็จะนั่งรอตรงหน้าบ้านทุกครั้ง เพราะความเป็นห่วง
จนวันที่แกหมดลมหายใจ
ก่อนแกจะเสียแกสุขภาพไม่ค่อยดี ประมาณก่อนแกเสีย1อาทิตย์แกเป็นลมล้มเรียกเท่ไหร่ก็ไม่ตื่นจนต้องไปเรียกป้าให้มาดูและก็ได้ส่งโรงพยาบาล และก้อนอนโรงพยาบาลสามวันแล้วหมอก็ให้กลับบ้าน
ก่อนแกจะหมดลมหายใจวันนั้นข้าพเจ้าจำได้ดี ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่หัวบันได อ่อ วันนั้นแม่กลับมาที่บ้านด้วยแล้วกำลังทำกับข้าวทานกันอยู่
คุณยายได้เดินไปเข้าห้องน้ำและเดินกลับบ้านถึงตรงหัวบรรไดที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ข้าพเจ้าก็ถามท่านว่า
แม่กินไหมขนม
ยายก็ไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มแล้วก็เดินข้นบ้านไป หลังจากที่ขึ้นไปบนบ้านสักพัก แกก็ได้ล้มลงแล้วเลือดก็ออกทางปากพวกแม่ป้าๆก็ได้รีบพายายส่งโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลช่วยอะไรไม่ได้ต้องส่งเข้าไปในโรงพยาบาลในตัวจังหวัด การเดินทางจากบ้านเราไปตัวจังหวัดก้อ4ชั่วโมงเข้าไปแล้ว ยายทนไม่ไหวและได้เสียชีวิตกลางทาง หลังที่รู้มายายเค้าไปเข้าห้องน้ำแล้วอาเจียนเป็นเลือดหน้าห้องน้ำแต่แกแข็งใจเพราะไม่อยากให้ใครรู้ จนแกอาการหนักและเสียชีวิตลงในที่สุด
แม่ได้พาศพยายมาทำพิธีที่บ้าน สามคืนแล้วก็เผาตามประเพณี หลังการเผาศพช่วยกันเก็บข้าวเก็บของ
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดข้นหลังงานส่งศพคืนนั้น คืนนั้นจะมีญาติมานอนเป็นเพื่อนกันที่บ้านงาน หลายๆคน ข้าพเจ้าจะนอนในห้องยาย และแม่กะพวกป้าๆจะนอนข้างนอก ในห้องจะมีรูปยายวางบนหัวเตียงสีขาวดำ จิงๆก็แอบกลัวนะ และมีหีบข้าวของๆยายเป็นพวกถ้วย จาน ชาม ของใช้ต่างๆของแก สักประมาณห้าทุ่มได้ มันจะมีเสียงคนเดินและมีเสียงกุ๊กๆกั๊กๆ เหมือนมีคนรื้อของในหีบ ข้าพเจ้าได้ยินเช่นนั้น ก็โผลออกมาจากในห้องมานอนข้างนอกกับแม่
และเสียงที่ไม่คาดฝันกว่านั้น คือ เสียงยาย เสียงยายร้องไห้มาจากทางห้องน้ำหลังบ้าน ตรงที่แกอาเจียนเป็นเลือดไว้ครั้งนั้นรอยนั้นมันยังอยู่ เสียงร้องไห้มันเป็นเสียงยายจิงๆ เพราะตอนแกมีชีวิตอยู่ เคยได้ยินแกร้องเสียงแบบนี้ ทุกคนในบ้านที่นอนด้วยกัน ก็ได้ยินเสียงเดียวกัน และที่ตรงนั้นมันก็มืดคงไม่มีใครไปนั่งร้องไห้เล่นแถวนั้น และร้องอยู่พักใหญ่แม่ได้เอาธูปมาจุดและบอกยายดังๆว่า
แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหลานนะ จะดูแลต่อให้เอง ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าวของจะดูแลสานต่อให้เอง
แล้วเสียงก็หายไป
ข้าพเจ้าก็ได้กลับไปอยู่บ้านกับพ่อตามเดิมเพราะพ่อมารับกลับ
แต่ก็ไม่สุขใจเท่าอยู่กับยาย ยายผู้เป็นทุกอย่าง ยายผู้แสนดี
ยังไม่มีโอกาสทดแทนคุณยายก็จากไปซะแล้ว
ถ้าดวงวิญญาณยายรับรู้อยากบอกว่าหลานคนนี้รักยายมาก อยากอยู่กับยาย
หลานท้อ หลานเหนื่อย หลานไม่มีที่พึ่งที่ไหนดีเท่ายายคนนี้อีกแล้ว
***ขออภัยถ้าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นการไร้สาระ แค่ข้าพเจ้าได้ระบายมันออกมาบางส่วนข้าพเจ้าก็รู้สกสบายมากมายแล้ว
ปกติจะไม่ค่อยพูดมีปัญหาอะไรก็จะเก็บไว้คนเดียว ขอบคุณ ppantip.com ที่ทำให้ข้าพเจ้ามีพื้นที่ระบายออกมาขอบคุณอีกครั้งคะ