เป้าหมาย การเมือง เป้าหมาย ล้ม การเลือกตั้ง คือ เลือกตั้ง โมฆะ ..... ข่าวสดออนไลน์
ทั้งๆ ที่มีชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 20.5 ล้านคน เดินออกจากบ้าน ถือบัตรประชาชน ออกมาใช้
สิทธิ 1 เสียง อันตนได้มาไปเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์
กระนั้น ก็ยังมีคนอยากให้การเลือกตั้งเป็น โมฆะ
ความหมายแห่งคำว่า โมฆะ ตามที่หนังสือพจนานุกรม ฉบับมติชน อรรถาธิบายไว้ที่
หน้า 695 สดมภ์ 2 บรรทัดที่ 17 นับจากล่างคือ
โมฆะ ว.เปล่า, ว่าง, ไม่มีประโยชน์, ไม่มีผล
โลกนี้ยังมีคนใจร้ายพรรณนี้ดำรงอยู่อย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่เคลื่อนไหว
ผ่านกระบวนการของกปปส. ไม่เพียงแต่จะมีนักกฎหมายระดับเอ้
ไม่เพียงแต่จะเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคการเมืองหนึ่ง
หากน่าประหลาดอย่างยิ่ง หากติดตามการเคลื่อนไหวของคณะบุคคลบางคณะ
กลับปรากฏว่ามีคนบางคนในคณะกรรมการการเลือกตั้งก็อยากให้การเลือกตั้ง
เป็น โมฆะ ด้วย
ทำไมถึงมี คนใจร้าย เช่นนี้ขึ้นได้
คนของพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคการเมืองหนึ่งไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการยื่น
เรื่อง เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ทาง 1 เขายื่นเรื่องผ่านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ทาง 1 เขาทำเรื่องและยื่นฟ้องร้องต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่า
ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 68
เป็นมาตรา 68 (อีกแล้ว) ตามเคย
ขณะเดียวกัน แกนนำกปปส.ไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่า นายสาทิตย์
วงศ์หนองเตย ก็ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นคงว่าจะใช้กระบวนการขององค์กร
อิสระเล่นงานการเลือกตั้งประสานกันไปกับการเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็น คนใจร้าย ที่เกลียดและกลัว การเลือกตั้ง
เรื่องน่าเศร้าอยู่ที่เจตจำนงและความปรารถนาลึกๆ ของกรรมการเลือกตั้งบางคน
ที่สนองรับกับแนวคิดของกปปส.และพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า
ความตั้งใจจริงๆ ของคนๆ นี้ คือ จะ เลื่อน การเลือกตั้งให้ได้
แต่เมื่อความพยายามอันรับมาจากกปปส.และพรรคประชาธิปัตย์เช่นนี้ไม่ประสบ
ผลสำเร็จเขาก็ประโคมโหมแถลงในเรื่องความล้มเหลวของการเลือกตั้ง
นั่นก็เห็นได้จากการคาดทำนายว่าจะต้อง โมฆะ
ทั้งๆ ที่กระบวนการขัดขวางทั้งหลายทั้งปวงมีจุดเริ่มมาจากคนของกปปส.มาจาก
คนของพรรคประชาธิปัตย์และรวมถึงตัวกรรมการเลือกตั้งคนนั้นด้วย
ในที่สุด เสียงของคน 20.5 ล้านคนก็แทบไม่มีความหมาย
สังคมกำลังจับตาดูบทบาทขององค์กรอิสระอย่างเกาะติด อย่างใกล้ชิดอย่างเป็นพิเศษ
กำลังดูว่าคณะกรรมการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กำลังดูว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
จะมองเห็นความหมายของคน 20.5 ล้านคนที่ออกมาใช้สิทธิ์ว่าเป็นอย่างไร
กำลังดู การตัดสินใจ ของ คนดี เลิศประเสริฐศรี
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1UWXhOVEE1TlE9PQ==§ionid=
รัฐบาลเน่าๆ ตายเสียดีกว่าอยู่ สารส้ม แนวหน้าออนไลน์
1) ล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปตัวเลขการใช้สิทธิเลือกตั้ง 68 จังหวัด
ยกเว้น 9 จังหวัดภาคใต้ที่ไม่สามารถเปิดให้ลงคะแนน จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 43,024,042 คน
มีผู้ไปใช้สิทธิ 20,129,976 คน คิดเป็นร้อยละ 46.79
จำแนกเป็น บัตรดี 71.38% บัตรเสีย 12.05% และไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ Vote No 16.57%
เท่ากับว่า มีคนไม่ไปเลือกตั้งมากถึง 53.21% หรือ 22,894,066 คน (22 ล้านคน)
หากประเมินว่า การเลือกตั้งทุกครั้งจะมีคนนอนหลับทับสิทธิมาแต่ไหนแต่ไรอยู่ประมาณ 30%
ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เมื่อหักออกจากจำนวนคนไม่ไปเลือกตั้งดังกล่าวแล้ว ก็จะได้จำนวนคนที่
“ตั้งใจไม่ไปใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง” หรือ No Vote ตามที่ กปปส.รณรงค์เชิญชวน ประมาณ
8,695,158 คน (8 ล้านกว่าๆ)
ไม่นับคนที่ปกติเคยนอนหลับทับสิทธิ แต่ครั้งนี้ตั้งใจไม่ออกไปใช้เลือกตั้ง
ด้วยความตื่นรู้ทางการเมือง
ทั้งนี้ ยังไม่นับอีก 9 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ๆ ตื่นตัวการเมืองสูงมาก และ
No Vote เข้มข้นอย่างที่สุด
จำนวน No Vote จึงเกิน 10 ล้านคนอย่างแน่นอน
2) ข้อมูลจาก กกต.ดังกล่าว เมื่อแบ่งเป็นรายภาค พบว่า ภาคเหนือมีผู้ใช้สิทธิร้อยละ 56.02,
ภาคกลางผู้ใช้สิทธิร้อยละ 41.04, ภาคอีสานมีผู้ใช้สิทธิร้อยละ 55.31, ภาคใต้มีผู้ใช้สิทธิ
ร้อยละ 36.75
ส่วนกรุงเทพฯ มีผู้ใช้สิทธิอยู่ที่ร้อยละ 16.78 เท่านั้นเอง!
จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,369,120 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 733,196 คน
มีบัตรดี 498,847 ใบ คิดเป็น 68.04% บัตรเสีย 58,254 ใบ คิดเป็น 7.95% และจำนวน
ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 176,094 ใบ คิดเป็น 24.02%
แสดงว่า เฉพาะใน กทม. มีคนไม่ออกมาเลือกตั้ง 3,635,924 คน
หากลบจำนวนคนที่ปกตินอนหลับทับสิทธิอยู่ 30% ของผู้มีสิทธิออกไปแล้ว ก็จะได้จำนวนคน
กทม.ที่ “ตั้งใจไม่ไปใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง” หรือ No Vote ตามที่ กปปส.รณรงค์เชิญชวน
ประมาณ 2,325,245 คน (2 ล้านกว่าคน)
ไม่นับคนที่ปกติเคยนอนหลับทับสิทธิ แต่ครั้งนี้ตั้งใจไม่ออกไปใช้เลือกตั้ง
ด้วยความตื่นรู้ทางการเมือง
ไม่นับคนที่ออกไปกาบัตรเสีย ด้วยการเขียนด่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดังภาพตัวอย่างข้างต้น
3) เฉพาะคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ 2 ล้านกว่าคน แถมคนต่างจังหวัดเข้ามาเสริมอีกต่างหาก
คนเหล่านี้หากเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่น ยืนหยัด เดินหน้าชุมนุมเคลื่อนไหวกดดัน ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์
อย่างมีเอกภาพต่อไปอีกนิดเดียว รัฐบาลที่หน้าด้านก็คงจะทานทนพลังของประชาชนต่อไปไม่ไหว
อย่างแน่นอน
4) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อุตส่าห์ออกมาอ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย
เรื่อง “ขบวนการทำลายประชาธิปไตยและปล้นสิทธิของประชาชน”
อ้างมึนๆ ว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.เสร็จสิ้นไปแล้ว ประชาชนทั่วประเทศตื่นตัวไปใช้สิทธิ์อย่างมาก!!!
ความจริง เปอร์เซ็นต์คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งลดลงทั้งประเทศ แม้แต่ภาคเหนือ-อีสาน ที่ไม่มีการ
ชุมนุมอะไรเลยก็ต่ำลง สวนทางกับโหวตโนที่สูงขึ้น จนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยบางจังหวัดแพ้
คะแนนโหวตโน
อ้างมั่วๆ ว่า มีขบวนการเพื่อทำลายประชาธิปไตยและปล้นสิทธิของประชาชน มุ่งทำลายรัฐบาลและ
พรรคที่ได้รับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง พยายามให้มีการทำรัฐประหาร พยายามทำให้มีการชี้มูล
เรื่องทุจริต หรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายและนำไปสู่การถอดถอนโดยวุฒิสภา!!!!
ความจริง รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในโลกนี้ ไม่ว่าที่ไหน ก็ไม่สามารถจะทุจริตโกงกินได้
จะกระทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย อยู่เหนือรัฐธรรมนูญไม่ได้
จะมาเล่นตีมึน ป้ายสีไว้ล่วงหน้าว่า การชี้มูลกรณีทุจริตหรือการกระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
ของพวกตน เป็นเรื่องที่มีคนหาเหตุกลั่นแกล้ง นับเป็นพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากเด็กขี้ขโมยที่ถูกจับได้
ละล่ำละลักโบ้ยความผิดทันที ขณะกำลังจะถูกซักไซ้ไล่เลียง
น่าทุเรศมาก...
กรณีทุจริตจำนำข้าว โกงจนไม่มีเงินเหลือไปจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา ถ้ารัฐบาลสุจริต เหตุใดไม่สามารถ
ชี้แจงด้วยหลักฐานข้อเท็จจริงได้เลย แถมล่าสุด คู่สัญญาในจีนก็ชิงล้มเลิกสัญญาไปแล้ว
นายจารุพงศ์นี่เอง ที่เคยนำพลพรรคออกมาแถลงไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
แต่กรณีใดที่ศาลรัฐธรรมนูญและอำนาจตุลาการวินิจฉัยเป็นคุณแก่พรรคพวกของตน กลับไม่ว่ากะไร
5) ดูจากสถานการณ์ความเป็นจริงในขณะนี้ ไม่มีทางที่จะเลือกตั้งให้ได้ ส.ส.ครบ 475 คน
ตามเกณฑ์ 95% เพื่อเปิดประชุมสภาครั้งแรกภายใน 30 วัน
เพราะอย่างน้อย ยังมี 28 เขตที่ไม่มีผู้สมัคร ส.ส.เลย แล้วจะกำหนดวันเลือกตั้งได้อย่าง ในเมื่อ
รัฐธรรมนูญให้วันเลือกตั้งทั่วไปจะต้องเป็นเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ซึ่งก็คือ วันที่ 2 ก.พ. ผ่านมาแล้ว
รับรองผลการเลือกตั้งไม่ได้หรือได้ไม่ครบเกณฑ์ - เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ -
เลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ – ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้แต่ลอยไปลอยมา
หายใจทิ้งไปวันๆ เหมือนรัฐบาลเน่าๆ
แก้ปัญหาของประเทศชาติ ประชาชน ชาวนา ฯลฯ ช่วยอะไรไม่ได้เลย
ลาออก หนีออกนอกประเทศ ติดคุก หรือตายๆ ไปเสีย เปิดทางให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นมา
ปฏิรูปประเทศไทยส่วนรวมย่อมจะดีกว่า
ตายเสียดีกว่าอยู่... นี่พูดเลย!
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/10884
อ่านให้ครบทั้ง 2 สื่อแล้วก็คงตัดสินได้นะคะ ว่าใครที่พยายามทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ
และใครที่พยายามชี้ให้เห็นว่า เลือกตั้งคือหนทางประชาธิปไตย ที่เราควรเคารพ ในการตัดสินใจ
ของประชาชน
เลือกตั้งโมฆะ vs คนตั้งใจไม่ไปใช้สิทธิ ...... ข่าวสด vs แนวหน้า
ทั้งๆ ที่มีชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 20.5 ล้านคน เดินออกจากบ้าน ถือบัตรประชาชน ออกมาใช้
สิทธิ 1 เสียง อันตนได้มาไปเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์
กระนั้น ก็ยังมีคนอยากให้การเลือกตั้งเป็น โมฆะ
ความหมายแห่งคำว่า โมฆะ ตามที่หนังสือพจนานุกรม ฉบับมติชน อรรถาธิบายไว้ที่
หน้า 695 สดมภ์ 2 บรรทัดที่ 17 นับจากล่างคือ
โมฆะ ว.เปล่า, ว่าง, ไม่มีประโยชน์, ไม่มีผล
โลกนี้ยังมีคนใจร้ายพรรณนี้ดำรงอยู่อย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่จะเป็นคนที่เคลื่อนไหว
ผ่านกระบวนการของกปปส. ไม่เพียงแต่จะมีนักกฎหมายระดับเอ้
ไม่เพียงแต่จะเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคการเมืองหนึ่ง
หากน่าประหลาดอย่างยิ่ง หากติดตามการเคลื่อนไหวของคณะบุคคลบางคณะ
กลับปรากฏว่ามีคนบางคนในคณะกรรมการการเลือกตั้งก็อยากให้การเลือกตั้ง
เป็น โมฆะ ด้วย
ทำไมถึงมี คนใจร้าย เช่นนี้ขึ้นได้
คนของพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคการเมืองหนึ่งไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการยื่น
เรื่อง เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ทาง 1 เขายื่นเรื่องผ่านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ทาง 1 เขาทำเรื่องและยื่นฟ้องร้องต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่า
ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 68
เป็นมาตรา 68 (อีกแล้ว) ตามเคย
ขณะเดียวกัน แกนนำกปปส.ไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่า นายสาทิตย์
วงศ์หนองเตย ก็ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นคงว่าจะใช้กระบวนการขององค์กร
อิสระเล่นงานการเลือกตั้งประสานกันไปกับการเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็น คนใจร้าย ที่เกลียดและกลัว การเลือกตั้ง
เรื่องน่าเศร้าอยู่ที่เจตจำนงและความปรารถนาลึกๆ ของกรรมการเลือกตั้งบางคน
ที่สนองรับกับแนวคิดของกปปส.และพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า
ความตั้งใจจริงๆ ของคนๆ นี้ คือ จะ เลื่อน การเลือกตั้งให้ได้
แต่เมื่อความพยายามอันรับมาจากกปปส.และพรรคประชาธิปัตย์เช่นนี้ไม่ประสบ
ผลสำเร็จเขาก็ประโคมโหมแถลงในเรื่องความล้มเหลวของการเลือกตั้ง
นั่นก็เห็นได้จากการคาดทำนายว่าจะต้อง โมฆะ
ทั้งๆ ที่กระบวนการขัดขวางทั้งหลายทั้งปวงมีจุดเริ่มมาจากคนของกปปส.มาจาก
คนของพรรคประชาธิปัตย์และรวมถึงตัวกรรมการเลือกตั้งคนนั้นด้วย
ในที่สุด เสียงของคน 20.5 ล้านคนก็แทบไม่มีความหมาย
สังคมกำลังจับตาดูบทบาทขององค์กรอิสระอย่างเกาะติด อย่างใกล้ชิดอย่างเป็นพิเศษ
กำลังดูว่าคณะกรรมการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กำลังดูว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
จะมองเห็นความหมายของคน 20.5 ล้านคนที่ออกมาใช้สิทธิ์ว่าเป็นอย่างไร
กำลังดู การตัดสินใจ ของ คนดี เลิศประเสริฐศรี
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1UWXhOVEE1TlE9PQ==§ionid=
รัฐบาลเน่าๆ ตายเสียดีกว่าอยู่ สารส้ม แนวหน้าออนไลน์
1) ล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปตัวเลขการใช้สิทธิเลือกตั้ง 68 จังหวัด
ยกเว้น 9 จังหวัดภาคใต้ที่ไม่สามารถเปิดให้ลงคะแนน จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 43,024,042 คน
มีผู้ไปใช้สิทธิ 20,129,976 คน คิดเป็นร้อยละ 46.79
จำแนกเป็น บัตรดี 71.38% บัตรเสีย 12.05% และไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ Vote No 16.57%
เท่ากับว่า มีคนไม่ไปเลือกตั้งมากถึง 53.21% หรือ 22,894,066 คน (22 ล้านคน)
หากประเมินว่า การเลือกตั้งทุกครั้งจะมีคนนอนหลับทับสิทธิมาแต่ไหนแต่ไรอยู่ประมาณ 30%
ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เมื่อหักออกจากจำนวนคนไม่ไปเลือกตั้งดังกล่าวแล้ว ก็จะได้จำนวนคนที่
“ตั้งใจไม่ไปใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง” หรือ No Vote ตามที่ กปปส.รณรงค์เชิญชวน ประมาณ
8,695,158 คน (8 ล้านกว่าๆ)
ไม่นับคนที่ปกติเคยนอนหลับทับสิทธิ แต่ครั้งนี้ตั้งใจไม่ออกไปใช้เลือกตั้ง
ด้วยความตื่นรู้ทางการเมือง
ทั้งนี้ ยังไม่นับอีก 9 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ๆ ตื่นตัวการเมืองสูงมาก และ
No Vote เข้มข้นอย่างที่สุด
จำนวน No Vote จึงเกิน 10 ล้านคนอย่างแน่นอน
2) ข้อมูลจาก กกต.ดังกล่าว เมื่อแบ่งเป็นรายภาค พบว่า ภาคเหนือมีผู้ใช้สิทธิร้อยละ 56.02,
ภาคกลางผู้ใช้สิทธิร้อยละ 41.04, ภาคอีสานมีผู้ใช้สิทธิร้อยละ 55.31, ภาคใต้มีผู้ใช้สิทธิ
ร้อยละ 36.75
ส่วนกรุงเทพฯ มีผู้ใช้สิทธิอยู่ที่ร้อยละ 16.78 เท่านั้นเอง!
จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,369,120 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 733,196 คน
มีบัตรดี 498,847 ใบ คิดเป็น 68.04% บัตรเสีย 58,254 ใบ คิดเป็น 7.95% และจำนวน
ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 176,094 ใบ คิดเป็น 24.02%
แสดงว่า เฉพาะใน กทม. มีคนไม่ออกมาเลือกตั้ง 3,635,924 คน
หากลบจำนวนคนที่ปกตินอนหลับทับสิทธิอยู่ 30% ของผู้มีสิทธิออกไปแล้ว ก็จะได้จำนวนคน
กทม.ที่ “ตั้งใจไม่ไปใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง” หรือ No Vote ตามที่ กปปส.รณรงค์เชิญชวน
ประมาณ 2,325,245 คน (2 ล้านกว่าคน)
ไม่นับคนที่ปกติเคยนอนหลับทับสิทธิ แต่ครั้งนี้ตั้งใจไม่ออกไปใช้เลือกตั้ง
ด้วยความตื่นรู้ทางการเมือง
ไม่นับคนที่ออกไปกาบัตรเสีย ด้วยการเขียนด่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดังภาพตัวอย่างข้างต้น
3) เฉพาะคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ 2 ล้านกว่าคน แถมคนต่างจังหวัดเข้ามาเสริมอีกต่างหาก
คนเหล่านี้หากเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่น ยืนหยัด เดินหน้าชุมนุมเคลื่อนไหวกดดัน ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์
อย่างมีเอกภาพต่อไปอีกนิดเดียว รัฐบาลที่หน้าด้านก็คงจะทานทนพลังของประชาชนต่อไปไม่ไหว
อย่างแน่นอน
4) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อุตส่าห์ออกมาอ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย
เรื่อง “ขบวนการทำลายประชาธิปไตยและปล้นสิทธิของประชาชน”
อ้างมึนๆ ว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.เสร็จสิ้นไปแล้ว ประชาชนทั่วประเทศตื่นตัวไปใช้สิทธิ์อย่างมาก!!!
ความจริง เปอร์เซ็นต์คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งลดลงทั้งประเทศ แม้แต่ภาคเหนือ-อีสาน ที่ไม่มีการ
ชุมนุมอะไรเลยก็ต่ำลง สวนทางกับโหวตโนที่สูงขึ้น จนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยบางจังหวัดแพ้
คะแนนโหวตโน
อ้างมั่วๆ ว่า มีขบวนการเพื่อทำลายประชาธิปไตยและปล้นสิทธิของประชาชน มุ่งทำลายรัฐบาลและ
พรรคที่ได้รับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง พยายามให้มีการทำรัฐประหาร พยายามทำให้มีการชี้มูล
เรื่องทุจริต หรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายและนำไปสู่การถอดถอนโดยวุฒิสภา!!!!
ความจริง รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในโลกนี้ ไม่ว่าที่ไหน ก็ไม่สามารถจะทุจริตโกงกินได้
จะกระทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย อยู่เหนือรัฐธรรมนูญไม่ได้
จะมาเล่นตีมึน ป้ายสีไว้ล่วงหน้าว่า การชี้มูลกรณีทุจริตหรือการกระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
ของพวกตน เป็นเรื่องที่มีคนหาเหตุกลั่นแกล้ง นับเป็นพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากเด็กขี้ขโมยที่ถูกจับได้
ละล่ำละลักโบ้ยความผิดทันที ขณะกำลังจะถูกซักไซ้ไล่เลียง
น่าทุเรศมาก...
กรณีทุจริตจำนำข้าว โกงจนไม่มีเงินเหลือไปจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา ถ้ารัฐบาลสุจริต เหตุใดไม่สามารถ
ชี้แจงด้วยหลักฐานข้อเท็จจริงได้เลย แถมล่าสุด คู่สัญญาในจีนก็ชิงล้มเลิกสัญญาไปแล้ว
นายจารุพงศ์นี่เอง ที่เคยนำพลพรรคออกมาแถลงไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
แต่กรณีใดที่ศาลรัฐธรรมนูญและอำนาจตุลาการวินิจฉัยเป็นคุณแก่พรรคพวกของตน กลับไม่ว่ากะไร
5) ดูจากสถานการณ์ความเป็นจริงในขณะนี้ ไม่มีทางที่จะเลือกตั้งให้ได้ ส.ส.ครบ 475 คน
ตามเกณฑ์ 95% เพื่อเปิดประชุมสภาครั้งแรกภายใน 30 วัน
เพราะอย่างน้อย ยังมี 28 เขตที่ไม่มีผู้สมัคร ส.ส.เลย แล้วจะกำหนดวันเลือกตั้งได้อย่าง ในเมื่อ
รัฐธรรมนูญให้วันเลือกตั้งทั่วไปจะต้องเป็นเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ซึ่งก็คือ วันที่ 2 ก.พ. ผ่านมาแล้ว
รับรองผลการเลือกตั้งไม่ได้หรือได้ไม่ครบเกณฑ์ - เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ -
เลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ – ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้แต่ลอยไปลอยมา
หายใจทิ้งไปวันๆ เหมือนรัฐบาลเน่าๆ
แก้ปัญหาของประเทศชาติ ประชาชน ชาวนา ฯลฯ ช่วยอะไรไม่ได้เลย
ลาออก หนีออกนอกประเทศ ติดคุก หรือตายๆ ไปเสีย เปิดทางให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นมา
ปฏิรูปประเทศไทยส่วนรวมย่อมจะดีกว่า
ตายเสียดีกว่าอยู่... นี่พูดเลย!
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/10884
อ่านให้ครบทั้ง 2 สื่อแล้วก็คงตัดสินได้นะคะ ว่าใครที่พยายามทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ
และใครที่พยายามชี้ให้เห็นว่า เลือกตั้งคือหนทางประชาธิปไตย ที่เราควรเคารพ ในการตัดสินใจ
ของประชาชน