ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่
เล่าความแต่ต้นจนปลายไป โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน
๏ บัดนั้น ปาเตะตกใจไหวหวั่น
ให้จดเอาถ้อยคำสำคัญ แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา
๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา
ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา รี้พลโยธามากมาย
ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทไม่ขาดสาย
บัดนี้มาตั้งยังเนินทราย ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน
๏ เมื่อนั้น องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
ได้ฟังปาเตะทูลพลัน พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน
อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้
จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา
แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล ร้อนรนไปทั่วทุกเส้นหญ้า
เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา ศึกมาถึงราชธานี
คิดพลางทางสั่งเสนาใน เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่
รักษามั่นไว้ในบุรี จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา
อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้ ที่ให้ไปแจ้งเหตุพระเชษฐา
กับสองศรีราชอนุชา ยังจะมาช่วยหรือประการใด
แม้นจะเคืองขัดตัดรอน ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่
แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป จะยากเย็นเป็นกระไรก็ตามที
๏ บัดนั้น ปาเตะประณตบทศรี
ออกมาเกณฑ์ไพร่พลมนตรี ตามมีพระบัญชาการ
๏ เร่งรัดจัดพลอาสา ขึ้นประจำเสมาทุกหน้าด้าน
ประตูเมืองสี่ทิศให้ปิดบาน ลงเขื่อนมั่นลั่นดาลทันใด
เหล่าพวกกองฝรั่งพรั่งพร้อม ขึ้นอยู่ป้อมประจะปืนใหญ่
กะเกณฑ์กองกลางวางไว้ เสียงปืนหนักไหนให้ไปทัน
อันโยธาอาสาหกเหล่า ทั้งเกณฑ์หัดจัดเข้าเป็นกองขัน
สามารถอาจออกทะลวงฟัน รายกันตั้งกองริมกำแพง
ล้อมวังตั้งล้อมพระนิเวศน์ วางม้าคอยเหตุไว้สี่แห่ง
กองตระเวนสารวัดจัดแจง ตกแต่งตรวจตราทั้งธานี
๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงสุหรานากงเรืองศรี
กับเสนากาหลังบุรี ยกพลมนตรีรับมา
แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน ก็ละถึงเขตต์ขัณฑ์ดาหา
ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา ก็เร่งยกโยธาเข้ากรุงไกร
๏ ครั้งถึงกึ่งกลางพระนคร จึงหยุดพลนิกรน้อยใหญ่
แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล เข้าไปที่เฝ้าพระผ่านฟ้า
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา
เห็นสุหรานางนัดดา กับเสนากาหลังบุรี
จึงมีบัญชาปราไส เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี
ให้ยกมาช่วยต่อตี ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก
แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น เกิดเข็ญเพราะลูกอัประลักษณ์
จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก จึงหักให้สาสมใจ
อันองค์พระบรมเชษฐา เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่
เจ้ามาในทางพนาลัย ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา
๏ เมื่อนั้น สุหรานากงวงศา
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา ข้ามาแจ้งข่าวที่กลางคัน
พระปิ่นภพกุเรปันธานี ให้กะหรัดติปาตีเป็นทัพขัน
ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา
ฟังสุหรานากงนัดดา จึงมีบัญชาว่าไป
อันกะหรัดติปาตีจะมาช่วย เห็นจะจริงอยู่ด้วยไม่สงสัย
แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา
พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง เขายังไม่จากหมันยา
จนสลัดตัดการวิวาห์ ศึกติดพาราก็เพราะใคร
เห็นจะรักเมียงจริงยิ่งกว่าญาติ ไหนจะคลาดจากเมืองหมันยาได้
ถึงมาตรจะมาก็จำใจ ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา
เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก ก้มพักตร์รบศึกไปดีกว่า
แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมา จงไปพักโยธาให้สำราญ
๏ เมื่อนั้น สุหรานากงใจหาญ
ก้มเกล้าสนองพจมาน อันการสงครามครั้งนี้
จะขอเอาเมืองขึ้นบรรดามา กับโยธาสิงหัดส่าหรี
ยกออกโรมรันประจัญตี ดูทีฝีมือปัจจามิตร
ถ้าเห็นศึกย่นย่อท้อกำลัง จะโหมหักมิให้ตั้งตัวติด
ขออาสากว่าจะสิ้นสุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์
๏ บัดนั้น ฝ่ายดะหมังกุเรปันกรุงศรี
ครั้นถึงหมันยาธานี ก็ตรงไปยังที่ประเสบัน
ขึ้นบนชาลพักตำหนักนอก พอเห็นเสด็จออกกิดาหยัน
จึงเข้าไปใกล้องค์พระทรงธรรม์ อภิวันท์แล้วถวายสารา
๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
คลี่สารสมเด็จพระบิดา พลางทอดทัศนาทันใด
ขอบคุณนะคะ
ช่วยแปลบทของอิเหนาหน่อยคะ
เล่าความแต่ต้นจนปลายไป โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน
๏ บัดนั้น ปาเตะตกใจไหวหวั่น
ให้จดเอาถ้อยคำสำคัญ แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา
๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา
ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา รี้พลโยธามากมาย
ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทไม่ขาดสาย
บัดนี้มาตั้งยังเนินทราย ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน
๏ เมื่อนั้น องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
ได้ฟังปาเตะทูลพลัน พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน
อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้
จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา
แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล ร้อนรนไปทั่วทุกเส้นหญ้า
เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา ศึกมาถึงราชธานี
คิดพลางทางสั่งเสนาใน เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่
รักษามั่นไว้ในบุรี จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา
อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้ ที่ให้ไปแจ้งเหตุพระเชษฐา
กับสองศรีราชอนุชา ยังจะมาช่วยหรือประการใด
แม้นจะเคืองขัดตัดรอน ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่
แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป จะยากเย็นเป็นกระไรก็ตามที
๏ บัดนั้น ปาเตะประณตบทศรี
ออกมาเกณฑ์ไพร่พลมนตรี ตามมีพระบัญชาการ
๏ เร่งรัดจัดพลอาสา ขึ้นประจำเสมาทุกหน้าด้าน
ประตูเมืองสี่ทิศให้ปิดบาน ลงเขื่อนมั่นลั่นดาลทันใด
เหล่าพวกกองฝรั่งพรั่งพร้อม ขึ้นอยู่ป้อมประจะปืนใหญ่
กะเกณฑ์กองกลางวางไว้ เสียงปืนหนักไหนให้ไปทัน
อันโยธาอาสาหกเหล่า ทั้งเกณฑ์หัดจัดเข้าเป็นกองขัน
สามารถอาจออกทะลวงฟัน รายกันตั้งกองริมกำแพง
ล้อมวังตั้งล้อมพระนิเวศน์ วางม้าคอยเหตุไว้สี่แห่ง
กองตระเวนสารวัดจัดแจง ตกแต่งตรวจตราทั้งธานี
๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงสุหรานากงเรืองศรี
กับเสนากาหลังบุรี ยกพลมนตรีรับมา
แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน ก็ละถึงเขตต์ขัณฑ์ดาหา
ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา ก็เร่งยกโยธาเข้ากรุงไกร
๏ ครั้งถึงกึ่งกลางพระนคร จึงหยุดพลนิกรน้อยใหญ่
แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล เข้าไปที่เฝ้าพระผ่านฟ้า
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา
เห็นสุหรานางนัดดา กับเสนากาหลังบุรี
จึงมีบัญชาปราไส เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี
ให้ยกมาช่วยต่อตี ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก
แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น เกิดเข็ญเพราะลูกอัประลักษณ์
จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก จึงหักให้สาสมใจ
อันองค์พระบรมเชษฐา เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่
เจ้ามาในทางพนาลัย ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา
๏ เมื่อนั้น สุหรานากงวงศา
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา ข้ามาแจ้งข่าวที่กลางคัน
พระปิ่นภพกุเรปันธานี ให้กะหรัดติปาตีเป็นทัพขัน
ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา
ฟังสุหรานากงนัดดา จึงมีบัญชาว่าไป
อันกะหรัดติปาตีจะมาช่วย เห็นจะจริงอยู่ด้วยไม่สงสัย
แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา
พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง เขายังไม่จากหมันยา
จนสลัดตัดการวิวาห์ ศึกติดพาราก็เพราะใคร
เห็นจะรักเมียงจริงยิ่งกว่าญาติ ไหนจะคลาดจากเมืองหมันยาได้
ถึงมาตรจะมาก็จำใจ ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา
เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก ก้มพักตร์รบศึกไปดีกว่า
แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมา จงไปพักโยธาให้สำราญ
๏ เมื่อนั้น สุหรานากงใจหาญ
ก้มเกล้าสนองพจมาน อันการสงครามครั้งนี้
จะขอเอาเมืองขึ้นบรรดามา กับโยธาสิงหัดส่าหรี
ยกออกโรมรันประจัญตี ดูทีฝีมือปัจจามิตร
ถ้าเห็นศึกย่นย่อท้อกำลัง จะโหมหักมิให้ตั้งตัวติด
ขออาสากว่าจะสิ้นสุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์
๏ บัดนั้น ฝ่ายดะหมังกุเรปันกรุงศรี
ครั้นถึงหมันยาธานี ก็ตรงไปยังที่ประเสบัน
ขึ้นบนชาลพักตำหนักนอก พอเห็นเสด็จออกกิดาหยัน
จึงเข้าไปใกล้องค์พระทรงธรรม์ อภิวันท์แล้วถวายสารา
๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
คลี่สารสมเด็จพระบิดา พลางทอดทัศนาทันใด
ขอบคุณนะคะ