สืบเนื่องจากทีมงานพันทิปชวนย้อนวันวานรักครั้งแรก....จึงอยากแบ่งปันรักครั้งแรกในแบบฉบับของเรา

เราเป็นเด็กต่างจังหวัด รักครั้งแรกของเราเกิดขึ้นตอนที่เราอยู่ชั้น ม.6 วัยเปลี่ยนผันของชีวิต งานเยอะ เรียดหนัก สอบเครียด หาที่เรียนใหม่  เย็นวันหนึ่ง ขณะที่หอบโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ทำจากฟิวเจอร์บอร์ดขนาดใหญ่ขึ้นรถเมล์กลับบ้าน  เราสังเกตุเห็นสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เรา  เราแอบชำเลืองไปดู เขาเป็นเด็กผู้ชายหน้าตี๋ ผิวขาว ใส่กางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน ดูก็พอรู้ว่าน่าจะอยู่ม.ปลายเหมือนกับเรา  'เด็กผู้ชายคนนี้อีกแล้ว'  เราคิดในใจ  เพราะเรามักจะเจอเขาบนรถเมล์บ่อยๆเวลากลับบ้าน....จากหางตาของเรา  เราคิดว่าเขาคอยมองมาที่เราเป็นระยะๆ  
   ก่อนที่รถเมล์จะเคลื่อนตัวออกจากท่ารถเพื่อมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเดิมๆที่เคยผ่านเพื่อส่งผู้โดยสารสู่จุดหมาย เขาก็มายืนอยู่หน้าเบาะที่เรานั่ง  เรานั่งเบาะหน้าสุดใกล้ประตูหน้าของรถเมล์ วันนั้นคนแน่นขนัดจนแทบจะล้นทะลักออกไปนอกประตูรถ ซึ่งนั่นทำให้เขามายืนอยู่ตรงหน้าเรา ทำให้เรามองเห็นเขาได้ชัดขึ้น  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา แต่เรารับรู้ได้ว่าหัวใจของเรามันเต้นตึกตักๆแรงขึ้น....แรงขึ้น  ใบหน้าก็ร้อนผ่าวไปหมด  เขายืนอยู่หน้าเรา  ใกล้เกินไปแล้ว  พอรถออกตัว  ลมพัดปะทะผิวหน้า  เขายื่นมือของเขาออกไปลู่ลมเล่น  เรามองไปที่มือใหญ่ๆของเขา 'สวมแหวนที่นิ้วกลางข้างซ้ายเหมือนเราเลย'  รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ  คนค่อยๆทยอยลงจากรถไปทีละนิด  จนมีที่นั่งว่างพอสำหรับผู้โดยสาร  หนึ่งในนั้นเป็นที่นั่งข้างๆเรา....แล้วเขาก็ค่อยๆเดินเข้ามา นั่งลงที่เบาะข้างๆเรา  แล้วเขาก็เริ่มต้นบทสนทนา  
   "เรียนโรงเรียนหญิงเหรอ"
   "ใช่"
   "นี่หอบอะไรมาน่ะ ใหญ่จัง"
   "อ๋อ โครงงานวิทยาศสาตร์น่ะ ทำไม่เสร็จ เลยต้องหอบกลับไปทำที่บ้าน"
บทสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาลงจากรถไป 'บ้านเราก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไรนี่นา' เราคิดในใจระหว่างที่มองเขาเดินลงจากรถไป

    จากวันนั้น  เรายังคงเจอเขาเรื่อยๆที่รถเมล์คันเดิม  เวลาเดิม  เราคุยกันมากขึ้น  รู้จักกันมากขึ้น จนเย็นวันหนึ่งเราตกรถเมล์คันเดิมที่เราควรจะขึ้น ทำให้เราสองคนต้องนั่งรอรถเมล์คันต่อไปด้วยกัน ซึ่งต้องใช้เวลารอนานถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง  ระหว่างนั้นเราคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ  แล้วเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งในกระเป๋ากางเกงออกมา
   "นี่  เราซื้อมือถือมาใหม่"
   "อ่าว เพิ่งซื้อเลยเหรอเนี่ย"
   "อื้ม ขอให้แม่ซื้อให้อ่ะ ไม่แพงมากหรอก  แค่พอใช้โทร.ได้"
เขานั่งกดๆมือถือไปสักพัก แล้วก็....
   "จะเป็นไรไหมถ้าเราจะขอเบอร์"
   "ฮะ!!....อ๋อ....ได้สิ ไม่เป็นไร เบอร์เรา...0X-XXX-XXXX"
  เราคุยกันไปเรื่อยๆ เรารู้สึกว่ามีแมลงหรือตัวอะไรสักอย่างกำลังไต่อยู่ที่ต้นคอของเรา  เรากำลังจะเอื้อมมือไปปัด ขณะเดียวกันเขาก็มองมาที่เราและเอื้อมมือของเขามาปัดแมลงตัวนั้นออกไปจากคอเรา  มือของเขาสัมผัสกับผิวต้นคอของเรา วินาทีนั้น....เราแทบหยุดหายใจ  หน้าร้อนผ่าวอีกแล้ว....เขาไม่ได้พูดอะไร  เราก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งรถมาเราจึงขึ้นรถไปด้วยกัน
   และรถก็เคลื่อนตัวมาถึงที่ที่เราต้องลง  ขณะที่กำลังเดินเข้าบ้าน มีเสียงเตือนข้อความจากมือถือ  เราล้วงมือเข้าไปหยิบมือถือขึ้นมาดู  เป็นข้อความจากเบอร์ที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง  เรากดเปิดอ่าน ข้อความในนั้นบอกว่า 'ถึงบ้านแล้วนะ  เธอถึงรึยัง' และลงท้ายด้วยชื่อของเขา  เราส่งข้อความกลับไปตอบคำถามของเขา  และเดินเข้าบ้านไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
   เวลาผ่านไป  หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น  ทั้งเรื่องเรียน  เรื่องสอบกลางภาค เรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ประเดประดังเข้ามาให้คิดให้เครียดกันได้เรื่อยๆ  แต่เรายังคงได้เจอกัน  ได้โทร.คุยกันเช่นเดิม  เย็นวันหนึ่ง  ซึ่งก็เป็นวันที่แสนจะธรรมดาอีกวัน  หลังเลิกเรียนเขาชวนเราไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้โรงเรียน  เราตอบรับและให้เพื่อนสนิทของเราไปส่ง  ทันทีที่เจอเขา  เขาเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  แล้วเข้ามาถือกระเป๋าให้เรา ทักทายเพื่อนเราแล้วเราก็แยกจากเพื่อนเราไปกับเขา  เราจำไม่ได้ว่าเราได้เดินเล่นที่ห้างนั้นกันรึเปล่า  แต่เราจำได้ว่าหลังจากนั้นเขาพาเราไปที่ร้านขายน้ำปั่นของเพื่อนเขา  ซื้อน้ำใบหม่อนปั่นให้เราหนึ่งแก้ว   แล้วยืมรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนเขาขับพาเราไปที่ท่ารถ  พอถึงท่ารถ  เขาจอดรถ แล้วเราก็เดินไปนั่งรอรถด้วยกัน
   "เอารถเพื่อนมา  แล้วคือต้องขับกลับไปคืนเขารึเปล่า"
   "เปล่า  เดี๋ยวเพื่อนมันมาขับกลับไปเอง"
   "อ๋อ"
   "นี่....รู้มั้ยว่าถ้าพ่อช้างเป็นช้างเท้าหน้า แล้วแม่ช้างจะเป็นอะไร"
   "ฮ่าๆ ทำไมถึงถามอ่ะ  แม่ช้างก็ต้องเป็นช้างเท้าหน้ายิ่งกว่าพ่อช้างอ่ะดิ"
   "ป่าวหรอก จริงๆแล้วบางทีพ่อช้างก็แค่ต้องการใครมาคอยเดินข้างๆเขาแค่นั้นเอง"
   'อะไรนะ งงจัง' เราคิดในใจ  พอเริ่มเข้าใจบ้างแล้ว ก็พูดอะไรไม่ออก  เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการสื่อ มันคืออะไรกันแน่ มันจะตรงกับสิ่งที่เราคิดในใจรึเปล่า แต่นาทีนั้น หัวใจเรามันเต้นไม่หยุดไม่หย่อนอีกแล้ว   เรานั่งคุยกันไม่นาน  รถก็มาจอดเทียบท่า  เราสองคนขึ้นไปนั่งบนรถ  เรานั่งชิดริมหน้าต่าง เขานั่งลงเบาะข้างๆเรา เวลาผ่านไปสักพัก  รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท่า  บนรถคันนั้น  คนขับเปิดวีดีโอเทปบันทึกภาพการแสดงคอนเสิร์ตโปงลางสะออน   เราไม่คิดที่จะดูหรอก  แต่ทำไมเขาต้องมองเราบ่อยขนาดนั้นด้วยนะ  เราทำตัวไม่ถูก  เราเลยจำเป็นที่จะต้องทำเป็นดูคอนเสิร์ตผ่านภาพสะท้อนจากกระจกหน้าต่างที่เรานั่งอยู่
   "ชอบมองวิวเหรอ"
   "อื้ม  ใช่  แต่ตอนนี้เรากำลังดูคอนเสิร์ตผ่านภาพสะท้อนจากกระจกอยู่  ลองดูดิ  ก็ชัดเหมือนกันนะ"
   "อืม...."
   รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ  คนค่อยๆทยอยลงจากรถ  ที่นั่งใกล้เราแทบไม่เหลือคน  แล้วเขาก็ถามเราว่า
   "นี่....ขอถามอะไรหน่อยสิ  ถ้ามีนางฟ้าองค์หนึ่งมีของมาให้เธอ  แล้วให้เธอเลือกเปิดกล่องของขวัญนั้นหรือไม่เปิดก็ได้ โดยสองทางเลือกมาให้เลือกเธอจะเลือกอะไร  ระหว่าง1.เธอจะเลือกเปิดกล่องของขวัญนั้นเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็จะยอมรับมันได้ กับ 2.เธอขอเก็บมันไว้ก่อน  ยังไม่เปิด  รอเวลาไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน  ให้แน่ใจก่อนว่าเธอจะไม่เสียใจแน่ๆถ้าเปิดมัน  แล้วเธอถึคงค่อยเปิด"
   "อืม....เป็นเราเราเลือกเปิดเลยนะ  เพราะเราอยากรู้ว่าข้างในมีอะไร อีกอย่าง  รอไป  จะมีอะไรมาบอกเราได้แน่เหรอว่าถ้าเราเปิดแล้วเราจะไม่เสียใจ  เป็นเรา...เราเปิดเลย"
   "อืม...เหรอ"
   "อื้ม"
   "..........."
   "..........."
   "..........."
   "..........."
   "....ขอมือหน่อยได้ไหม?"
   "หะ....ฮะ?"
   "ขอมือหน่อยได้ไหม?"
   'ทำไมต้องทำหน้าตาจริงจัง  สายตาอ้อนวอนขนาดนั้นด้วย' เราคิดในใจ  แต่ก็ยื่นมือออกไปให้เขาโดยดี พลางคิดไปว่า 'เขาจะคิดว่าเราใจง่ายเกินไปมั้ยเนี่ย'



****เดี๋ยวกลับมาแบ่งปันใหม่นะคะ  ขอตัวกลับบ้านก่อน****
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่