แนะต.ค.ลงทุนรายกลุ่ม
06 ต.ค. 2556, 08:33 น.
โดย...บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)
“อาภาภรณ์ แสวงพรรค” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เห็นว่ายังไปได้ดีและราคาไม่แพง โดยให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าสินเชื่อปีนี้และปี 2557 จะเติบโตในอัตราเลขสองหลักต้นๆ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตสูง ขณะที่สัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) ปี 2556-2557 ต่ำเพียง 10 เท่า และ 9 เท่า ส่วนอัตราเติบโตพี/อี เท่ากับ 0.6-0.7 เท่า
กลุ่มสื่อสาร จุดเด่น คือ การเติบโตของรายได้และกำไรที่มาจากมูลค่าเพิ่มของธุรกิจ 3จี ใหม่ ซึ่งมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนที่หันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่น้อยลง
นักวิเคราะห์ใน S&P Capital IQ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของกลุ่มจะเติบโตเฉลี่ย 14% ในปี 2556 และขยายตัว 20% ในปี 2557
กลุ่มขนส่งและท่องเที่ยว ความต้องการใช้ทางด่วนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการใช้รถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตแข็งแกร่ง หนุนธุรกิจสายการบิน และทำให้โรงแรม รีสอร์ท มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น และอัตราค่าห้องพักสามารถขยับขึ้นได้ด้วย รวมทั้งคาดว่าธุรกิจขนส่งและท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในระยะยาวด้วย
นอกจากนั้นยังให้กรอบดัชนี ปี 2556 มีกรอบบน 1,387/1,489 จุด กรอบล่าง 1,285/1,183 จุด ส่วนปี 2557 มีกรอบบน 1,596/1,714 จุด กรอบล่าง 1,479/1,361 จุด ปัจจัยหนุนตลาดในเดือน ต.ค. 2556 ประกอบด้วย เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในไตรมาส 3/2556 โดยเฉพาะจีนที่อัตราเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) น่าจะบวกมากกว่า 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตต่อเนื่อง วิกฤตซีเรียคลี่คลาย เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานต่ำมาก เงินเฟ้อไม่สูง และสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 47% ของจีดีพี (ค่ากลางของภูมิภาคเอเชียเท่ากับ 31% ของจีดีพี และคิดเป็น 2.8 เท่าของหนี้สินระยะสั้น ภาคส่งออกของไทยเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค.2556 ขยายตัว 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 7.4% จาก เดือน ก.ย. รวมทั้งอัตราเติบโตกำไรต่อหุ้นของตลาดในปีนี้ยังสูงที่ 17% และเป็น 15% ในปี 2557
อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยเสี่ยงและไม่แน่นอน เช่น การทยอยลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี 3) สหรัฐ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะประชุมรอบต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค. 2556 การคลังสหรัฐ ทั้งเรื่องร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2557 ที่ยังไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ทำให้รัฐบาลสหรัฐประกาศปิดดำเนินการในบางหน่วยงาน และการขอขยายเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาล ซึ่งหนี้สินรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นสู่เพดานสูงสุด 16.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ+ ในกลางเดือน ต.ค.นี้ การเคลื่อนย้ายเงินทุนทำให้ค่าเงินผันผวน ความไม่แน่นอนของการเมืองภายใน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยเรื่องการแก้กฎหมายในมาตราเกี่ยวกับที่มาของ สว. และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ไปแล้ว และในเดือน ต.ค.-พ.ย. จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิการเมืองสูงขึ้น
ข่าว แนะ ต.ค. ลงทุนรายกลุ่ม
06 ต.ค. 2556, 08:33 น.
โดย...บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)
“อาภาภรณ์ แสวงพรรค” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เห็นว่ายังไปได้ดีและราคาไม่แพง โดยให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าสินเชื่อปีนี้และปี 2557 จะเติบโตในอัตราเลขสองหลักต้นๆ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตสูง ขณะที่สัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) ปี 2556-2557 ต่ำเพียง 10 เท่า และ 9 เท่า ส่วนอัตราเติบโตพี/อี เท่ากับ 0.6-0.7 เท่า
กลุ่มสื่อสาร จุดเด่น คือ การเติบโตของรายได้และกำไรที่มาจากมูลค่าเพิ่มของธุรกิจ 3จี ใหม่ ซึ่งมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนที่หันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่น้อยลง
นักวิเคราะห์ใน S&P Capital IQ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของกลุ่มจะเติบโตเฉลี่ย 14% ในปี 2556 และขยายตัว 20% ในปี 2557
กลุ่มขนส่งและท่องเที่ยว ความต้องการใช้ทางด่วนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการใช้รถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตแข็งแกร่ง หนุนธุรกิจสายการบิน และทำให้โรงแรม รีสอร์ท มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น และอัตราค่าห้องพักสามารถขยับขึ้นได้ด้วย รวมทั้งคาดว่าธุรกิจขนส่งและท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในระยะยาวด้วย
นอกจากนั้นยังให้กรอบดัชนี ปี 2556 มีกรอบบน 1,387/1,489 จุด กรอบล่าง 1,285/1,183 จุด ส่วนปี 2557 มีกรอบบน 1,596/1,714 จุด กรอบล่าง 1,479/1,361 จุด ปัจจัยหนุนตลาดในเดือน ต.ค. 2556 ประกอบด้วย เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในไตรมาส 3/2556 โดยเฉพาะจีนที่อัตราเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) น่าจะบวกมากกว่า 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตต่อเนื่อง วิกฤตซีเรียคลี่คลาย เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานต่ำมาก เงินเฟ้อไม่สูง และสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 47% ของจีดีพี (ค่ากลางของภูมิภาคเอเชียเท่ากับ 31% ของจีดีพี และคิดเป็น 2.8 เท่าของหนี้สินระยะสั้น ภาคส่งออกของไทยเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค.2556 ขยายตัว 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 7.4% จาก เดือน ก.ย. รวมทั้งอัตราเติบโตกำไรต่อหุ้นของตลาดในปีนี้ยังสูงที่ 17% และเป็น 15% ในปี 2557
อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยเสี่ยงและไม่แน่นอน เช่น การทยอยลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี 3) สหรัฐ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะประชุมรอบต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค. 2556 การคลังสหรัฐ ทั้งเรื่องร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2557 ที่ยังไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ทำให้รัฐบาลสหรัฐประกาศปิดดำเนินการในบางหน่วยงาน และการขอขยายเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาล ซึ่งหนี้สินรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นสู่เพดานสูงสุด 16.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ+ ในกลางเดือน ต.ค.นี้ การเคลื่อนย้ายเงินทุนทำให้ค่าเงินผันผวน ความไม่แน่นอนของการเมืองภายใน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยเรื่องการแก้กฎหมายในมาตราเกี่ยวกับที่มาของ สว. และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ไปแล้ว และในเดือน ต.ค.-พ.ย. จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิการเมืองสูงขึ้น