สวัสดีครับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากทำ PhD ครับ (สายวิทยาการคอม/วิศวะคอม/IT) จุดประสงค์ของผม คือ อยากเป็นนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนาโครงการของตัวเองตามห้องแลป ผมชอบประดิษฐ์ ชอบคิดค้น ชอบประยุกต์ แต่ไม่อยากเป็นอาจารย์ครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามกับชีวิตของนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์
1. ถ้าผมอยากทำงานในสถาบันวิจัยทางยุโรป ควรจะต้องจบ PhD จากสถาบันในยุโรปเท่านั้นใช่ไหมครับ ผมเคยไปอ่านรายละเอียดสถาบันวิจัยในประเทศเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์บางที่มีหัวข้อที่สนใจและอยากทำด้วยมากๆ publication ของเค้าก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในงานที่สนใจด้วย ถ้าเกิดสมมติว่าเรามีโอกาสได้ทุนเรียนป.เอกในประเทศไทย(เป็นนานาชาติและมีโอกาสได้ไปทำวิจัยในยุโรปสั้นๆแต่เป็นวุฒิในเมืองไทย) แล้วเมื่อจบแล้วเราอยากจะสมัครกับสถาบันวิจัยในยุโรปมีความเป็นไปได้เพียงใดครับในเชิงสถิติและความน่าจะเป็น(เอาแบบในความเป็นจริงน่ะครับ) หรือเราควรเลือกที่จะรอสมัคร PhDในสถาบันที่ยุโรปเท่านั้น เพราะอย่างน้อยๆสถาบันที่เราจบในยุโรปเวลาไปสมัครตามแลปวิจัยในยุโรปเค้ารู้จักมากกว่าหรือเราอาจได้ connection มากกว่าอะไรแบบนี้
2. มีใครที่จบป.โทในประเทศไทย โปรไฟล์ปานกลางแล้วสามารถสมัครไปทำ PhD ในยุโรปแบบได้ทุนบ้างไหมครับ คิดว่าอะไรคือส่วนสำคัญในการสมัครที่ทำให้คุณสมัครทุนกับ PhD ได้เป็นผลสำเร็จหรือครับ ผมเป็นคนที่ปานกลางๆน่ะครับ ไม่ได้เกียรตินิยมหรือเคยไปแข่งโอลิมปิคอะไรมาเลย งานป.โทก็ไม่ได้ตีพิมพ์อะไรกับระดับอินเตอร์(ตอนนั้นไม่ทราบว่าจะสำคัญเมื่อจะเรียนต่อในระดับสูง เพราะแค่ตีพิมพ์ในประเทศได้ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์จบป.โทน่ะครับ) ได้เกรดแค่ดีประมาณนึง และได้ทุนเป็นผู้ช่วยวิจัยในต่างประเทศสมัยเรียนป.โทเพียงเทอมเดียว ไม่รู้ว่าจะไปอัพโปรไฟล์ให้มันมีอะไรเด่นๆขึ้นดีเวลาไปสมัครขอทุนทำ PhD โดยเฉพาะในสถาบันหรือมหาวิทยาลัยในยุโรป
ตอนนี้มีความรู้สึกว่าการทำวิทยานิพนธ์ป.โทไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลยในการสมัคร PhDถ้าเราไม่ได้เอาไปตีพิมพ์กับวารสารนานาชาติชั้นนำ เพราะเท่าที่อ่านดูและสังเกตจาก นศ. PhD ปัจจุบันในมหาวิทยาลัยที่สนใจ โปรไฟล์ดีมากๆ เช่นได้เกียรตินิยม ตีพิมพ์กับวารสารระดับนานาชาติชั้นสูงได้ (นี่ขนาดไม่เคยเลือกมหาวิทยาลัยตาม Ranking เลยนะ เลือกมหาวิทยาลัยที่มีหัวข้อที่เราสนใจเป็นหลัก) อาจจะเลือกเรียนในประเทศแล้วพยายามทำงานให้ดีๆ ได้ตีพิมพ์กับวารสารดังๆเพื่อมาชดเชยส่วนนี้น่ะครับหากเรียนในประเทศ เพราะคงเป็นสิ่งเดียวที่พอจะวัดได้บ้าง
3. มีใครที่เรียนต่อ PhD ทั้งที่ป.โทไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์ไหมครับ สมัครที่ไหนกันไว้มั่ง
4. คนที่เรียนจบ PhD แล้ว ทำงานวิจัยหรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ในยุโรปบ้างครับ ชีวิตเหมือนตอนทำ PhD ไหม ดีหรือแย่กว่ากันครับในแง่คุณภาพชีวิต ถ้าย้อนเวลามาได้จะยังทำสายนี้อยู่ไหมครับ 555555 ผมอยากฟังคห.ประกอบการตัดสินใจน่ะครับ ผมเป็นคนไม่ได้มองรายได้เป็นหลักมาก แค่พออยู่ได้ไม่ลำบากพอมีเงินเก็บ ได้ทำงานที่ชอบประดิษฐ์ คิดค้น ก็พอใจแล้ว
กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจจุดเปลี่ยนในชีวิตที่สำคัญครับ ขอเล่าพื้นหลังของตัวผมเองให้ฟังสักเล็กน้อย ตอนนี้ทำงานเอกชนเป็นวิศวกรซอฟแวร์ครับ เงินเดือนไม่มากแต่พออยู่ได้ไม่ลำบาก 45 k ครับ(ตอนนี้อายุ 29 กำลังจะ 30 แล้ว) ลักษณะนิสัยผมไม่ค่อยใช้เงินเปลืองมีเงินเหลือเก็บทุกเดือน ผ่อนรถอย่างเดียว บ้านอยู่กับพ่อแม่ครับ เงินเดือนมักเอาลง provident fund กับซื้อหุ้นบ.ที่ maximum ตลอดเลย มองว่าคุณภาพชีวิตการทำงานรวมๆดีไม่แย่ครับ แต่ที่อยากต่อ PhD เพราะคิดว่าชอบคิดค้น ชอบเรียนรู้วิทยาศาสตร์น่ะครับ (ความชอบส่วนตัวเลย) ซึ่งการทำงานเอกชนไม่ได้ตอบโจทย์ตรงนี้และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับด้านที่สนใจ ตัวผมสนใจทำวิจัยด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ หรือพวก image processing ในงานวิทยาศาสตร์และจะขลุกกับสิ่งพวกนี้ได้เป็นวันๆเลย เพราะตอนทำวิทยานิพนธ์ก็ทำด้านนี้น่ะครับ ชอบมาก และกอปรกับที่ผมชอบศิลปะยุโรปด้วยเลยอยากไปทำวิจัยหรือทำ PhD ที่ยุโรปซักพักหากมีโอกาสและเป็นไปได้ แต่ผมไม่รู้ว่าชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ สายวิจัย เป็นเช่นไร ทราบดีว่ารายได้ไม่เท่ากับคนที่ทำเอกชน ทำธุรกิจอยู่แล้ว แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ถึงขนาดต้องรัดเข็มขัดขนาดนั้นและน่าจะพอมีเงินเหลือเก็บได้บ้างเพื่อตัวเองในอนาคต และอีกอย่างหากเรียนต่อ PhD หางานวิจัยในยุโรปทำได้ น่าจะได้ connection เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกัน อาจจะมีโอกาสได้ตั้งทีมทำโปรเจคท์อะไรกันได้บ้างเพราะรู้สึกว่างานพวกนี้เราต้องทำเป็นทีม ซึ่งเรื่อง connection เป็นสิ่งที่อยากได้มากเลยล่ะครับ การไปเรียนต่อ PhD นอกจากจะได้รู้จักกับ Professor ที่เค้ามีความรู้ในสายงานเรา ด้านการวิจัย ค้นคว้า ทดลอง ก็อาจจะได้ connection ต่อยอดมาจากอ. อีกที ตอนนี้กำลังหาทุนและจะทำการสมัครเท่าที่จะทำได้น่ะครับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเน้นที่ยุโรปเป็นหลักๆเพราะส่วนใหญ่ไม่มี tuition fees และมีเงินเดือนด้วย แต่การสมัครเรียนในยุโรปดูมืดมนพอสมควรเลยครับเพราะเป็นลักษณะเปิดรับแบบเป็น open job เหมือนรับสมัครงาน เปิดรับจำนวนน้อยๆแต่ผู้สมัครมากมายทั้งใน EU และนอก EU เราโปรไฟล์ไม่ได้เด่นอะไรแถมยังพูดภาษาที่สามไม่ได้แบบคนในประเทศเค้าและใน EU ด้วยแล้ว เรียกว่าเสียเปรียบแทบจะทุกด้านเลย ส่วนสมัคร PhD ในประเทศไทยโอกาสสูงขึ้นมาหน่อยในด้านคุณสมบัติต่างๆก็ดูจะเป็นไปได้มากกว่า แต่อาจต้องคิดในเรื่องการสมัครงานหลังจบ (ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะครับ แต่อาจได้ภาษา ได้ connection กับสถาบันวิจัยในยุโรปไม่มากเท่ากับไปเรียนยุโรปเอง) ตอนนี้เลยทำได้เพียงแค่เตรียมๆพัฒนาภาษาอังกฤษกับสอบภาษาอังกฤษให้มีผลสอบดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยกับติดตาม PhD positions ที่เปิดรับที่ต่างๆ อ่านรายละเอียด และคาดความน่าจะเป็นว่าโอกาสได้เพียงใด ถ้าโอกาสน้อยก็คงเลือกไม่สมัคร แม้จะลองอยากสมัครทุกที่ที่เปิดรับก็ตามแต่เพราะค่อนข้างเกรงใจอ.ที่ปรึกษาที่ต้องมาเขียน letter of recommendations ให้ทุกที่ที่เราจะไปสมัคร คงดูไม่ดีนัก อีกเรื่องที่ต้องต่อสู้ คือ การให้กำลังใจตัวเองและการเตรียมใจเพราะหนทางนี้คงไม่ง่าย รอบตัวผม(นอกจากพ่อแม่กับอาจารย์)ไม่มีใครสนับสนุนให้ผมทำ PhD นัก เพราะมองว่ารายได้น้อย เป็นพวกเรียนสูงแต่มีรายได้สู้อาชีพอื่นไม่ได้ สู้คนทำเอกชนหรือพ่อค้าแม่ค้าที่จบป. 4 แต่ทำเงินเป็นล้านไม่ได้ บางคนก็บอกงานเดิมที่ทำก็ดีอยู่แล้วจะเรียนต่อทำไม(อืม อันนี้เป้าหมายชีวิตแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วยนี่สิ) การตัดสินใจเรียนต่อจึงต้องเจอคำเสียดสีแนวนี้ตลอดเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผมก็ตัดสินใจจะเลือกฟังเสียงตัวเองมากกว่าเสียงคนอื่น
อ่ะนะ
ขอบคุณสำหรับคำตอบและคำแนะนำจากทุกท่านล่วงหน้านะครับ
อยากขอคำแนะนำผู้ที่จบ PhD กำลังเรียนPhDอยู่หรือทำงานด้านวิจัยครับ เกี่ยวกับการสมัครเรียนและชีวิตการทำงาน
ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากทำ PhD ครับ (สายวิทยาการคอม/วิศวะคอม/IT) จุดประสงค์ของผม คือ อยากเป็นนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนาโครงการของตัวเองตามห้องแลป ผมชอบประดิษฐ์ ชอบคิดค้น ชอบประยุกต์ แต่ไม่อยากเป็นอาจารย์ครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามกับชีวิตของนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์
1. ถ้าผมอยากทำงานในสถาบันวิจัยทางยุโรป ควรจะต้องจบ PhD จากสถาบันในยุโรปเท่านั้นใช่ไหมครับ ผมเคยไปอ่านรายละเอียดสถาบันวิจัยในประเทศเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์บางที่มีหัวข้อที่สนใจและอยากทำด้วยมากๆ publication ของเค้าก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในงานที่สนใจด้วย ถ้าเกิดสมมติว่าเรามีโอกาสได้ทุนเรียนป.เอกในประเทศไทย(เป็นนานาชาติและมีโอกาสได้ไปทำวิจัยในยุโรปสั้นๆแต่เป็นวุฒิในเมืองไทย) แล้วเมื่อจบแล้วเราอยากจะสมัครกับสถาบันวิจัยในยุโรปมีความเป็นไปได้เพียงใดครับในเชิงสถิติและความน่าจะเป็น(เอาแบบในความเป็นจริงน่ะครับ) หรือเราควรเลือกที่จะรอสมัคร PhDในสถาบันที่ยุโรปเท่านั้น เพราะอย่างน้อยๆสถาบันที่เราจบในยุโรปเวลาไปสมัครตามแลปวิจัยในยุโรปเค้ารู้จักมากกว่าหรือเราอาจได้ connection มากกว่าอะไรแบบนี้
2. มีใครที่จบป.โทในประเทศไทย โปรไฟล์ปานกลางแล้วสามารถสมัครไปทำ PhD ในยุโรปแบบได้ทุนบ้างไหมครับ คิดว่าอะไรคือส่วนสำคัญในการสมัครที่ทำให้คุณสมัครทุนกับ PhD ได้เป็นผลสำเร็จหรือครับ ผมเป็นคนที่ปานกลางๆน่ะครับ ไม่ได้เกียรตินิยมหรือเคยไปแข่งโอลิมปิคอะไรมาเลย งานป.โทก็ไม่ได้ตีพิมพ์อะไรกับระดับอินเตอร์(ตอนนั้นไม่ทราบว่าจะสำคัญเมื่อจะเรียนต่อในระดับสูง เพราะแค่ตีพิมพ์ในประเทศได้ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์จบป.โทน่ะครับ) ได้เกรดแค่ดีประมาณนึง และได้ทุนเป็นผู้ช่วยวิจัยในต่างประเทศสมัยเรียนป.โทเพียงเทอมเดียว ไม่รู้ว่าจะไปอัพโปรไฟล์ให้มันมีอะไรเด่นๆขึ้นดีเวลาไปสมัครขอทุนทำ PhD โดยเฉพาะในสถาบันหรือมหาวิทยาลัยในยุโรป
ตอนนี้มีความรู้สึกว่าการทำวิทยานิพนธ์ป.โทไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลยในการสมัคร PhDถ้าเราไม่ได้เอาไปตีพิมพ์กับวารสารนานาชาติชั้นนำ เพราะเท่าที่อ่านดูและสังเกตจาก นศ. PhD ปัจจุบันในมหาวิทยาลัยที่สนใจ โปรไฟล์ดีมากๆ เช่นได้เกียรตินิยม ตีพิมพ์กับวารสารระดับนานาชาติชั้นสูงได้ (นี่ขนาดไม่เคยเลือกมหาวิทยาลัยตาม Ranking เลยนะ เลือกมหาวิทยาลัยที่มีหัวข้อที่เราสนใจเป็นหลัก) อาจจะเลือกเรียนในประเทศแล้วพยายามทำงานให้ดีๆ ได้ตีพิมพ์กับวารสารดังๆเพื่อมาชดเชยส่วนนี้น่ะครับหากเรียนในประเทศ เพราะคงเป็นสิ่งเดียวที่พอจะวัดได้บ้าง
3. มีใครที่เรียนต่อ PhD ทั้งที่ป.โทไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์ไหมครับ สมัครที่ไหนกันไว้มั่ง
4. คนที่เรียนจบ PhD แล้ว ทำงานวิจัยหรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ในยุโรปบ้างครับ ชีวิตเหมือนตอนทำ PhD ไหม ดีหรือแย่กว่ากันครับในแง่คุณภาพชีวิต ถ้าย้อนเวลามาได้จะยังทำสายนี้อยู่ไหมครับ 555555 ผมอยากฟังคห.ประกอบการตัดสินใจน่ะครับ ผมเป็นคนไม่ได้มองรายได้เป็นหลักมาก แค่พออยู่ได้ไม่ลำบากพอมีเงินเก็บ ได้ทำงานที่ชอบประดิษฐ์ คิดค้น ก็พอใจแล้ว
กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจจุดเปลี่ยนในชีวิตที่สำคัญครับ ขอเล่าพื้นหลังของตัวผมเองให้ฟังสักเล็กน้อย ตอนนี้ทำงานเอกชนเป็นวิศวกรซอฟแวร์ครับ เงินเดือนไม่มากแต่พออยู่ได้ไม่ลำบาก 45 k ครับ(ตอนนี้อายุ 29 กำลังจะ 30 แล้ว) ลักษณะนิสัยผมไม่ค่อยใช้เงินเปลืองมีเงินเหลือเก็บทุกเดือน ผ่อนรถอย่างเดียว บ้านอยู่กับพ่อแม่ครับ เงินเดือนมักเอาลง provident fund กับซื้อหุ้นบ.ที่ maximum ตลอดเลย มองว่าคุณภาพชีวิตการทำงานรวมๆดีไม่แย่ครับ แต่ที่อยากต่อ PhD เพราะคิดว่าชอบคิดค้น ชอบเรียนรู้วิทยาศาสตร์น่ะครับ (ความชอบส่วนตัวเลย) ซึ่งการทำงานเอกชนไม่ได้ตอบโจทย์ตรงนี้และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับด้านที่สนใจ ตัวผมสนใจทำวิจัยด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ หรือพวก image processing ในงานวิทยาศาสตร์และจะขลุกกับสิ่งพวกนี้ได้เป็นวันๆเลย เพราะตอนทำวิทยานิพนธ์ก็ทำด้านนี้น่ะครับ ชอบมาก และกอปรกับที่ผมชอบศิลปะยุโรปด้วยเลยอยากไปทำวิจัยหรือทำ PhD ที่ยุโรปซักพักหากมีโอกาสและเป็นไปได้ แต่ผมไม่รู้ว่าชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ สายวิจัย เป็นเช่นไร ทราบดีว่ารายได้ไม่เท่ากับคนที่ทำเอกชน ทำธุรกิจอยู่แล้ว แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ถึงขนาดต้องรัดเข็มขัดขนาดนั้นและน่าจะพอมีเงินเหลือเก็บได้บ้างเพื่อตัวเองในอนาคต และอีกอย่างหากเรียนต่อ PhD หางานวิจัยในยุโรปทำได้ น่าจะได้ connection เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกัน อาจจะมีโอกาสได้ตั้งทีมทำโปรเจคท์อะไรกันได้บ้างเพราะรู้สึกว่างานพวกนี้เราต้องทำเป็นทีม ซึ่งเรื่อง connection เป็นสิ่งที่อยากได้มากเลยล่ะครับ การไปเรียนต่อ PhD นอกจากจะได้รู้จักกับ Professor ที่เค้ามีความรู้ในสายงานเรา ด้านการวิจัย ค้นคว้า ทดลอง ก็อาจจะได้ connection ต่อยอดมาจากอ. อีกที ตอนนี้กำลังหาทุนและจะทำการสมัครเท่าที่จะทำได้น่ะครับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเน้นที่ยุโรปเป็นหลักๆเพราะส่วนใหญ่ไม่มี tuition fees และมีเงินเดือนด้วย แต่การสมัครเรียนในยุโรปดูมืดมนพอสมควรเลยครับเพราะเป็นลักษณะเปิดรับแบบเป็น open job เหมือนรับสมัครงาน เปิดรับจำนวนน้อยๆแต่ผู้สมัครมากมายทั้งใน EU และนอก EU เราโปรไฟล์ไม่ได้เด่นอะไรแถมยังพูดภาษาที่สามไม่ได้แบบคนในประเทศเค้าและใน EU ด้วยแล้ว เรียกว่าเสียเปรียบแทบจะทุกด้านเลย ส่วนสมัคร PhD ในประเทศไทยโอกาสสูงขึ้นมาหน่อยในด้านคุณสมบัติต่างๆก็ดูจะเป็นไปได้มากกว่า แต่อาจต้องคิดในเรื่องการสมัครงานหลังจบ (ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะครับ แต่อาจได้ภาษา ได้ connection กับสถาบันวิจัยในยุโรปไม่มากเท่ากับไปเรียนยุโรปเอง) ตอนนี้เลยทำได้เพียงแค่เตรียมๆพัฒนาภาษาอังกฤษกับสอบภาษาอังกฤษให้มีผลสอบดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยกับติดตาม PhD positions ที่เปิดรับที่ต่างๆ อ่านรายละเอียด และคาดความน่าจะเป็นว่าโอกาสได้เพียงใด ถ้าโอกาสน้อยก็คงเลือกไม่สมัคร แม้จะลองอยากสมัครทุกที่ที่เปิดรับก็ตามแต่เพราะค่อนข้างเกรงใจอ.ที่ปรึกษาที่ต้องมาเขียน letter of recommendations ให้ทุกที่ที่เราจะไปสมัคร คงดูไม่ดีนัก อีกเรื่องที่ต้องต่อสู้ คือ การให้กำลังใจตัวเองและการเตรียมใจเพราะหนทางนี้คงไม่ง่าย รอบตัวผม(นอกจากพ่อแม่กับอาจารย์)ไม่มีใครสนับสนุนให้ผมทำ PhD นัก เพราะมองว่ารายได้น้อย เป็นพวกเรียนสูงแต่มีรายได้สู้อาชีพอื่นไม่ได้ สู้คนทำเอกชนหรือพ่อค้าแม่ค้าที่จบป. 4 แต่ทำเงินเป็นล้านไม่ได้ บางคนก็บอกงานเดิมที่ทำก็ดีอยู่แล้วจะเรียนต่อทำไม(อืม อันนี้เป้าหมายชีวิตแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วยนี่สิ) การตัดสินใจเรียนต่อจึงต้องเจอคำเสียดสีแนวนี้ตลอดเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผมก็ตัดสินใจจะเลือกฟังเสียงตัวเองมากกว่าเสียงคนอื่น อ่ะนะ
ขอบคุณสำหรับคำตอบและคำแนะนำจากทุกท่านล่วงหน้านะครับ