มาค่ะมา มาอ่านกันหน่อย

สวัสดีค่ะทุกๆคน ปกติดิฉัน(ต่อไปขอแทนตัวเองว่า แม่น้องไทนะคะ)ฝังตัวอยู่ในโหมดแอบอ่าน สิ้นปีที่ผ่านมานี้ สัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าฮึดเร่งงานเอกสารที่คั่งค้างสิ้นปีให้เสร็จได้เร็ว จะมาตั้งกระทู้พูดคุยเล่าอะไรๆในห้องนี้ซักหน่อย ตอนนี้เลยได้มาตามสัญญา


แม่น้องไทสนใจในพุทธศาสนา แต่ไม่ชอบการไปวัดเพื่อทำกิจกรรมพิธีรีตองอะไรๆกับคนเยอะๆ รู้สึกว่ามันวุ่นวาย แต่ชอบฟังคำสอนในเรื่องวิปัสนา ส่วนใหญ่ฟังเทศน์หลวงพ่อหลายๆรูปผ่านยูทูป แต่อยู่แค่โหมดฟังนะคะ ไม่ได้ลุกมานั่งปฏิบัติอะไรที่เป็นรูปแบบในแต่ละวัน ฟังเก็บเกี่ยวมาเรื่อยๆแบบคนอ่านหนังสือรู้เรื่องแต่ไม่เข้าใจ ในใจลึกๆรู้สึกว่า ‘เฮ้ย วิชานี้ยากว่ะ’ รู้สึกว่าเหมือนตัวเองแตะอะไรบางอย่างได้แค่ผิวๆแล้วเจอกำแพง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม


จนวันหนึ่ง................เมื่อราวๆปีกว่าๆมาแล้ว วันที่ครอบครัวเราต้องเจอกับความวุ่นวายเมื่อแม่น้องไทรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในคืนนั้นเป็นเรื่องที่แม่น้องไทรู้สึกว่าน่าจะเหมาะสมที่จะเอามาเล่าสู่กันฟัง ถือเป็นการตอบแทนความรู้ที่เคยได้รับจากกระทู้ของเพื่อนๆในห้องนี้


หมอประจำบ้านที่รู้จักกันมานานนัดเราฟังข่าวเป็นคิวสุดท้ายของวัน เค้าคงรู้ว่าต้องคุยกันนาน จบจากหมอกว่าจะไปรับลูกๆที่ฝากไว้ที่บ้านเพื่อนกลับบ้านก้อดึก กลับถึงบ้านเราวุ่นวายกับการเอาเด็กๆเข้านอน แม่น้องไทเรียกลูกคนเล็กเข้ามานอนด้วย มีความรู้สึกโหยๆ อยากขอกกลูก ไม่รู้ต่อไปจะได้กอดกันอีกนานเท่าไหร่ แล้วด้วยความที่เราเหนื่อยมาทั้งวัน แม่น้องไทเลยม่อยหลับไป หลับไปได้นิดเดียวก้อต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ไข้จับสั่นถามหา! ไม่รู้ไอ้ไข้เวรนี่มันมาจากไหน มันเริ่มสั่นสะท้านพั่บๆออกมาจากข้างในกระดูกของตัวเอง สั่นจนกรามกระทบกันกึกๆ สะท้านเป็นพักๆแบบเราคุมตัวเองไม่ได้เลย ไอ้เราเหนื่อยก้อเหนื่อย เพลียสมองจะบ้า อยากหลับเต็มที พอหายสะท้านหน่อย จะได้เคลิ้มๆมั่ง ก้อสะท้านหนักอีกเป็นรอบๆ ช่วงที่ตื่นมาหลายต่อหลายรอบ จิตใจมันคิดวนเวียนกับความกังวล ห่วงในภาระทุกอย่าง


ไหนๆก้อไหนๆ มัวแต่สั่นจนไม่ได้หลับนอนจนจะหัวรุ่งแล้ว แม่น้องไทหงุดหงิดมาก ‘มันเป็นอะไรของมันว๊า’ แล้วก้อตามด้วยความสงสัยขึ้นมาในใจว่า ‘เอ๊ สั่นๆแบบนี้ ตกลงว่าจิตกับความกลัวมันตัวเดียวกันหรือมันแยกกันวะเนี่ย?? ถ้ามันแยกกัน ตัวไหนมันทะลึ่งวิ่งไปจับตัวไหนกันแน่หว่า’ ไหนๆเราจะนอนก้อนอนไม่ได้ เดี๋ยวถ้ามันมีสั่นรอบใหม่ จะขอดูหน่อยดิ๊ แล้วก้อนอนเงียบๆ ช่วงมันสงบก้อพยายามจะหลับต่อ พอเคลิ้มๆไป ระลอกใหม่พุ่งมาแระ ณ ตอนนั้นใจเราคงจะยอมรับไปแล้วว่าเป็นเรื่องที่เราบังคับไม่ได้ พอระลอกนี้มาแม่น้องไทเลยแค่นอนดูเงียบๆ ดูแบบสบายๆ มีอะไรให้ดูก้อดู ไม่มีก้อไม่ดู ทำนองนั้น


พักเดียวแค่นั้นเอง แม่น้องไทเห็นความกลัวอยู่ที่นึง จิตอยู่อีกที่นึง ขณะที่เห็นว่าสองตัวนี้แยกส่วนกันอยู่ แว่บเดียวแม่น้องไททันได้เห็นตัวที่สาม “ความรู้สึกไม่ชอบใจ” คร่อมอยู่ข้างบนระหว่างความกลัวกับจิต แม้เป็นการเห็นเพียงแว่บเดียวแต่ชัดเจน เรารู้สึกว่าเกิดการเรียนรู้บางอย่างขึ้นมามากมายภายใน แล้วจิตมันบอกว่า ตัวนี่แหละตัวสำคัญ หลังจากนั้นอะเมซิ่งหลาย ความสะท้านที่เพียรมาเยี่ยมเยียนเป็นระลอกๆทั้งคืนหายขาดเลย ไม่รู้มันหายหัวไปไหน ทุกอย่างสงบราบเรียบไร้คลื่นลม แม่น้องไทหลับสนิทจนเช้า


จากคืนนั้นมา แม่น้องไทรู้สึกคล้ายว่า ชีวิตที่เคยงมๆหาทางเดินมาตลอดนั้น เหมือนมีประตูเปิดออกบานนึงให้ตัวเองได้เห็นต้นทางเดิน ความรู้ที่เกิดขึ้นกับตัว ณ คืนนั้น เป็นเสมือนฆ้อนที่ช่วยทุบกำแพงบางอย่างให้ออกไป จากเดิมที่เคยสงสัยกับตัวเองมาตลอด ‘วิชานี้มันเรียนยังไงวะ ทำไม๊ทำไมฟังยังไงๆเราก้อได้แค่รู้เรื่องแต่ไม่เข้าใจ’  ตอนนี้เหมือนตัวเองได้มายืนอยู่ในอีกระดับนึงที่แตกต่างไปกว่าเก่า กลายเป็นว่าข่าวร้ายที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งสิ่งที่มีค่ามาก สิ่งซึ่งทำให้เราเกิดความมั่นคงบางอย่างขึ้นในใจ แม่น้องไทเริ่มเข้าใจแล้วว่าการแยกขันธ์มันเป็นยังไง เราเริ่มจับทางของตัวเองออกว่า โดยพื้นเพนิสัยของตัวเรานี่ เราต้องมองขันธ์ตัวไหนถึงจะถูกจริตกับเรา


ปัญหานึงของแม่น้องไทคือ เราอ่อนแอในเรื่องภาษาบาลี เจอศัพท์ทางพระแต่ละที รู้สึกว่าฟังไม่ค่อยเข้าใจ คืนนึงแม่น้องไทนอนไม่หลับ เลยเข้ามาอ่านกระทู้ในห้องนี้แหละค่ะ มีคนมาตั้งกระทู้ถามเรื่องคำแปลภาษาบาลีทำนองว่าเค้างงๆกับความหมายของแต่ละคำในขันธ์ 5 เช่น เวทนา สัญญา สังขาร วุ๊ย ปัญหาเดียวกันเลยฮ่ะ แล้วก้อมีเทวดามาช่วยตอบให้ทำนองว่า “จะแปลความหมายของคำบาลีพวกนี้  คุณต้องลืมภาษาไทยไปเลย” คำตอบสั้นๆแต่มีความหมาย ปริศนาไขกระจ่างทันที เปรียบเสมือนมีคนมาช่วยเปิดหน้าต่างบานเล็กๆบานนึงให้แสงสว่างส่องมาที่ทางเดิน เมื่อบวกกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มุมมอง “สังขาร” เปิดกว้างออกไป เราเข้าใจแล้วว่าคำว่าสังขาราในที่นี้ มันกินความกว้างลึกแค่ไหน เคยหลงแปลไทยเป็นไทยมาตลอดว่า สังขารแปลว่า ร่างกาย ตอนนี้แม่น้องไทเข้าใจคำเทศน์ได้ลึกขึ้นกว่าเดิม


สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ สังขารา ทุกขา
สัพเพ ธัมมา อนัตตา

ขอบคุณหลายๆคนที่หมั่นมาตั้ง มาตอบกระทู้ ทำให้คนในโหมดแอบอ่านอย่างแม่น้องไทพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่