มีเหตุให้ต้องไปยื่นเรื่องขอวีซ่าไปเยอรมันนี เป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะนายจะให้ไปออกงาน ITB ที่เบอร์ลิน เยอรมันนี
ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีโรงแรม รีสอร์ทต่าง ๆ จากประเทศไทย และ อื่น ๆ ไปออกงานกัน นายเป็นชาวเยอรมันที่มาเปิดรีสอร์ทอยู่ที่เมืองไทยหลายสิบปีแล้ว ส่วนฉันน่ะเพิ่งมาทำงานกับนายได้ประมาณ 2 ปี ผลจากการทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ในทุกแผนกของรีสอร์ท นายคงเห็นใจว่าถ้าทำงานหนักมาก ๆ ต่อไปในไม่ช้า อาจเส้นเลือดในสมองแตกตายซะก่อน ยิงปืนนัดเดียวได้นกฝูงนึงเลย ส่งไปทำงานด้วยไปเที่ยวด้วย....เจ้านายออกจะคุ้มค่า ส่วนเราก็คลุ้มคลั่ง....
หลังจากเตรียมเอกสารต่าง ๆ ตามที่เข้าไปดูในเว๊ปไซค์ของสถานฑูตเรียบร้อยแล้ว โทรไปนัด ได้วันนัดเป็นวันที่ 17 มกรา 57 เวลา 07.00 น พระเจ้าช่วยกล้วยทอด นัดอะไรกันเช้าขนาดนั้นนิ สถานฑูตก็อยู่สาธร ที่พักก็จองโรงแรมได้แถว ๆ สีลม แต่เกรงว่าจะไปร่วมม๊อบแล้วโดนลูกหลง เลยเปลี่ยนใจไปนอนแถวซอยสวนพลู 16 มกรา 57 ยามบ่าย เดินทางออกจากเกาะกลางทะเล ข้ามน้ำข้ามทะเล มาถึง กรุงเทพเมืองฟ้าอมรตอนเกือบสองทุ่ม หิวข้าวหูตาลาย แถมลากรองเท้าแตะใส่ติดขามาคู่เดียวอีกต่างหาก รีบจัดลืมยัดรองเท้าซ่นสูงใส่กระเป๋ามาด้วย คิดจะไปช๊อปปิ้ง ห้างต่าง ๆ แถวสีลมเอย สยามเอย เจอม๊อบอยู่หน้าห้าง ก็คงปิดกันหมด (หรือปล่าวไม่รู้) เลยลองเสี่ยงกระโดดซ้อนท้ายมอเตอรไซค์ บอกให้พี่คนขับไปส่งแถวสีลม พี่คนขับบอกว่าไปได้แค่ปากซอยคอนแวนต์นะ เพราะม๊อบปิดถนน พอมาโผล่ปากซอยคอนแวนต์ด้านถนนสีลม ดีใจสุดฤทธิ์ กลางถนนมีคนมาขายของเต็มถนนเลยอ้ะ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า อุปกรณ์ร่วมม๊อบ ของกิน ต่าง ๆ นา ๆ
เดินอยู่เกือบเที่ยงคืน ได้ของมาเพียบเลย ก่อนกลับโรงแรม ฟาดข้าวขาหมู กะ ข้าวเหนียวมะม่วงอีกกล่อง ...
17 มกรา ตื่นมา ตี 5.45 นาที อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ลงมาที่ล๊อบบี้ เพราะนัดกับน้องในที่ทำงานที่มาด้วยกันไว้ตอน 6.30 น. กทม วันนี้อากาศเย็น ๆ เลยชวนกันเดินเรื่อย ๆ ออกจากซอยสวนพลู มาสถานทูต เจอคนเข้าแถวต่อคิวอยู่เพียบเลยอ้ะ...
พี่ยามหน้าดุ ๆ สั่งให้ปิดมือถือ ผ่านพี่ยามไปได้ เจอด่านสกัดจุดตรวจกระเป๋าถือทุกซอกทุกมุม แล้วยึดมือถือใส่ตู้แลกเบอร์มาให้ถือไว้แทน หลังจากนั้นก็เอาเลขนัดหมายไปโชว์ให้คุณพี่ด่านต่อไปดู เพื่อออกบัตรคิว ด่านต่อไปเป็นคุณพี่ขาโหดจัดคิวอยู่ตรงบันไดหน้าห้องกระจก ที่จะขึ้นไปสัมภาษณ์ ให้เอาบัตรคิวไปหย่อนหน้าเคาร์เตอร์ตามที่พี่เขาบอก หย่อนไว้ที่เบอร์ 7 แต่ถูกเรียกให้ไปสัมภาษณ์ที่ช่องเบอร์ 13 เป็นห้องกระจกสองชั้น กันเราจากคนข้างนอก และ กั้นเราจากเจ้าหน้าที่ ไม่รู้ว่าชีไปโกรธใครมา หรือไม่พอใจอะไรเราเป็นการส่วนตัวแต่ชาติไหน น้ำเสียง หน้าตา ท่าทาง กริยาที่ชีแสดงออก ขอบอกว่ากักขระ และ ถ่อยมาก เรามายื่นขอวีซ่าไปออกงานท่องเที่ยวนะ แต่งตัวก็เรียบร้อย เอกสารครบทุกอย่างจากบริษัทตามที่ต้องการ ทั้งหนังสือรับรองตำแหน่งหน้าที่ของเรา, เอกสารการจองบู๊ตที่เบอร์ลิน จาก ททท. , บัตรผ่านเข้างานที่เบอร์ลิน, ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วด้วย , เอกสารเกี่ยวกับประกันการเดินทาง , เอกสารรับรองเรื่องที่พัก และ สปอนเซอร์ผู้ออกค่าใช้จ่าย ฯล ชีก็ตวาดแว๊ด ขอย้ำว่าส่งเสียงดัง ๆ หน้าหงิก หน้างอ คิ้วขมวด ตำหนิเรื่องหนังสือรับรองที่ฝ่ายบุคคลออกมาเป็นภาษาไทย ว่าทำไมเจ้านายเป็นเยอรมัน ถึงไม่ออกมาเป็นภาษาเยอรมัน หรือ อังกฤษ ก็แหม...ดิฉันก็ไม่เคยมายื่นนะคะ แต่ก็ บอกไปว่าไม่ทราบน่ะค่ะ ว่าต้องการภาษาเยอรมัน หรือ อังกฤษ เห็นรุ่นก่อนเขามายื่นกันก็ใช้ภาษาไทยนี่นะ ชีก็บ่นโน่น บ่นนี้ ไม่หยุดว่าเอกสารไม่เรียบร้อยเลย คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ บลา.. ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........แล้วให้เราออกไปเรียกน้องอีกคนที่มาด้วยอีกคน ซึ่งเข้าไปส้มภาษณ์ก่อนหน้าเราให้เข้ามาฟังชีย้ำอีกรอบ เรื่องหนังสือรับรองตำแหน่ง และ เงินเดือนว่า คราวหน้าอย่าเอาภาษาไทยมาอีกนะ น้องถามไปว่า จะให้เอาใบใหม่มาเปลี่ยนหรือไม่ ชีก็แว๊ดว่า "ไม่ต้อง" แล้วก็ไล่ให้ไปจ่ายค่าไปรษณีย์ และเอาซองที่จ่าหน้าเรียบร้อยแล้วกลับมาให้นาง......ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าวีซ่าจะผ่านหรือปล่าว แตถ้าไม่ผ่าน และนายให้ไปยื่นใหม่ เราจะบอกนายว่าเราไม่อยากไปแล้วละ...รังเกียจกริยา และ การแสดงออกของเจ้าหน้าที่ พูดจาบอกกันดี ๆ ก็ได้ เรื่องแค่นี้ ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์มากมายอะไรเลย...เซ็งเป็ด...
ประสพการณ์ยื่นขอวีซ่าไปเยอรมันนี
ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีโรงแรม รีสอร์ทต่าง ๆ จากประเทศไทย และ อื่น ๆ ไปออกงานกัน นายเป็นชาวเยอรมันที่มาเปิดรีสอร์ทอยู่ที่เมืองไทยหลายสิบปีแล้ว ส่วนฉันน่ะเพิ่งมาทำงานกับนายได้ประมาณ 2 ปี ผลจากการทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ในทุกแผนกของรีสอร์ท นายคงเห็นใจว่าถ้าทำงานหนักมาก ๆ ต่อไปในไม่ช้า อาจเส้นเลือดในสมองแตกตายซะก่อน ยิงปืนนัดเดียวได้นกฝูงนึงเลย ส่งไปทำงานด้วยไปเที่ยวด้วย....เจ้านายออกจะคุ้มค่า ส่วนเราก็คลุ้มคลั่ง....
หลังจากเตรียมเอกสารต่าง ๆ ตามที่เข้าไปดูในเว๊ปไซค์ของสถานฑูตเรียบร้อยแล้ว โทรไปนัด ได้วันนัดเป็นวันที่ 17 มกรา 57 เวลา 07.00 น พระเจ้าช่วยกล้วยทอด นัดอะไรกันเช้าขนาดนั้นนิ สถานฑูตก็อยู่สาธร ที่พักก็จองโรงแรมได้แถว ๆ สีลม แต่เกรงว่าจะไปร่วมม๊อบแล้วโดนลูกหลง เลยเปลี่ยนใจไปนอนแถวซอยสวนพลู 16 มกรา 57 ยามบ่าย เดินทางออกจากเกาะกลางทะเล ข้ามน้ำข้ามทะเล มาถึง กรุงเทพเมืองฟ้าอมรตอนเกือบสองทุ่ม หิวข้าวหูตาลาย แถมลากรองเท้าแตะใส่ติดขามาคู่เดียวอีกต่างหาก รีบจัดลืมยัดรองเท้าซ่นสูงใส่กระเป๋ามาด้วย คิดจะไปช๊อปปิ้ง ห้างต่าง ๆ แถวสีลมเอย สยามเอย เจอม๊อบอยู่หน้าห้าง ก็คงปิดกันหมด (หรือปล่าวไม่รู้) เลยลองเสี่ยงกระโดดซ้อนท้ายมอเตอรไซค์ บอกให้พี่คนขับไปส่งแถวสีลม พี่คนขับบอกว่าไปได้แค่ปากซอยคอนแวนต์นะ เพราะม๊อบปิดถนน พอมาโผล่ปากซอยคอนแวนต์ด้านถนนสีลม ดีใจสุดฤทธิ์ กลางถนนมีคนมาขายของเต็มถนนเลยอ้ะ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า อุปกรณ์ร่วมม๊อบ ของกิน ต่าง ๆ นา ๆ เดินอยู่เกือบเที่ยงคืน ได้ของมาเพียบเลย ก่อนกลับโรงแรม ฟาดข้าวขาหมู กะ ข้าวเหนียวมะม่วงอีกกล่อง ...
17 มกรา ตื่นมา ตี 5.45 นาที อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ลงมาที่ล๊อบบี้ เพราะนัดกับน้องในที่ทำงานที่มาด้วยกันไว้ตอน 6.30 น. กทม วันนี้อากาศเย็น ๆ เลยชวนกันเดินเรื่อย ๆ ออกจากซอยสวนพลู มาสถานทูต เจอคนเข้าแถวต่อคิวอยู่เพียบเลยอ้ะ... พี่ยามหน้าดุ ๆ สั่งให้ปิดมือถือ ผ่านพี่ยามไปได้ เจอด่านสกัดจุดตรวจกระเป๋าถือทุกซอกทุกมุม แล้วยึดมือถือใส่ตู้แลกเบอร์มาให้ถือไว้แทน หลังจากนั้นก็เอาเลขนัดหมายไปโชว์ให้คุณพี่ด่านต่อไปดู เพื่อออกบัตรคิว ด่านต่อไปเป็นคุณพี่ขาโหดจัดคิวอยู่ตรงบันไดหน้าห้องกระจก ที่จะขึ้นไปสัมภาษณ์ ให้เอาบัตรคิวไปหย่อนหน้าเคาร์เตอร์ตามที่พี่เขาบอก หย่อนไว้ที่เบอร์ 7 แต่ถูกเรียกให้ไปสัมภาษณ์ที่ช่องเบอร์ 13 เป็นห้องกระจกสองชั้น กันเราจากคนข้างนอก และ กั้นเราจากเจ้าหน้าที่ ไม่รู้ว่าชีไปโกรธใครมา หรือไม่พอใจอะไรเราเป็นการส่วนตัวแต่ชาติไหน น้ำเสียง หน้าตา ท่าทาง กริยาที่ชีแสดงออก ขอบอกว่ากักขระ และ ถ่อยมาก เรามายื่นขอวีซ่าไปออกงานท่องเที่ยวนะ แต่งตัวก็เรียบร้อย เอกสารครบทุกอย่างจากบริษัทตามที่ต้องการ ทั้งหนังสือรับรองตำแหน่งหน้าที่ของเรา, เอกสารการจองบู๊ตที่เบอร์ลิน จาก ททท. , บัตรผ่านเข้างานที่เบอร์ลิน, ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วด้วย , เอกสารเกี่ยวกับประกันการเดินทาง , เอกสารรับรองเรื่องที่พัก และ สปอนเซอร์ผู้ออกค่าใช้จ่าย ฯล ชีก็ตวาดแว๊ด ขอย้ำว่าส่งเสียงดัง ๆ หน้าหงิก หน้างอ คิ้วขมวด ตำหนิเรื่องหนังสือรับรองที่ฝ่ายบุคคลออกมาเป็นภาษาไทย ว่าทำไมเจ้านายเป็นเยอรมัน ถึงไม่ออกมาเป็นภาษาเยอรมัน หรือ อังกฤษ ก็แหม...ดิฉันก็ไม่เคยมายื่นนะคะ แต่ก็ บอกไปว่าไม่ทราบน่ะค่ะ ว่าต้องการภาษาเยอรมัน หรือ อังกฤษ เห็นรุ่นก่อนเขามายื่นกันก็ใช้ภาษาไทยนี่นะ ชีก็บ่นโน่น บ่นนี้ ไม่หยุดว่าเอกสารไม่เรียบร้อยเลย คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ บลา.. ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........แล้วให้เราออกไปเรียกน้องอีกคนที่มาด้วยอีกคน ซึ่งเข้าไปส้มภาษณ์ก่อนหน้าเราให้เข้ามาฟังชีย้ำอีกรอบ เรื่องหนังสือรับรองตำแหน่ง และ เงินเดือนว่า คราวหน้าอย่าเอาภาษาไทยมาอีกนะ น้องถามไปว่า จะให้เอาใบใหม่มาเปลี่ยนหรือไม่ ชีก็แว๊ดว่า "ไม่ต้อง" แล้วก็ไล่ให้ไปจ่ายค่าไปรษณีย์ และเอาซองที่จ่าหน้าเรียบร้อยแล้วกลับมาให้นาง......ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าวีซ่าจะผ่านหรือปล่าว แตถ้าไม่ผ่าน และนายให้ไปยื่นใหม่ เราจะบอกนายว่าเราไม่อยากไปแล้วละ...รังเกียจกริยา และ การแสดงออกของเจ้าหน้าที่ พูดจาบอกกันดี ๆ ก็ได้ เรื่องแค่นี้ ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์มากมายอะไรเลย...เซ็งเป็ด...