สวัสดีปีใหม่ค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆน้องชาวพันทิปทุกท่าน จขกท ทำรีวิวบ้างนาน น้าน นานที่ เนื่องจากขี้เกียจ แต่เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา จขกท ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านของฮอบบิทมาค่ะ ประกอบกับว่าหนัง The Hobbit 2 กำลังฉายอยุ่พอดี (กะลังอิน) ก็เลยจะมารีวิวบรรยากาศแบบย่อๆให้เพื่อนๆที่สนใจนะคะ
Hobbiton Movie set and farm tour ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 1250 เอเคอร์ ที่เมือง Matamata ประเทศนิวซีแลนด์ค่ะ ที่ดินผืนนี้เป็นของครอบครัว Alexander จับผลัดจับผลูได้กลายมาเป็นหนึ่งใน Location หลัก ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เนื่องจากท่าน Sir Peter Jackson ซึ่งกำลังเสาะหาLocation สำหรับ LORT ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ผ่านมาแถวนี้และเกิดถูกอกถูกใจกับฟาร์มแกะแห่งนี้ จึงได้เข้าไปขออนุญาตเจ้าของเพื่อขอดูพื้นที่ ทางเจ้าของก็ใจดีค่ะ บอกท่านเซอร์และทีมงานว่าเชิญพวกท่านทัศนากันตามสะดวก แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถจะไปด้วยได้เนื่องจาก มีการถ่ายทอดการแข่งขันรักบี้ระหว่างนิวซีแลนด์กับออสเตรเลีย (เรื่องสำคัญมว๊ากกกกก)
ท่านเซอร์และเหล่าทีมงานก็ดูกันจนพอใจ แล้วก็ร่ำลาไป จากนั้นจึงโผล่มาอีกครั้งพร้อมกับ confidentiality agreement และแล้วหมู่บ้านฮอบบิทก็ถือกำเนิดขึ้น
แต่นั่นเป็นเรื่องราวเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่มีการสร้าง LOTR ณ เวลานั้นฉากทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว ดังนั้นเมื่อท่าน Sir กลับมาพร้อม Project The Hobbitและขอใช้สถานที่ ทางครอบครัวAlexander ยินยอมอย่างง่ายดายแต่คราวนี้ทางเจ้าของพื้นที่ขอร้องให้มีการสร้างฉากทั้งหมดเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวร
ปัจจุบัน Hobbit tour นี้ก็เป็นกิจการของครอบครัว Alexander เช่นกันค่ะ
เกริ่นมายาวมาก อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ไกด์ที่พาทัวร์มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าให้ฟังตลอดทั้งทริปเลยค่ะ
จขกท เดินทางมาจาก Rotorua ค่ะ ในระหว่างที่ขับรถมาแทบจะไม่มีรถผ่านไปผ่านมาเลย จนเพื่อนร่วมทริปถามว่า แน่ใจเหรอว่ามันมีที่นี่อยู่จริงๆ แต่พอไปถึงเท่านั้นค่ะ รถจอดเพียบ คนต่อคิวซื้อตั๋วกันเยอะแยะ จนกลัวว่าจะไม่ได้ดู
ได้ตั๋วมาแว้ววววววววว ^^
จขกท ได้รอบเวลา 11.40ค่ะ ใกล้เที่ยงพอดีแถมแดดยังแรงมากๆ โดยปกติแล้วที่นี่มีทัวร์เริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 3.30 pm โดยทัวร์จะออกทุกๆครึ่ง ชม แต่ถ้ามาจาก Rotorua หรือ Matamata ต้องเช็ครอบอีกทีค่ะ แต่วันที่ จขกท ไปนั้นอยุ่ในช่วงปีใหม่พอดี ดังนั้นทัวร์ออกแทบจะทุกๆ 10 นาทีค่ะ ย้ำ 10 นาที (ดังนั้น ในรูปบางรูปจะเห็นคณะทัวร์ยาวเหยียดเลยค่ะ)
ก่อนจะเริ่มทัวร์ ก็หาอะไรทาน ที่นี่มีคาเฟ่บริการด้วยนะคะ อาหารราคาปกติไม่แพงกว่าข้างนอกส่วนรสชาดไม่ต้องพูดถึงค่ะ
ทานอาหารแล้วก็เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย หน้าตาเหมือนประตูโบราณนะคะ เปิดเข้าปายยยย
เก๋ๆนะคะ
จากนั้นเมื่อทัวร์เริ่มไม่ใช่ว่าเดินเข้าไปชมกันได้ง่ายๆนะคะ ต้องนั่งรถบัสเข้าไปค่ะ หน้าตาแบบนี้
แล้วก็มีชื่อด้วย
ระหว่างที่นั่งรถบัสเข้าไป คนขับรถ (คันของ จขกท ชื่อ Big John ค่ะ แกตัวใหญ่สมชื่อ) ก็จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับฟาร์มแห่งนี้ให้ฟังคร่าวๆแล้วก็จะมีไกด์คนนึงไปกับเราด้วย ไกด์หนึ่งคนต่อลูกทัวร์ประมาณ 40 คนค่ะ
ถึงแล้ว
จขกทจำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมดนะคะ บ้านที่เห็นมีปล่องไฟนั้น จริงๆมีแค่ประตูบ้านกับสวนหย่อมหน้าบ้านค่ะ ฉากภายในบ้านฮอบบิทนั้นถ่ายในสตูดิโอ ดังนั้น "Hobbit never ลีฟ เฮีย" ค่ะ (เขียนเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ โดนแก้เป็นหน้ายิ้มแทน)
บ้านของฮอบบิทบางบ้านแบบเดียวกันจะมีสองขนาด เพื่อใช้ในการถ่ายทำสำหรับตัวละครที่คสรจะมีขนาดต่างกัน เช่น ถ้าเป็นบิลโบยืนอยู่หน้าบ้านจะใช้บ้านที่มีขนาด 100% แต่ถ้าเป็นแกนดัลฟ์มายืนอยู่จะถ่ายหน้าบ้านที่มีขนาด 60% ค่ะ เพื่อให้คนดูรู้สึกว่า โอ้ แกนดัลฟ์ตัวใหญ่จังเลย ทำนองนี้ค่ะ (เราไม่ได้ถ่ายรูปเทียบมาให้ดู มานึกออกตอนเขียนรีวิวนี่หล่ะค่ะ จริงๆคิดว่าคงไม่ได้ถ่ายกะบ้านหลังเล็ก กลัวจะออกมาเป็นออร์ค)
ด้านบนขวาของภาพนี้จะเห็นคณะทัวร์ยืนต่อแถวกันเรียงรายค่ะ แดดก็ร้อนจริงจัง
และแล้วก็มาถึงบ้านของ ใครเอ่ย......
โปรดสังเกต ต้นโอ๊คที่อยู่บนหลังคาบ้านของบิลโบนะคะ
ต้นนี้แหละค่ะ
ในสปอย เป็นเกร็ดที่ไกด์เล่าให้ฟังนะคะถ้าใครแพลนจะมาเที่ยวละยังไม่อยากรู้ ข้ามไปเลยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต้นโอ๊คที่ใช้ในการถ่ายทำ LOTR นั้นเป็นต้นไม้จริงซึ่งถูกตัดเป็นส่วนๆแล้วนำมาประกอบใหม่ เมื่อมีproject The Hobbit ขึ้นมาก็พบว่า งานเข้าาาาาาา เนื่องจาก เหตุการณ์ใน The Hobbit นั้นเป็นเรื่องก่อน LOTR ราวๆ 60 ปี ดังนั้นทางผู้สร้างจึงต้อง เฟ้นหาต้นไม้วัยละอ่อนมาเข้าฉากกัน
ไกด์เล่าให้ฟังว่า มีการส่งรูปภาพต้นไม้วัยใส มาออดิชั่นกันมากมาย (ไกด์ใช้คำว่า audition จริงๆนะ) แต่ไม่มีต้นไหนเลยที่ถูกตาต้องใจท่านเซอร์ ก็เลยตัดสินใจให้มีการสร้างต้นโอ๊ควัยเยาว์ขึ้นมาค่ะ ต้นที่เราเห็นอยู่นี้เป็นต้นไม้ปลอมค่าาาาาาา
เพียงแค่ต้นไม้ปลอม มันจะน่าตื่นเต้นตรงไหน ถ่ายหนังที่ไหนก็ต้องใช้ของปลอมกันบ้าง แต่ที่เด็ดจริงๆคือ ทางทีมงานได้สั่งทำใบไม้เหล่านี้จากโรงงานในไต้หวันเมื่ออุปกรณ์ วัสดุ ทุกอย่างพร้อมเตรียมประกอบ ท่านเซอร์ก็เข้ามาตรวจเยี่ยมและลงความเห็นว่า ใบไม้มันเขียวไปนะ ดูไม่สมจริง แต่จะสั่งทำใหม่ก็ดูจะไม่ทันการ ทางทีมงานเลยจ้างนักศึกษามาช่วยกันระบายสีใบโอ๊คด้วยมือ ทีละใบๆ เพื่อให้ดูสมจริงค่ะ
เกร็ดเกี่ยวต้นไม้ในหนังเรื่องนี้ยังมีอีกนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ในภาพยนตร์อาจจะเห็นไม่ชัดแต่ในหนังสือจะกล่าวถึงเด็กฮอบบิทที่อ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นพลัม แต่ว่าต้นพลัมนั้นไม่สามารถใส่เข้ามาในฉากได้เนื่องจากสเกลไม่เหมาะสม ทางทีมงานเลยใช้ใช้ต้นแอปเปิ้ลหรือต้นแพร์ที่มีขนาดพอเหมาะมาริดใบออกแล้วจัดการผูกลูกพลัมปลอมๆ เข้าไปแทนค่ะ
ที่นี่เก็บรายละเอียดทุกอย่างนะคะ ทางด้านขวาของภาพมีกระทั่งราวตากผ้า ซึ่งไกด์ก็เล่าให้ฟังถึงความละเอียดของท่านเซอร์ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ในตอนที่เริ่มเซ็ตฉากก่อนมีการถ่ายทำจริงนั้น ท่านเซอร์ให้ทีมงานเอาผ้าไปตากที่ราวตากผ้าในตอนเช้า และไปเก็บกลับมาในตอนเย็นทุกวัน เพื่อต้องการจะให้มีรอยเหมือนมีคนเดินจริงๆ
ไกด์จะพาเราเดินเที่ยวพร้อมทั้งอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ในบางจุด บ้านฮอบบิทที่ประตูไม่เปิดก็ไม่อนุญาติให้ข้ามรั้วเข้าไปนะคะ ต้องถ่ายกันอยู่ข้างนอกเท่านั้น และพอสิ้นสุดทัวร์ไกด์จะพาเราไปยังผับแห่งนึงค่ะ จำกันได้มั้ย
เห็นอยู่ลิบๆพร้อมกับสะพานหินค่ะ
ในราคาค่าทัวร์จะรวมเครื่องดื่มเมื่อเสร็จทัวร์ด้วยนะคะ เดินกันมาร้อนๆจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
เบ็ดเสร็จรวมค่าทัวร์ทั้งหมด คนละ 75 NZD ค่ะ หรือราวๆ 2,000 บาท อาจจะราคาสูงซักเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แต่ถ้าสำหรับแฟนพันธุ์แท้ต้องบอกว่าคุ้มเลยค่ะ
อ้อ ลืมร้านขายของที่ระลึกได้ไงเนี่ย
ถ่ายมาแค่นี้เองค่ะ จขกทอยากได้แหวนแต่ไปถึงปรากฏว่าหมด คนช๊อปกันเยอะจริงๆค่ะ
ทัวร์นี้เหมาะสำหรับ ครอบครัว คนที่ชอบถ่ายรูป มีมุมนู้นนี้ให้ถ่าย อาจจะไม่เมหาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการเดินค่ะเพราะว่าต้องเดินขึ้นเขาแต่ก็เดินกันช้าๆนะคะ พาผู้สูงอายุไปค่อยๆเดินกันก็พอไหวค่ะ
สำหรับเรื่องภาษา ไกด์มีแต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวค่ะ แถมพูดกันไวมากจริงๆถ้าทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีจะได้อรรถรสในการชมมากขึ้นค่ะ
ลากันไปด้วยรูป จขกท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้าในบ้านมีหัวชนแน่นอน
จขกท หวังว่า รีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และให้ความเพลิดเพลินแก่เพื่อนๆสมาชิกได้บ้างนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่าาาาา
[CR] Hobbiton New Zealand
Hobbiton Movie set and farm tour ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 1250 เอเคอร์ ที่เมือง Matamata ประเทศนิวซีแลนด์ค่ะ ที่ดินผืนนี้เป็นของครอบครัว Alexander จับผลัดจับผลูได้กลายมาเป็นหนึ่งใน Location หลัก ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เนื่องจากท่าน Sir Peter Jackson ซึ่งกำลังเสาะหาLocation สำหรับ LORT ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ผ่านมาแถวนี้และเกิดถูกอกถูกใจกับฟาร์มแกะแห่งนี้ จึงได้เข้าไปขออนุญาตเจ้าของเพื่อขอดูพื้นที่ ทางเจ้าของก็ใจดีค่ะ บอกท่านเซอร์และทีมงานว่าเชิญพวกท่านทัศนากันตามสะดวก แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถจะไปด้วยได้เนื่องจาก มีการถ่ายทอดการแข่งขันรักบี้ระหว่างนิวซีแลนด์กับออสเตรเลีย (เรื่องสำคัญมว๊ากกกกก)
ท่านเซอร์และเหล่าทีมงานก็ดูกันจนพอใจ แล้วก็ร่ำลาไป จากนั้นจึงโผล่มาอีกครั้งพร้อมกับ confidentiality agreement และแล้วหมู่บ้านฮอบบิทก็ถือกำเนิดขึ้น
แต่นั่นเป็นเรื่องราวเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่มีการสร้าง LOTR ณ เวลานั้นฉากทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว ดังนั้นเมื่อท่าน Sir กลับมาพร้อม Project The Hobbitและขอใช้สถานที่ ทางครอบครัวAlexander ยินยอมอย่างง่ายดายแต่คราวนี้ทางเจ้าของพื้นที่ขอร้องให้มีการสร้างฉากทั้งหมดเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวร
ปัจจุบัน Hobbit tour นี้ก็เป็นกิจการของครอบครัว Alexander เช่นกันค่ะ
เกริ่นมายาวมาก อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ไกด์ที่พาทัวร์มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าให้ฟังตลอดทั้งทริปเลยค่ะ
จขกท เดินทางมาจาก Rotorua ค่ะ ในระหว่างที่ขับรถมาแทบจะไม่มีรถผ่านไปผ่านมาเลย จนเพื่อนร่วมทริปถามว่า แน่ใจเหรอว่ามันมีที่นี่อยู่จริงๆ แต่พอไปถึงเท่านั้นค่ะ รถจอดเพียบ คนต่อคิวซื้อตั๋วกันเยอะแยะ จนกลัวว่าจะไม่ได้ดู
ได้ตั๋วมาแว้ววววววววว ^^
จขกท ได้รอบเวลา 11.40ค่ะ ใกล้เที่ยงพอดีแถมแดดยังแรงมากๆ โดยปกติแล้วที่นี่มีทัวร์เริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 3.30 pm โดยทัวร์จะออกทุกๆครึ่ง ชม แต่ถ้ามาจาก Rotorua หรือ Matamata ต้องเช็ครอบอีกทีค่ะ แต่วันที่ จขกท ไปนั้นอยุ่ในช่วงปีใหม่พอดี ดังนั้นทัวร์ออกแทบจะทุกๆ 10 นาทีค่ะ ย้ำ 10 นาที (ดังนั้น ในรูปบางรูปจะเห็นคณะทัวร์ยาวเหยียดเลยค่ะ)
ก่อนจะเริ่มทัวร์ ก็หาอะไรทาน ที่นี่มีคาเฟ่บริการด้วยนะคะ อาหารราคาปกติไม่แพงกว่าข้างนอกส่วนรสชาดไม่ต้องพูดถึงค่ะ
ทานอาหารแล้วก็เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย หน้าตาเหมือนประตูโบราณนะคะ เปิดเข้าปายยยย
เก๋ๆนะคะ
จากนั้นเมื่อทัวร์เริ่มไม่ใช่ว่าเดินเข้าไปชมกันได้ง่ายๆนะคะ ต้องนั่งรถบัสเข้าไปค่ะ หน้าตาแบบนี้
แล้วก็มีชื่อด้วย
ระหว่างที่นั่งรถบัสเข้าไป คนขับรถ (คันของ จขกท ชื่อ Big John ค่ะ แกตัวใหญ่สมชื่อ) ก็จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับฟาร์มแห่งนี้ให้ฟังคร่าวๆแล้วก็จะมีไกด์คนนึงไปกับเราด้วย ไกด์หนึ่งคนต่อลูกทัวร์ประมาณ 40 คนค่ะ
ถึงแล้ว
จขกทจำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมดนะคะ บ้านที่เห็นมีปล่องไฟนั้น จริงๆมีแค่ประตูบ้านกับสวนหย่อมหน้าบ้านค่ะ ฉากภายในบ้านฮอบบิทนั้นถ่ายในสตูดิโอ ดังนั้น "Hobbit never ลีฟ เฮีย" ค่ะ (เขียนเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ โดนแก้เป็นหน้ายิ้มแทน)
บ้านของฮอบบิทบางบ้านแบบเดียวกันจะมีสองขนาด เพื่อใช้ในการถ่ายทำสำหรับตัวละครที่คสรจะมีขนาดต่างกัน เช่น ถ้าเป็นบิลโบยืนอยู่หน้าบ้านจะใช้บ้านที่มีขนาด 100% แต่ถ้าเป็นแกนดัลฟ์มายืนอยู่จะถ่ายหน้าบ้านที่มีขนาด 60% ค่ะ เพื่อให้คนดูรู้สึกว่า โอ้ แกนดัลฟ์ตัวใหญ่จังเลย ทำนองนี้ค่ะ (เราไม่ได้ถ่ายรูปเทียบมาให้ดู มานึกออกตอนเขียนรีวิวนี่หล่ะค่ะ จริงๆคิดว่าคงไม่ได้ถ่ายกะบ้านหลังเล็ก กลัวจะออกมาเป็นออร์ค)
ด้านบนขวาของภาพนี้จะเห็นคณะทัวร์ยืนต่อแถวกันเรียงรายค่ะ แดดก็ร้อนจริงจัง
และแล้วก็มาถึงบ้านของ ใครเอ่ย......
โปรดสังเกต ต้นโอ๊คที่อยู่บนหลังคาบ้านของบิลโบนะคะ
ต้นนี้แหละค่ะ
ในสปอย เป็นเกร็ดที่ไกด์เล่าให้ฟังนะคะถ้าใครแพลนจะมาเที่ยวละยังไม่อยากรู้ ข้ามไปเลยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกร็ดเกี่ยวต้นไม้ในหนังเรื่องนี้ยังมีอีกนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่นี่เก็บรายละเอียดทุกอย่างนะคะ ทางด้านขวาของภาพมีกระทั่งราวตากผ้า ซึ่งไกด์ก็เล่าให้ฟังถึงความละเอียดของท่านเซอร์ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไกด์จะพาเราเดินเที่ยวพร้อมทั้งอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ในบางจุด บ้านฮอบบิทที่ประตูไม่เปิดก็ไม่อนุญาติให้ข้ามรั้วเข้าไปนะคะ ต้องถ่ายกันอยู่ข้างนอกเท่านั้น และพอสิ้นสุดทัวร์ไกด์จะพาเราไปยังผับแห่งนึงค่ะ จำกันได้มั้ย
เห็นอยู่ลิบๆพร้อมกับสะพานหินค่ะ
ในราคาค่าทัวร์จะรวมเครื่องดื่มเมื่อเสร็จทัวร์ด้วยนะคะ เดินกันมาร้อนๆจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
เบ็ดเสร็จรวมค่าทัวร์ทั้งหมด คนละ 75 NZD ค่ะ หรือราวๆ 2,000 บาท อาจจะราคาสูงซักเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แต่ถ้าสำหรับแฟนพันธุ์แท้ต้องบอกว่าคุ้มเลยค่ะ
อ้อ ลืมร้านขายของที่ระลึกได้ไงเนี่ย
ถ่ายมาแค่นี้เองค่ะ จขกทอยากได้แหวนแต่ไปถึงปรากฏว่าหมด คนช๊อปกันเยอะจริงๆค่ะ
ทัวร์นี้เหมาะสำหรับ ครอบครัว คนที่ชอบถ่ายรูป มีมุมนู้นนี้ให้ถ่าย อาจจะไม่เมหาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการเดินค่ะเพราะว่าต้องเดินขึ้นเขาแต่ก็เดินกันช้าๆนะคะ พาผู้สูงอายุไปค่อยๆเดินกันก็พอไหวค่ะ
สำหรับเรื่องภาษา ไกด์มีแต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวค่ะ แถมพูดกันไวมากจริงๆถ้าทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีจะได้อรรถรสในการชมมากขึ้นค่ะ
ลากันไปด้วยรูป จขกท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จขกท หวังว่า รีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และให้ความเพลิดเพลินแก่เพื่อนๆสมาชิกได้บ้างนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่าาาาา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น