ราตรีสีอำพัน (100)
กำหนดการเดินทางวันที่ 23 ธันวาคม
ทุกคนพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ แป้งเริ่มบ่นกับพี่รอง
“เที่ยวบินก็มีเที่ยวเดียว แถมดึกด้วยนะพี่รอง” พฤษามองหน้ากลมใสน่ารัก แล้วเอามือขยี้หัวเบาๆ
“ป๋าดูพี่รองซิค่ะ แป้งอุตส่าห์ทำทรงสวยมา”
“เอ้อ!น่า ดูพวกผู้อาวุโสทั้งหลาย ยังหน้าระรื่นอยู่เลย เราเป็นเด็กทำมาเป็นบ่น” พี่รองพูดเอามือลง
แล้วโอบแป้งไว้หลวมๆ
ป๋าหันมาทางสองคน “ง่วงก็นอนเอาแถวนี้แหละ เดี๋ยวให้พี่แดงปูเสื่อให้ จะไปแล้วป๋าจะปลุก”
ทั้งหมดหัวเราะกับคำป๋า แต่แป้งเริ่มหน้างอ “ดูทำหน้าซิแป้งก่อนมาเห็นเร่งวันเร่งคืน อยากเจอเติ้ลอยู่ไม่ใช่เหรอ“ มะเบรค
ทุกคนดูสดชื่น แม้จะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
พี่มณทิชากับพี่ใหญ่ฝากของชอบของเติ้ลมาเยอะเลย “ฝากความคิดถึงด้วยนะ”
ตอนเช็คกระเป๋าน้ำหนักเกิน ดีแต่ว่า น้องที่เคาน์เตอร์แจ้งว่าทั้งคณะเป็นแขกของท่านชายอะซันเลยหมดปัญหา แต่ละคนโดยเฉพาะท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย โดนมะตรวจว่าเสื้อผ้าดูเหมาะสมไหม โดยเฉพาะแป้งที่ชอบวิ่งตามแฟชั่นกับพี่แดง แต่ป้าอำไพไม่ห่วง เพราะมะรู้ว่าแกเคยอยู่วังมาก่อน แล้วอายุมาก ก็ได้แต่นุ่งผ้าถุงสำเร็จที่ตัดเย็บคล้ายกระโปรง
พี่แดงวันนี้แต่งเสื้อผ้าสีสดใสจนป๋าแซวว่า "พี่แดงของไอ้หมอเติ้ล คงไม่หลงแน่ เสื้องี้สีแดงกางเกงเขียว ดีว่าตัวไม่ดำนะ
ป๋าเห็นออกมาชุดนี้ นึกว่ามาจากหลังเขา” พี่แดงยิ้ม ไม่โกรธป๋าที่เล่นแรงๆ เพราะมัวตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ส่วนป้าอำไพไม่ตื่นเต้นเท่าไรเพราะเคยตามท่านลุงไปหาหลานๆ ญาติห่างๆกัน
ที่สิงคโปร์และฮ่องกงมาก่อน
ทางจอร์แดน ท่านแม่มาตรวจดูความเรียบร้อยของห้องพักแขก เจอหมอเติ้ล
ท่านแม่ถาม “อาหารเช้าท่านหมอว่าข้าควรเตรียมอะไร เพราะข้าไม่รู้ว่าครอบครัวหมอจะกินอะไรได้บ้าง”
“ท่านแม่อย่าห่วงเลยค่ะ เอาเป็นข้าวอบไก่กับซุปก็พอค่ะ ตอนบ่ายหมอกับท่านชายจะขออนุญาต
พาพวกเขาไปทานอาหารข้างนอก ส่วนมื้อเย็นหากท่านแม่ไม่ว่าอะไร หมอขอทำอาหารไทยให้ทุกคน
เพราะคราวนี้มา มีแม่ครัวจากบ้านท่านชายฉัตราทัศน์มาด้วยแกทำอาหารไทยเก่งมากค่ะ”
“ดีๆ พวกเราเคยไปทานอาหารไทยที่บ้านท่านทูตหลายครั้ง แต่เขาเดินทางมาไกลไม่เหนื่อยหรือไง ข้าเป็นห่วง”
“ไม่หรอกค่ะท่านแม่ มีพี่อีกคนที่เป็นแม่บ้านหมอ ก็ทำกับข้าวเก่ง”
ท่านชายอะซันอาดัมและมูซา พร้อมหมอเติ้ล เอารถตู้คันงามมารับที่สนามบินนานาชาติควีนอาลียา
“หมอดูสดใสแหมือนท้องฟ้ายามเช้าเลยวันนี้ นะมูซา”
“อิจฉาฉันหรือไงที่จะได้เจอครอบครัว” หมอเติ้ลโต้เอา
"ผมเป็นผู้ชายนะครับจะอิจฉาได้อย่างไรครับ”
มูซาขับรถคู่กับอาดัมมองกันแล้วยิ้ม
อาดัมแปลกใจที่ท่านชายซึ่งปกติแม้ออกเดทกับสาวๆอื่นส่วนใหญ่จะเงียบ มีแต่พวกนางช่างเจรจาอยู่ข้างเดียว
มูซามีแววตาที่เป็นสุข “ดีแล้วที่ท่านชายกลับมาเป็นดังเดิม หลังผ่านวิกฤติในชีวิตท่านแบบไม่ให้ตั้งตัว
ทุกคนในวังพลอยเศร้าไปกับครอบครัวท่านชาย จนหมอเข้ามาเหมือนตะวันนฉายแสง ส่องสว่างนำความสดใสกลับคืนมาสู่ครอบครัวท่านชายอีกครั้ง ท่านหมอชอบโต้กับท่านชายอะซัน แต่นางมีขอบเขตที่ไม่ล้ำเส้นอย่างน่าเกียจ” มูซานึก
รถมาถึงสนามบินนานาชาติ แม้ไม่ใหญ่และทันสมัยเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ก็มองดูสมฐานะ
หมอเติ้ลใส่ชุดลูกไม้ซับด้วยผ้าป่านเนื้อนุ่มแขนยาวตรงลงมาที่ข้อมือสีน้ำเงิน กระโปรงจีบที่เอวปลายบานลงมาพอเหมาะยาวเลยน่องลงมาหน่อย สวมมุกชุดงามเป็นชุดเดียวกับที่แต่งตอนเข้าถึบ้านท่านชายวันแรก
ผมปล่อยยาวสลวย
ท่านชายอยู่ในชุดสูทสีนำเงินเข้มเสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อน
และเนคไทผ้าไหมที่หมอเติ้ลเอามาฝากจากของที่เอามาหลายอย่างในครั้งแรก เนคไทลายไทยสีฟ้าเทาดูภูมิฐาน
“เจ้าต้องแต่งกายให้เหมาะสมเพราะไปรับผู้ใหญ่” ท่านแม่กำชับไว้
ทั้งคู่เข้ามาดูเหมือนเป็นเป้าสายตาของเจ้าหน้าที่หลายคน ที่ทำความเคารพท่านชายตามธรรมเนียม
เครื่องลงจอด มูซาเข้าไปรับถึงด้านใน ที่สูทมีบัตรติดไว้เรียบร้อย
เขาเข้าไปแนะนำตัวเอง และพาทั้งกลุ่มมารอที่จุดตรวจคนเข้าเมือง
“ขอพลาสปอร์ตผมด้วยครับจะได้สะดวกกว่าไปต่อแถว” หลังประทับตราเรียบร้อย
ทุกคนก็ผ่านออกมาในช่องด่วนพิเศษ ลงมาที่ชั้นล่างที่รางรับกระเป๋า ซึ่งท่านชาย หมอเติ้ล และอาดัมรออยู่
หมอเติ้ลเห็นป๋ามะ และคณะ เธอโผเข้ากอดมะแน่นทั้งสองงแม่ลูกน้ำตาไหลริน
มะพูดได้คำเดี๋ยวว่า “”ลูกแม่”
พี่รองเข้ามาส่งผ้าเช็ดหน้ากับทิชชูให้ทั้งสองแม่ลูก “พอแล้วครับ มะอายเขา” พี่รองเอ่ยเบาๆ
ป๋าอยู่ถัดมากอดลูกสาวไว้แนบอกแน่น ดวงตาแดง ป๋าเอามือลูบผมยาวสวยของลูกสาวไปมา
“ป๋าเห็นเติ้ลสบายดีก็ดีแล้วลูก รู้ไหมทุกคนคิดถึงหนูมาก”
ดูเหมือนวันนี้ต้องยกให้หมอเติ้ลซักวัน เพราะทำนบพังลงด้วยคำพูดของป๋า ลุงหม่อมเข้ามากอดลูกสาวอีกคน
ท่านชายมองสาวน้อย แล้วสะท้อนใจ นึกถึงเมื่อตอนเขากลับจากอเมริกาใหม่ๆ
ท่านแมก็ร้องให้เช่นนี้ ส่วนท่านพ่อกอดเขาแน่นเหมือนกลัวจะสูญเสียไปดั่งเช่นลูกชายคนรอง”ท่านชายซูฟา” ดวงตาแดงกล่ำไม่แพ้กัน
เมื่อครั้งนั้นท่านชายได้แต่มีอาการคล้ายท่านพ่อ ความเจ็บปวดเก็บไว้ได้เพียงส่วนลึกของหัวใจกับความสูญเสียที่เกิดอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ลูกผู้ชายไม่หลั่งน้ำตา” มันเป็นเงื่อนไขเช่นนั้นหรือ
หมอเติ้ลทักทายทุกคนมาจบลงที่แป้งเพื่อนรัก
มือถือกระดาษทิชชูซับน้ำตาจนแห้งง “ว่าไงว่าที่พี่สะไภ้ของฉัน”
“เฮ้ย! ยังไม่สรุปเลยอย่างเพิ่งเดา” แป้งเหลือช่องให้ตัวเองบ้างเพราะความไม่แน่นอนคือความแน่นอน
แล้วหมอเติ้ลก็แนะนำท่านชาย มูซาและอาดัมกับทุกคน
ป๋ากับลุงหม่อมเข้ามาทักทายและเชคแฮนด์กับท่านชาย ท่านชายก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ
มะเข้ามา ทักทาย”อัสสลามอะลัยกุม”
พวกท่านชายตอบรับพร้อมเอามือแตะหน้าอกและก้มศีรษะ ”วะอะลัยกุมสสลาม”
ท่านชายมองป๋าของหมอเติ้ลที่เข้าวัยห้าสิบกว่า ผมดำแซมขาว แต่ไหล่กว้างแข็งแรง
ท่าทางกระฉับกระเฉง ดูอ่อนกว่าวัย หน้าตาผิวพรรณขาว คิ้วเข้ม หนวดหนาขลิบไว้อย่างงาม
ดูหล่อเหลาทีเดียว ส่วนมะยังสวยงามและอ่อนนหวานแม้วัยจะเข้ามาห้าสิบแล้ว
“ถึงว่าหมอช่างงามนัก พ่อและแม่เธอทั้งหล่อและสวย พี่ชายที่เขามาทักทายหน้าตาคมสันละหม้ายท่านหมอ”
เขาคิดขณะที่จับมือกับลุงหม่อม ซึ่งแม้ดูหน้าตาธรรมดา แต่สง่างามสมฐานะ ผมขาวเป็นสีกุเลา
ทั้งหมดเอาของขึ้นรถ และเคลื่อนขบวนกลับเข้าสู่วัง
ตลอดทางมีเสียงคุยเป็นภาษาที่ท่านชายเคยได้ยินบ่อยๆยามหมอเติ้ลแอบว่าเขาเป็นภาษาไทย เสียงสูงต่ำ ฟังดูแปลกดี
ลุงหม่อมหันมาคุยกับท่านชาย ดูเหมือนตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นเขาเป็นจุดสนใจอย่างมากกับลุงหม่อม
“หน้าตาหล่อมาก หนวดเคราขลิบอย่างประณีตเรียวเคราขลิบมาถึงกลางคาง แล้วไล่มาจรดริมฝีปากล่างอย่างเหมาะสม ท่าท่างองอาจผึ่งผาย” ลุงหม่อมนึกและมองอย่างพิจารณา ก่อนที่จะเอ่ยถาม
“ลูกสาวผมทำอะไรไม่ถูกใจท่านชายบ้างหรือเปล่าครับ” ท่านชายยิ้ม
“ท่านหมอเธอเป็นเช่นนั้นแหละครับ ไม่มีอะไรมากหากรู้ใจ”
คำนี้ดูมีน้ำหนักมากพอที่ลุงหม่อมจะคิดว่าหัวใจท่านชายฝากไว้ที่ไหนแล้ว
“ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพอย่างนี้ลูกพ่อจะรอดหรือ”
ลุงหม่อมเอ่ยชม“ท่านชายดูจะรู้นิสัยหมอดี ผมชอบที่ตอบตรงๆ” ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
***ฤาว่าทั้งสองเป็นคู่สู่สม
***ฤาว่าอินทร์พรหมนำเจ้ามา
***แม้ดินแดนจะไกลเอื้อมจนสุดฟ้า
***แผ่นน้ำท้องนภามิอาจกั้น
ราตรีสีอำพัน (100)
กำหนดการเดินทางวันที่ 23 ธันวาคม
ทุกคนพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ แป้งเริ่มบ่นกับพี่รอง
“เที่ยวบินก็มีเที่ยวเดียว แถมดึกด้วยนะพี่รอง” พฤษามองหน้ากลมใสน่ารัก แล้วเอามือขยี้หัวเบาๆ
“ป๋าดูพี่รองซิค่ะ แป้งอุตส่าห์ทำทรงสวยมา”
“เอ้อ!น่า ดูพวกผู้อาวุโสทั้งหลาย ยังหน้าระรื่นอยู่เลย เราเป็นเด็กทำมาเป็นบ่น” พี่รองพูดเอามือลง
แล้วโอบแป้งไว้หลวมๆ
ป๋าหันมาทางสองคน “ง่วงก็นอนเอาแถวนี้แหละ เดี๋ยวให้พี่แดงปูเสื่อให้ จะไปแล้วป๋าจะปลุก”
ทั้งหมดหัวเราะกับคำป๋า แต่แป้งเริ่มหน้างอ “ดูทำหน้าซิแป้งก่อนมาเห็นเร่งวันเร่งคืน อยากเจอเติ้ลอยู่ไม่ใช่เหรอ“ มะเบรค
ทุกคนดูสดชื่น แม้จะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
พี่มณทิชากับพี่ใหญ่ฝากของชอบของเติ้ลมาเยอะเลย “ฝากความคิดถึงด้วยนะ”
ตอนเช็คกระเป๋าน้ำหนักเกิน ดีแต่ว่า น้องที่เคาน์เตอร์แจ้งว่าทั้งคณะเป็นแขกของท่านชายอะซันเลยหมดปัญหา แต่ละคนโดยเฉพาะท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย โดนมะตรวจว่าเสื้อผ้าดูเหมาะสมไหม โดยเฉพาะแป้งที่ชอบวิ่งตามแฟชั่นกับพี่แดง แต่ป้าอำไพไม่ห่วง เพราะมะรู้ว่าแกเคยอยู่วังมาก่อน แล้วอายุมาก ก็ได้แต่นุ่งผ้าถุงสำเร็จที่ตัดเย็บคล้ายกระโปรง
พี่แดงวันนี้แต่งเสื้อผ้าสีสดใสจนป๋าแซวว่า "พี่แดงของไอ้หมอเติ้ล คงไม่หลงแน่ เสื้องี้สีแดงกางเกงเขียว ดีว่าตัวไม่ดำนะ
ป๋าเห็นออกมาชุดนี้ นึกว่ามาจากหลังเขา” พี่แดงยิ้ม ไม่โกรธป๋าที่เล่นแรงๆ เพราะมัวตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ส่วนป้าอำไพไม่ตื่นเต้นเท่าไรเพราะเคยตามท่านลุงไปหาหลานๆ ญาติห่างๆกัน
ที่สิงคโปร์และฮ่องกงมาก่อน
ทางจอร์แดน ท่านแม่มาตรวจดูความเรียบร้อยของห้องพักแขก เจอหมอเติ้ล
ท่านแม่ถาม “อาหารเช้าท่านหมอว่าข้าควรเตรียมอะไร เพราะข้าไม่รู้ว่าครอบครัวหมอจะกินอะไรได้บ้าง”
“ท่านแม่อย่าห่วงเลยค่ะ เอาเป็นข้าวอบไก่กับซุปก็พอค่ะ ตอนบ่ายหมอกับท่านชายจะขออนุญาต
พาพวกเขาไปทานอาหารข้างนอก ส่วนมื้อเย็นหากท่านแม่ไม่ว่าอะไร หมอขอทำอาหารไทยให้ทุกคน
เพราะคราวนี้มา มีแม่ครัวจากบ้านท่านชายฉัตราทัศน์มาด้วยแกทำอาหารไทยเก่งมากค่ะ”
“ดีๆ พวกเราเคยไปทานอาหารไทยที่บ้านท่านทูตหลายครั้ง แต่เขาเดินทางมาไกลไม่เหนื่อยหรือไง ข้าเป็นห่วง”
“ไม่หรอกค่ะท่านแม่ มีพี่อีกคนที่เป็นแม่บ้านหมอ ก็ทำกับข้าวเก่ง”
ท่านชายอะซันอาดัมและมูซา พร้อมหมอเติ้ล เอารถตู้คันงามมารับที่สนามบินนานาชาติควีนอาลียา
“หมอดูสดใสแหมือนท้องฟ้ายามเช้าเลยวันนี้ นะมูซา”
“อิจฉาฉันหรือไงที่จะได้เจอครอบครัว” หมอเติ้ลโต้เอา
"ผมเป็นผู้ชายนะครับจะอิจฉาได้อย่างไรครับ”
มูซาขับรถคู่กับอาดัมมองกันแล้วยิ้ม
อาดัมแปลกใจที่ท่านชายซึ่งปกติแม้ออกเดทกับสาวๆอื่นส่วนใหญ่จะเงียบ มีแต่พวกนางช่างเจรจาอยู่ข้างเดียว
มูซามีแววตาที่เป็นสุข “ดีแล้วที่ท่านชายกลับมาเป็นดังเดิม หลังผ่านวิกฤติในชีวิตท่านแบบไม่ให้ตั้งตัว
ทุกคนในวังพลอยเศร้าไปกับครอบครัวท่านชาย จนหมอเข้ามาเหมือนตะวันนฉายแสง ส่องสว่างนำความสดใสกลับคืนมาสู่ครอบครัวท่านชายอีกครั้ง ท่านหมอชอบโต้กับท่านชายอะซัน แต่นางมีขอบเขตที่ไม่ล้ำเส้นอย่างน่าเกียจ” มูซานึก
รถมาถึงสนามบินนานาชาติ แม้ไม่ใหญ่และทันสมัยเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ก็มองดูสมฐานะ
หมอเติ้ลใส่ชุดลูกไม้ซับด้วยผ้าป่านเนื้อนุ่มแขนยาวตรงลงมาที่ข้อมือสีน้ำเงิน กระโปรงจีบที่เอวปลายบานลงมาพอเหมาะยาวเลยน่องลงมาหน่อย สวมมุกชุดงามเป็นชุดเดียวกับที่แต่งตอนเข้าถึบ้านท่านชายวันแรก
ผมปล่อยยาวสลวย
ท่านชายอยู่ในชุดสูทสีนำเงินเข้มเสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อน
และเนคไทผ้าไหมที่หมอเติ้ลเอามาฝากจากของที่เอามาหลายอย่างในครั้งแรก เนคไทลายไทยสีฟ้าเทาดูภูมิฐาน
“เจ้าต้องแต่งกายให้เหมาะสมเพราะไปรับผู้ใหญ่” ท่านแม่กำชับไว้
ทั้งคู่เข้ามาดูเหมือนเป็นเป้าสายตาของเจ้าหน้าที่หลายคน ที่ทำความเคารพท่านชายตามธรรมเนียม
เครื่องลงจอด มูซาเข้าไปรับถึงด้านใน ที่สูทมีบัตรติดไว้เรียบร้อย
เขาเข้าไปแนะนำตัวเอง และพาทั้งกลุ่มมารอที่จุดตรวจคนเข้าเมือง
“ขอพลาสปอร์ตผมด้วยครับจะได้สะดวกกว่าไปต่อแถว” หลังประทับตราเรียบร้อย
ทุกคนก็ผ่านออกมาในช่องด่วนพิเศษ ลงมาที่ชั้นล่างที่รางรับกระเป๋า ซึ่งท่านชาย หมอเติ้ล และอาดัมรออยู่
หมอเติ้ลเห็นป๋ามะ และคณะ เธอโผเข้ากอดมะแน่นทั้งสองงแม่ลูกน้ำตาไหลริน
มะพูดได้คำเดี๋ยวว่า “”ลูกแม่”
พี่รองเข้ามาส่งผ้าเช็ดหน้ากับทิชชูให้ทั้งสองแม่ลูก “พอแล้วครับ มะอายเขา” พี่รองเอ่ยเบาๆ
ป๋าอยู่ถัดมากอดลูกสาวไว้แนบอกแน่น ดวงตาแดง ป๋าเอามือลูบผมยาวสวยของลูกสาวไปมา
“ป๋าเห็นเติ้ลสบายดีก็ดีแล้วลูก รู้ไหมทุกคนคิดถึงหนูมาก”
ดูเหมือนวันนี้ต้องยกให้หมอเติ้ลซักวัน เพราะทำนบพังลงด้วยคำพูดของป๋า ลุงหม่อมเข้ามากอดลูกสาวอีกคน
ท่านชายมองสาวน้อย แล้วสะท้อนใจ นึกถึงเมื่อตอนเขากลับจากอเมริกาใหม่ๆ
ท่านแมก็ร้องให้เช่นนี้ ส่วนท่านพ่อกอดเขาแน่นเหมือนกลัวจะสูญเสียไปดั่งเช่นลูกชายคนรอง”ท่านชายซูฟา” ดวงตาแดงกล่ำไม่แพ้กัน
เมื่อครั้งนั้นท่านชายได้แต่มีอาการคล้ายท่านพ่อ ความเจ็บปวดเก็บไว้ได้เพียงส่วนลึกของหัวใจกับความสูญเสียที่เกิดอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ลูกผู้ชายไม่หลั่งน้ำตา” มันเป็นเงื่อนไขเช่นนั้นหรือ
หมอเติ้ลทักทายทุกคนมาจบลงที่แป้งเพื่อนรัก
มือถือกระดาษทิชชูซับน้ำตาจนแห้งง “ว่าไงว่าที่พี่สะไภ้ของฉัน”
“เฮ้ย! ยังไม่สรุปเลยอย่างเพิ่งเดา” แป้งเหลือช่องให้ตัวเองบ้างเพราะความไม่แน่นอนคือความแน่นอน
แล้วหมอเติ้ลก็แนะนำท่านชาย มูซาและอาดัมกับทุกคน
ป๋ากับลุงหม่อมเข้ามาทักทายและเชคแฮนด์กับท่านชาย ท่านชายก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ
มะเข้ามา ทักทาย”อัสสลามอะลัยกุม”
พวกท่านชายตอบรับพร้อมเอามือแตะหน้าอกและก้มศีรษะ ”วะอะลัยกุมสสลาม”
ท่านชายมองป๋าของหมอเติ้ลที่เข้าวัยห้าสิบกว่า ผมดำแซมขาว แต่ไหล่กว้างแข็งแรง
ท่าทางกระฉับกระเฉง ดูอ่อนกว่าวัย หน้าตาผิวพรรณขาว คิ้วเข้ม หนวดหนาขลิบไว้อย่างงาม
ดูหล่อเหลาทีเดียว ส่วนมะยังสวยงามและอ่อนนหวานแม้วัยจะเข้ามาห้าสิบแล้ว
“ถึงว่าหมอช่างงามนัก พ่อและแม่เธอทั้งหล่อและสวย พี่ชายที่เขามาทักทายหน้าตาคมสันละหม้ายท่านหมอ”
เขาคิดขณะที่จับมือกับลุงหม่อม ซึ่งแม้ดูหน้าตาธรรมดา แต่สง่างามสมฐานะ ผมขาวเป็นสีกุเลา
ทั้งหมดเอาของขึ้นรถ และเคลื่อนขบวนกลับเข้าสู่วัง
ตลอดทางมีเสียงคุยเป็นภาษาที่ท่านชายเคยได้ยินบ่อยๆยามหมอเติ้ลแอบว่าเขาเป็นภาษาไทย เสียงสูงต่ำ ฟังดูแปลกดี
ลุงหม่อมหันมาคุยกับท่านชาย ดูเหมือนตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นเขาเป็นจุดสนใจอย่างมากกับลุงหม่อม
“หน้าตาหล่อมาก หนวดเคราขลิบอย่างประณีตเรียวเคราขลิบมาถึงกลางคาง แล้วไล่มาจรดริมฝีปากล่างอย่างเหมาะสม ท่าท่างองอาจผึ่งผาย” ลุงหม่อมนึกและมองอย่างพิจารณา ก่อนที่จะเอ่ยถาม
“ลูกสาวผมทำอะไรไม่ถูกใจท่านชายบ้างหรือเปล่าครับ” ท่านชายยิ้ม
“ท่านหมอเธอเป็นเช่นนั้นแหละครับ ไม่มีอะไรมากหากรู้ใจ”
คำนี้ดูมีน้ำหนักมากพอที่ลุงหม่อมจะคิดว่าหัวใจท่านชายฝากไว้ที่ไหนแล้ว
“ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพอย่างนี้ลูกพ่อจะรอดหรือ”
ลุงหม่อมเอ่ยชม“ท่านชายดูจะรู้นิสัยหมอดี ผมชอบที่ตอบตรงๆ” ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
***ฤาว่าทั้งสองเป็นคู่สู่สม
***ฤาว่าอินทร์พรหมนำเจ้ามา
***แม้ดินแดนจะไกลเอื้อมจนสุดฟ้า
***แผ่นน้ำท้องนภามิอาจกั้น