การที่ น้ำหนัก ค่อยๆลง จาก 66.5 ไปอยู่ที่  64.8 เท่ากับ -1.7 kg และ ดีดกลับขึ้นมา +1.5 kg
เป็นเรื่อง ปรกติ มากๆ อย่าได้ตกใจ น้ำหนักคนเราสามารถขึ้นลงได้ 1-2 kg ขึ้นอยู่กับ
วันนี้อึยัง ดื่มน้ำน้อย บวมน้ำเพราะกินเค็ม เป็น ปจด. ฯลฯ

อย่าได้ใจร้อน ให้ควบคุมอาหารและออกกำลังกายต่อไป
ร่างกายกำลังปรับตัว ให้เวลามันได้ทำใจ สลัดเพื่อนไขมันทิ้งนิดนึง อยู่ด้วยกันมานาน
ก็ต้องมีอิดออด คิดถึงกันบ้างไม่อยากจากไปเป็นธรรมดา
คนส่วนใหญ่ จะลดไม่สำเร็จ เพราะ ล้มเลิกไปก่อน.......
จขกท มาถูกทางแล้วค่ะ แต่ต้องใช้เวลานะ 1 อาทิตย์ไม่พอ พี่ขอ 3 เดือน

หาก จขกท. กลับมาฮึดแล้ว ลองเปิดใจอ่านข้างล่างดูค่ะ (ยาวนะ อันนี้จาก ปสก ส่วนตัว)

น้ำหนักคนเรา ประกอบด้วย น้ำ กล้ามเนื้อ กระดูก ไขมัน และของเสียเช่น อุจจาระ ปัสสวะ
การลด นน. อย่างมีประสิทธิภาพ คือก่ารที่เราควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
นน.ที่ลดลงไปนั้น เฉลี่ยอาทิตย์นึงควร ลดไม่เกิน 0.5 kg ซึ่งเป็นการลดของไขมัน

สาวๆทีเลือกวิธี อดข้าวอดน้ำ กินน้อย ออกกำลังกายหนัก เพียงเพราะให้ ตัวเลข บนตาชั่งลดลง
ร่างกายจะนึกว่า นี่ชั้นอยู่ เอธิโอเปียสินะ ไม่มีจะกินแล้วยังต้องมาใช้แรงงานอีก
ใช่ค่ะ นน.ลดลงจริง น้ำ กล้ามเนื้อ ทั้งนั้นที่หายไป
พอกลับมากินปกคิ หรือ วันนี้มีปาร์ตี้ขอซัดหน่อย ตบะแตก
ร่างกายดีใจมากๆๆๆๆๆ ที่นี้จะเกิดอาการที่เรียกว่า โยโย่ มันจะเก็บทุกอย่างที่คุณกินเข้าไป
ไม่ชั้นจะไม่เผาผลาญ ชั้นจะเก็บไขมันไว้ใช้ยามชั้นกลับไปเอธิโอเปียอีกครั้ง ..........เอ่อ งานเข้า กลับมาอ้วนกว่าเดิม.......

ดังนั้น ให้ทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำได้ตลอดชีวิต ออกกำลังกาย ควบคู่อาหารที่สมดุล
คำถามคือ จขกท จะกินมะละกอและนมจืด เป็นมื้อเย็นได้ตลอดชีวิตมั้ย
ถ้าตระหนักแล้วว่า ไม่ได้ ให้ปรับวิธีการทานมื้อเย็นแบบด่วนๆค่ะ

และสุดท้าย เมื่อเริ่มออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ขอให้ชั่ง นน เพียงสัปดาห์ละครั้ง แต่ส่องกระจกทุกเช้าแทนค่ะ
การออกกำลังกายจะทำให้ไขมันลาลับไป แต่กล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น ถ้าออกกำลังกายไปสักพักแล้ว น้ำหนักไม่กระดิก
ก็ขอให้รู้ว่า กล้ามเนื้อหนักกว่าไขมันค่ะ ดังนั้น ตาชั่งไม่ได้บอกอะไรเลยเอาจริงๆ

ปล.มีรูปประกอบ เพื่อความเข้าใจ