วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2013 เวลา 21:39 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การเงิน Financial - คอลัมน์ : การเงิน-ตลาดทุน
ปี 2557 หรือปีมะเมีย นักวิเคราะห์ประเมินว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรกถือว่าเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงสุด คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.) รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดีมีปัจจัยบวกจากภายนอก คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นธุรกิจส่งออกจะได้ประโยชน์ บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ผลการดำเนินงานของบจ.ในปี 2557 จะขยายตัวได้ 13% โดยยังคงถูกผลักดันจากการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก แต่คาดว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจพลังงาน และการส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เป็นต้น ทั้งนี้"ฐานเศรษฐกิจ"ได้รวบรวมหุ้นเด่นน่าลงทุนปี 2557 ดังต่อไปนี้
***บมจ.เคซีอี อิเล็กทรอนิคส์ : KCE
บล.กสิกรไทย ฯยกให้KCE เป็นหุ้นเด่นน่าลงทุนปีมะเมีย โดยคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 2557 ที่ 25.40 บาท พร้อมระบุว่าผู้บริหารKCE เชื่อว่าความไม่สงบทางการเมืองจะไม่มีผลต่อการดำเนินงานของบริษัทเนื่องจากแหล่งรายได้หลักมาจากตลาดในต่างประเทศ เช่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ KCE มีแผนการคร่าวๆที่จะนำบริษัทลูก บริษัทไทยลามิเนต แมนูแฟคเจอเรอร์ จำกัด (TLM) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
KCE ประเมินมูลค่าโดยรวมของตลาด PCB ทั่วโลกที่ประมาณ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย KCE มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 1% ทำให้ยังมีโอกาสเติบโตในระดับโลกอีกมาก จากการที่ KCE มีฐานะเป็นผู้เล่นสำคัญในกลุ่ม PCB สำหรับยานยนต์ ฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทยฯ จึงเชื่อว่าบริษัทดังกล่าวอยู่ในสถานะที่ดีที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในอนาคต
นอกจากนี้กรณีมียอดสั่งซื้อจากลูกค้าที่ล้นหลาม KCE จึงคงเดินหน้าแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเป็นประมาณ 3.4 ล้านตารางฟุตต่อเดือนในอีก 3 ปีข้างหน้า หากอิงจากประมาณการของฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทยฯ ว่า KCE จะสามารถมียอดขายที่ประมาณ 9.2 พันล้านบาท ในปี 2556 ทำให้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มจะช่วยให้ KCE สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายที่ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้ นอกจากนี้การอ่อนตัวของค่าเงินบาทต่อค่าเงินสกุลอื่น อุปสงค์ที่แข็งแกร่งต่อ PCB และการขยายกำลังการผลิตจะหนุนผลการดำเนินงาน
***บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ :TUF
ด้านบล.เอเซีย พลัสฯ แนะนำ "ซื้อ" หุ้นTUF ให้ราคาเหมาะสม 76 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2557 ที่จะกลับมาเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มเกษตร-อาหาร
ทั้งนี้จากที่ประชุมนักวิเคราะห์ของTUF เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2556 ธุรกิจต่างประเทศทุกธุรกิจ (ได้แก่ บ.ย่อย MW Brands,Chicken of the Sea, Chicken of the Sea Frozen Foods และ US Pet Nutrition) ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวได้แสดงวิสัยทัศน์สำหรับธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า ที่ยังเห็นการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากปี 2556 ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง (อินโนเวชัน) อาทิ การพัฒนาสินค้าที่สะดวกต่อการดำรงชีวิตของผู้บริโภค นอกเหนือจากการเพิ่มมูลค่าของสินค้าเพื่อดึงดูดการยอมรับจากผู้บริโภค
ขณะเดียวกันบริษัทย่อยข้างต้นยังสามารถใช้ความได้เปรียบจาก TUF ที่ดำเนินธุรกิจอาหารทะเลครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จึงช่วยจัดหาต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน นอกจากนี้ในส่วนแต่ละบริษัทย่อยยังมีกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจเพิ่มเติมอีก อาทิ กลยุทธ์ขยายตลาดเชิงรุก (บ.ย่อย MW Brands)เพื่อครอบคลุมผู้บริโภคในกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก (บ.ย่อย Chicken of the Sea) ภายใต้แคมเปญ ฉลองครบรอบ 100 ปี Chicken of the Sea ผ่านช่องทางโฆษณาทุกรูปแบบ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอาหารทะเลกระป๋อง และแช่แข็งในสหรัฐฯ
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัสฯ ประเมินว่ากำไรสุทธิปี 2557 ของ TUF จะอยู่ที่ระดับ 5.8 พันล้านบาท เติบโตโดดเด่น 59% จากปีนี้ นอกจากนี้เชื่อว่าแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิน)ปี 2557 จะปรับตัวสูงขึ้นสู่ 15.4% จาก 13.3% ในปี 2556
***บมจ.บางกอกแลนด์ : BLAND
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ"ทยอยสะสม"หุ้นBLAND ให้ราคาเหมาะสมที่ 2.80 บาท มองว่าเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไป และให้เป็น 1 ใน 7 หุ้นเด่นสำหรับการลงทุนในปี 2557 เนื่องจากราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ในไตรมาส 1/57 คือ การนำทรัพย์สินของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองรีทส์ ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาสแรก เช่น ขนาดกองทุน,วันจองซื้อ และวันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้จะเป็นประเด็นบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของBLAND ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่า BLAND จะได้มีกำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองรีทส์สูงถึง 2.8-3 พันล้านบาท บนสมมติฐานขนาดกองทุนที่ 1.9-2 หมื่นล้านบาท และได้รับเงินสดสุทธิ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสูงถึง 8 พันล้านบาท
ผนวกกับราคาหุ้น BLAND ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 2.25 บาท และคาดว่าผลประกอบการปี 2556/2557 จะเติบโตสูงถึง 77% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 4.14 พันล้านบาท จากการรับรู้กำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองรีทส์ในรอบบัญชี ไตรมาส 4 (ม.ค.- มี.ค.57)
***บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร : CPF
บทวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไร CPF ในปี 2557 จากการฟื้นตัวของธุรกิจกุ้ง ธุรกิจในต่างประเทศ และธุรกิจปศุสัตว์ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้เปลี่ยนสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2556-2557 ขึ้น 1-3% ซึ่งปี 2556 คาดว่าจะมีกำไร 6.09 พันล้านบาท และปี 2557 น่าจะมีกำไรหมื่นกว่าล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงสมมติฐานค่าเงินใหม่ โดยคาดว่าปี 2557 เงินบาทจะอ่อนค่าเป็น 32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ในอีกด้านหนึ่ง ราคาผลิตภัณฑ์ประเภทฟาร์มที่ลดลงในไตรมาส 4/56 ก็น่าจะถูกชดเชยโดยราคาวัตถุดิบที่ลดลงซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรทรงตัว ราคาข้าวโพดเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 8 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.3 บาทในขณะที่ราคาถั่วเหลืองก็ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ยิ่งไปกว่านั้น ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้มากในอเมริกาใต้ก็น่าจะฉุดให้ราคาวัตถุดิบลดลงได้อีก 10% ในปีหน้า
บล.เคจีไอฯ ยังได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นCPF จาก 31 บาทเป็น 34 บาท จากการปรับอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (พีอี เรโช) ที่เหมาะสม สำหรับธุรกิจหลักของ CPF เป็น 16 เท่า ในปี 2557 จากเดิม 15 เท่า ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยในภูมิภาค และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น CPF
***บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย): DELTA
บล.บัวหลวงฯ คาดว่าปี 2557 DELTA จะรายงานกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14.8%) หนุนโดยยอดขายชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Data Center ชิ้น
ส่วนยานยนต์และ Telecom Power Systems อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายถือเป็นปัจจัยหลักหนุนแผนกำไรปรับตัวดีขึ้นเชื่อว่าบริษัทจะสามารถควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 14.6% ในปี 2557 เทียบกับประมาณ 15.3% ในปี 2556
คงประมาณการกำไรหลักของปี 2556 ไม่เปลี่ยนแปลง 5.2 พันล้านบาท กำไรหลัก 9 เดือนแรกของปี 2556 คิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปีและคิดเป็น 80% ของตลาด ฝ่ายวิจัยฯชอบปัจจัยพื้นฐานของ DELTA สำหรับแนวโน้มกำไรหลักเติบโตแข็งแกร่งหนุนโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นและอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ลดลง จากแนวโน้มกำไรหลักเติบโตปี 2557 14.8% คิดว่าอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช) หลักที่ 10.2 เท่าสำหรับปี 2557 ยังคงเป็นจุดที่น่าเข้าซื้อ ดังนั้น แนะนำ "ซื้อ"หุ้น DELTA ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2557 เท่ากับ 57 บาท
***บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท

S
บล.เคเคเทรดฯ คาดกำไรไตรมาส 4/56 ของPS ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง มูลค่างานในมือ(แบ็กล็อก)ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่จะสามารถรับรู้ได้ในไตรมาส 4/56 จำนวน 1.61 หมื่นล้านบาท, 1.17 หมื่นล้านบาท ในปี 2557, 1.15 หมื่นล้านบาท ในปี 2558 และ 4.7 พันล้านบาท ในปี 2559
PSก่อสร้างโรงงาน Precast เพิ่มอีก 2 แห่ง หนุนการเติบโตปี 2557 ปัจจุบันโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป (Precast Concrete Factory) ทั้ง 5 แห่งของ PS ดำเนินการเต็มกำลังการผลิตแล้ว ทำให้บริษัทมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง ด้วยกำลังการผลิตรวมคิดเป็นบ้าน 480 หลังต่อเดือน ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตได้ในปี 2557 โดยการลงทุนที่ใช้ในการก่อสร้างโรงงานคิดเป็น 2.2 พันล้านบาท
คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น PS จากทีมผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพ, ผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม, การเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2557 และมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างน่าสนใจ ราคาหุ้นซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช) ที่ 9.3 เท่าในปี 2557 ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯที่ยกให้ปี 2557 PS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมีมุมมองเชิงบวกด้านการเติบโตของยอดจอง และผลประกอบการที่คาดว่าจะดีกว่ากลุ่ม รวมถึงการขยายโรงงาน Precast เพื่อรองรับการก่อสร้างที่ขยายตัวและลดระยะเวลาการก่อสร้างให้สั้นลง แนะนำ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 31.30 บาท
alt***บมจ.ปตท.สำรวจและผลิต : PTTEP
ปี 2557 หุ้นPTTEP กลับมาเป็นหุ้นเด่นอีกครั้ง โดยบล.ไอร่าฯ ระบุว่า การเติบโตต่อเนื่องของ PTTEP ในปี 2557 จะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 340 kboed จากการเปิดดำเนินงานของโครงการซอติก้าในประเทศเมียนมาร์ ในขณะที่การเติบโตในระยะยาวจะมาจากการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในโครงการ LNG ประเทศโมซัมบิก ปัจจุบันมีความคืบหน้าเบื้องต้นในการเจรจาขาย LNG โดยการลงนามกับ Anadarko ปริมาณ 2.6 ล้านตันต่อปี คาดจะผลิตได้ในปี 2561 ส่วนราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลกปี 2557 ฟื้นตัวจากการรายงานของ IEA เมื่อ 11 ธันวาคม 2556 ได้ปรับเพิ่มประมาณการใช้น้ำมันดิบในปี 2556 ขึ้นอีก 130 kbd เป็น 91.2 mbd และจะเพิ่มขึ้นอีก 1.3% เป็น 92.4 mbd ในปี 2557 ปัจจัยหลักมาจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของกลุ่มประเทศ OECD ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด จากการเฟ้นตัวทางเศรษฐกิจ
ดังนั้นแนะนำ "ซื้อลงทุน" ให้ราคาเป้าหมายปี 2557 ที่ 200 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี เรโช)ปี 2557 ที่เพียง 9.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มในภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ 14.3 เท่า
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวว่า ปริมาณขายปิโตรเลียมในปี 2557 คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 15% จากเดิมคาดเติบโตกว่า 10% จากปี 2556 ที่คาดปริมาณขายอยู่ที่ 2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน
***บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล : PTTGC
บทวิเคราะห์บล.กสิกรไทยฯ คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น PTTGC ให้เป้าระยะสั้น 82-84 บาท และขายเมื่อหลุด 78 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และราคาพลังงานในระดับดอลลาร์สหรัฐฯที่ไม่สูงเกินไป รวมทั้งหุ้นซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)ที่ 10.6 เท่า และให้ปันผล 3.8% และ 4.9% ปี 2556-2557
โดยคาดว่ากำไรปี 2557 น่าจะดีขึ้นจากผลผลิตที่กลับสู่ระดับปกติ และยังคงเห็นว่า PTTGC นั้นราคาไม่แพงและต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน อีกทั้งยังคงชอบข้อตกลงทางกลยุทธ์ในเรื่องก๊าชที่ใช้ในการผลิต และการเติบโตในอีกหลายปีข้างหน้า อันได้แก่ การประหยัดต้นทุน การปรับปรุงกระบวนการผลิต การขยายจากภายในในส่วนของ PTT Phenol คาด
หุ้นเด่นปีมะเมีย
ปี 2557 หรือปีมะเมีย นักวิเคราะห์ประเมินว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรกถือว่าเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงสุด คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.) รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดีมีปัจจัยบวกจากภายนอก คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นธุรกิจส่งออกจะได้ประโยชน์ บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ผลการดำเนินงานของบจ.ในปี 2557 จะขยายตัวได้ 13% โดยยังคงถูกผลักดันจากการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก แต่คาดว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจพลังงาน และการส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เป็นต้น ทั้งนี้"ฐานเศรษฐกิจ"ได้รวบรวมหุ้นเด่นน่าลงทุนปี 2557 ดังต่อไปนี้
***บมจ.เคซีอี อิเล็กทรอนิคส์ : KCE
บล.กสิกรไทย ฯยกให้KCE เป็นหุ้นเด่นน่าลงทุนปีมะเมีย โดยคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 2557 ที่ 25.40 บาท พร้อมระบุว่าผู้บริหารKCE เชื่อว่าความไม่สงบทางการเมืองจะไม่มีผลต่อการดำเนินงานของบริษัทเนื่องจากแหล่งรายได้หลักมาจากตลาดในต่างประเทศ เช่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ KCE มีแผนการคร่าวๆที่จะนำบริษัทลูก บริษัทไทยลามิเนต แมนูแฟคเจอเรอร์ จำกัด (TLM) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
KCE ประเมินมูลค่าโดยรวมของตลาด PCB ทั่วโลกที่ประมาณ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย KCE มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 1% ทำให้ยังมีโอกาสเติบโตในระดับโลกอีกมาก จากการที่ KCE มีฐานะเป็นผู้เล่นสำคัญในกลุ่ม PCB สำหรับยานยนต์ ฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทยฯ จึงเชื่อว่าบริษัทดังกล่าวอยู่ในสถานะที่ดีที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในอนาคต
นอกจากนี้กรณีมียอดสั่งซื้อจากลูกค้าที่ล้นหลาม KCE จึงคงเดินหน้าแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเป็นประมาณ 3.4 ล้านตารางฟุตต่อเดือนในอีก 3 ปีข้างหน้า หากอิงจากประมาณการของฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทยฯ ว่า KCE จะสามารถมียอดขายที่ประมาณ 9.2 พันล้านบาท ในปี 2556 ทำให้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มจะช่วยให้ KCE สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายที่ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้ นอกจากนี้การอ่อนตัวของค่าเงินบาทต่อค่าเงินสกุลอื่น อุปสงค์ที่แข็งแกร่งต่อ PCB และการขยายกำลังการผลิตจะหนุนผลการดำเนินงาน
***บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ :TUF
ด้านบล.เอเซีย พลัสฯ แนะนำ "ซื้อ" หุ้นTUF ให้ราคาเหมาะสม 76 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2557 ที่จะกลับมาเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มเกษตร-อาหาร
ทั้งนี้จากที่ประชุมนักวิเคราะห์ของTUF เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2556 ธุรกิจต่างประเทศทุกธุรกิจ (ได้แก่ บ.ย่อย MW Brands,Chicken of the Sea, Chicken of the Sea Frozen Foods และ US Pet Nutrition) ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวได้แสดงวิสัยทัศน์สำหรับธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า ที่ยังเห็นการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากปี 2556 ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง (อินโนเวชัน) อาทิ การพัฒนาสินค้าที่สะดวกต่อการดำรงชีวิตของผู้บริโภค นอกเหนือจากการเพิ่มมูลค่าของสินค้าเพื่อดึงดูดการยอมรับจากผู้บริโภค
ขณะเดียวกันบริษัทย่อยข้างต้นยังสามารถใช้ความได้เปรียบจาก TUF ที่ดำเนินธุรกิจอาหารทะเลครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จึงช่วยจัดหาต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน นอกจากนี้ในส่วนแต่ละบริษัทย่อยยังมีกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจเพิ่มเติมอีก อาทิ กลยุทธ์ขยายตลาดเชิงรุก (บ.ย่อย MW Brands)เพื่อครอบคลุมผู้บริโภคในกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก (บ.ย่อย Chicken of the Sea) ภายใต้แคมเปญ ฉลองครบรอบ 100 ปี Chicken of the Sea ผ่านช่องทางโฆษณาทุกรูปแบบ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอาหารทะเลกระป๋อง และแช่แข็งในสหรัฐฯ
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัสฯ ประเมินว่ากำไรสุทธิปี 2557 ของ TUF จะอยู่ที่ระดับ 5.8 พันล้านบาท เติบโตโดดเด่น 59% จากปีนี้ นอกจากนี้เชื่อว่าแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิน)ปี 2557 จะปรับตัวสูงขึ้นสู่ 15.4% จาก 13.3% ในปี 2556
***บมจ.บางกอกแลนด์ : BLAND
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ"ทยอยสะสม"หุ้นBLAND ให้ราคาเหมาะสมที่ 2.80 บาท มองว่าเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไป และให้เป็น 1 ใน 7 หุ้นเด่นสำหรับการลงทุนในปี 2557 เนื่องจากราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ในไตรมาส 1/57 คือ การนำทรัพย์สินของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองรีทส์ ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาสแรก เช่น ขนาดกองทุน,วันจองซื้อ และวันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้จะเป็นประเด็นบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของBLAND ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่า BLAND จะได้มีกำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองรีทส์สูงถึง 2.8-3 พันล้านบาท บนสมมติฐานขนาดกองทุนที่ 1.9-2 หมื่นล้านบาท และได้รับเงินสดสุทธิ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสูงถึง 8 พันล้านบาท
ผนวกกับราคาหุ้น BLAND ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 2.25 บาท และคาดว่าผลประกอบการปี 2556/2557 จะเติบโตสูงถึง 77% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 4.14 พันล้านบาท จากการรับรู้กำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองรีทส์ในรอบบัญชี ไตรมาส 4 (ม.ค.- มี.ค.57)
***บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร : CPF
บทวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไร CPF ในปี 2557 จากการฟื้นตัวของธุรกิจกุ้ง ธุรกิจในต่างประเทศ และธุรกิจปศุสัตว์ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้เปลี่ยนสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2556-2557 ขึ้น 1-3% ซึ่งปี 2556 คาดว่าจะมีกำไร 6.09 พันล้านบาท และปี 2557 น่าจะมีกำไรหมื่นกว่าล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงสมมติฐานค่าเงินใหม่ โดยคาดว่าปี 2557 เงินบาทจะอ่อนค่าเป็น 32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ในอีกด้านหนึ่ง ราคาผลิตภัณฑ์ประเภทฟาร์มที่ลดลงในไตรมาส 4/56 ก็น่าจะถูกชดเชยโดยราคาวัตถุดิบที่ลดลงซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรทรงตัว ราคาข้าวโพดเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 8 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.3 บาทในขณะที่ราคาถั่วเหลืองก็ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ยิ่งไปกว่านั้น ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้มากในอเมริกาใต้ก็น่าจะฉุดให้ราคาวัตถุดิบลดลงได้อีก 10% ในปีหน้า
บล.เคจีไอฯ ยังได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นCPF จาก 31 บาทเป็น 34 บาท จากการปรับอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (พีอี เรโช) ที่เหมาะสม สำหรับธุรกิจหลักของ CPF เป็น 16 เท่า ในปี 2557 จากเดิม 15 เท่า ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยในภูมิภาค และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น CPF
***บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย): DELTA
บล.บัวหลวงฯ คาดว่าปี 2557 DELTA จะรายงานกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14.8%) หนุนโดยยอดขายชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Data Center ชิ้น
ส่วนยานยนต์และ Telecom Power Systems อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายถือเป็นปัจจัยหลักหนุนแผนกำไรปรับตัวดีขึ้นเชื่อว่าบริษัทจะสามารถควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 14.6% ในปี 2557 เทียบกับประมาณ 15.3% ในปี 2556
คงประมาณการกำไรหลักของปี 2556 ไม่เปลี่ยนแปลง 5.2 พันล้านบาท กำไรหลัก 9 เดือนแรกของปี 2556 คิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปีและคิดเป็น 80% ของตลาด ฝ่ายวิจัยฯชอบปัจจัยพื้นฐานของ DELTA สำหรับแนวโน้มกำไรหลักเติบโตแข็งแกร่งหนุนโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นและอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ลดลง จากแนวโน้มกำไรหลักเติบโตปี 2557 14.8% คิดว่าอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช) หลักที่ 10.2 เท่าสำหรับปี 2557 ยังคงเป็นจุดที่น่าเข้าซื้อ ดังนั้น แนะนำ "ซื้อ"หุ้น DELTA ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2557 เท่ากับ 57 บาท
***บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท
บล.เคเคเทรดฯ คาดกำไรไตรมาส 4/56 ของPS ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง มูลค่างานในมือ(แบ็กล็อก)ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่จะสามารถรับรู้ได้ในไตรมาส 4/56 จำนวน 1.61 หมื่นล้านบาท, 1.17 หมื่นล้านบาท ในปี 2557, 1.15 หมื่นล้านบาท ในปี 2558 และ 4.7 พันล้านบาท ในปี 2559
PSก่อสร้างโรงงาน Precast เพิ่มอีก 2 แห่ง หนุนการเติบโตปี 2557 ปัจจุบันโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป (Precast Concrete Factory) ทั้ง 5 แห่งของ PS ดำเนินการเต็มกำลังการผลิตแล้ว ทำให้บริษัทมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง ด้วยกำลังการผลิตรวมคิดเป็นบ้าน 480 หลังต่อเดือน ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตได้ในปี 2557 โดยการลงทุนที่ใช้ในการก่อสร้างโรงงานคิดเป็น 2.2 พันล้านบาท
คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น PS จากทีมผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพ, ผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม, การเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2557 และมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างน่าสนใจ ราคาหุ้นซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช) ที่ 9.3 เท่าในปี 2557 ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯที่ยกให้ปี 2557 PS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมีมุมมองเชิงบวกด้านการเติบโตของยอดจอง และผลประกอบการที่คาดว่าจะดีกว่ากลุ่ม รวมถึงการขยายโรงงาน Precast เพื่อรองรับการก่อสร้างที่ขยายตัวและลดระยะเวลาการก่อสร้างให้สั้นลง แนะนำ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 31.30 บาท
alt***บมจ.ปตท.สำรวจและผลิต : PTTEP
ปี 2557 หุ้นPTTEP กลับมาเป็นหุ้นเด่นอีกครั้ง โดยบล.ไอร่าฯ ระบุว่า การเติบโตต่อเนื่องของ PTTEP ในปี 2557 จะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 340 kboed จากการเปิดดำเนินงานของโครงการซอติก้าในประเทศเมียนมาร์ ในขณะที่การเติบโตในระยะยาวจะมาจากการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในโครงการ LNG ประเทศโมซัมบิก ปัจจุบันมีความคืบหน้าเบื้องต้นในการเจรจาขาย LNG โดยการลงนามกับ Anadarko ปริมาณ 2.6 ล้านตันต่อปี คาดจะผลิตได้ในปี 2561 ส่วนราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลกปี 2557 ฟื้นตัวจากการรายงานของ IEA เมื่อ 11 ธันวาคม 2556 ได้ปรับเพิ่มประมาณการใช้น้ำมันดิบในปี 2556 ขึ้นอีก 130 kbd เป็น 91.2 mbd และจะเพิ่มขึ้นอีก 1.3% เป็น 92.4 mbd ในปี 2557 ปัจจัยหลักมาจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของกลุ่มประเทศ OECD ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด จากการเฟ้นตัวทางเศรษฐกิจ
ดังนั้นแนะนำ "ซื้อลงทุน" ให้ราคาเป้าหมายปี 2557 ที่ 200 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี เรโช)ปี 2557 ที่เพียง 9.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มในภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ 14.3 เท่า
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวว่า ปริมาณขายปิโตรเลียมในปี 2557 คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 15% จากเดิมคาดเติบโตกว่า 10% จากปี 2556 ที่คาดปริมาณขายอยู่ที่ 2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน
***บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล : PTTGC
บทวิเคราะห์บล.กสิกรไทยฯ คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น PTTGC ให้เป้าระยะสั้น 82-84 บาท และขายเมื่อหลุด 78 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และราคาพลังงานในระดับดอลลาร์สหรัฐฯที่ไม่สูงเกินไป รวมทั้งหุ้นซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)ที่ 10.6 เท่า และให้ปันผล 3.8% และ 4.9% ปี 2556-2557
โดยคาดว่ากำไรปี 2557 น่าจะดีขึ้นจากผลผลิตที่กลับสู่ระดับปกติ และยังคงเห็นว่า PTTGC นั้นราคาไม่แพงและต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน อีกทั้งยังคงชอบข้อตกลงทางกลยุทธ์ในเรื่องก๊าชที่ใช้ในการผลิต และการเติบโตในอีกหลายปีข้างหน้า อันได้แก่ การประหยัดต้นทุน การปรับปรุงกระบวนการผลิต การขยายจากภายในในส่วนของ PTT Phenol คาด