เชื่อมั้ย? สมัยเด็กวัยเรียนเราไม่เคยคิดหรือสนใจคนที่มีน้อยกว่าเราเลย ไม่ได้สนใจเรื่องราวเหล่านั้นเป็นพิเศษ หรือสำคัญอะไรกับชีวิตเราเท่าไหร่นัก คิดถึงแต่ตัวเราเอง หรือแค่คนในครอบครัวตัวเองเท่านั้น ว่าอยากได้อะไร อยากกินอะไร ก็พยายามหามาตอบสนองตัวเอง อาหารตามร้านอะไรที่อร่อยก็ไปลองกิน และมักจะหาเหตุผลให้กับตัวเราเองเสมอว่านานๆที หรือกินเพราะวันพิเศษโน่น นี่ นั่น เรียกว่าหาเหตุไปเรื่อยแหละ เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกว่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง
แต่เมื่อวันเวลามันผ่านไป เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความคิดไตร่ตรองละเอียดขึ้น ได้ฟังเรื่องราวจากคนอื่นๆ ได้เสพเรื่องราวจากเน็ตเวิร์คต่างๆ มันทำให้เรามีจิตสำนึกไปในทางบวก เห็นใจ เข้าใจอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นกว่าสมัยเด็กวัยรุ่น เรารับรู้ข้อมูลมาเยอะแยะมากมาย แต่มีอยู่เรื่องนึงที่สะดุดเรามากเมื่อไม่นานมานี้เอง และเวลาเจอใครก็อดที่จะเล่าหรือแชร์ต่อไม่ได้จริงๆ
(ขออนุญาตนำเรื่องของน้องคนนึงมาแชร์นะคะ เพราะรู้สึกดีมากๆเลย) น้องเค้าเล่าให้ฟังว่าไปเดินตลาดเจอยายแก่ๆอายุราว 80 ปีขึ้นคนนึง แกไม่ได้ใส่เสื้อหนาว ทั้งๆที่อากาศในเดือนธันวาก็เย็นอยู่ แกตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาขายผักหน้าตลาด ซึ่งผักนั้นก็ไม่สดใหม่เหมือนในตลาดหรอกค่ะ เพราะแกเก็บเอาตามข้างป่า และเดินมาขายที่หน้าตลาดแห่งนั้น ผักนั้นเหี่ยวไม่ต่างอะไรกับสภาพคนแก่คนนึงที่นั่งรอขายไปทั้งวันจนกว่าผักนั้นจะขายหมดเพียงเพื่อได้เงินกลับบ้านไปไม่กี่บาทเท่านั้นเอง น้องเค้าเห็นยายคนนี้มาหลายครั้งแล้วค่ะ ครั้งนี้น้องเค้าเลยตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับยายและบอกแกว่า ....
น้อง : "หนูขอเหมาทั้งหมดนั่นเลยค่ะ ยาย"
ยายทำหน้างงๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าที่เหี่ยวย่นนั้น พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ และตอบว่า ...
ยาย : "วันนี้ยายขายหมดเร็ว ยายจะได้รีบกลับบ้านไปหาตา"
น้องเค้ายื่นเงินให้ยายจำนวน 1 พันบาท พร้อมกับถามยายว่า ...
น้อง : "ยายจะเอาผักนั้นไว้ขายต่อมั้ยคะ"
ยายแกปฏิเสธพร้อมกับเก็บผักเหล่านั้นใส่ถุงให้เรียบร้อย และเตรียมหาเงินมาทอนให้ น้องเค้าบอกยายว่า ...
น้อง : "ไม่เป็นไรค่ะ ยาย หนูให้ ยายเก็บไว้เถอะ"
ยายยกมือไหว้ขอบคุณเป็นยกใหญ่ และบอกว่า ...
ยาย : "ยายจะแบ่งไปทำบุญนะ"
น้องเค้าบอกว่าบางคนเลือกที่จะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยกินข้าวทีมื้อนึงหลักร้อยหลักพันโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แต่สำหรับบางคนเค้าสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ได้ตั้งหลายมื้อ และกินข้าวได้หลายคนอีกด้วย
เรื่องเล่านี้ทำให้เรารู้สึกดีกับน้องเค้ามากๆเลยค่ะ มันมีส่วนทำให้เรามานั่งคิดว่าทุกวันนี้ทำไมบางมื้อเราต้องกินอาหารแพงๆ เพียงเพื่อตอบสนองความอยากของตัวเองเท่านั้นหรือ อาหารก็คืออาหาร กินเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ไม่ใช่แค่กินเพราะอยากกินเท่า่นั้น กินแค่พออิ่ม ไม่ใช่กินแบบยัดๆเข้าไป หรือสั่งมากินทิ้งกินขว้างแบบใครหลายๆคน เวลาเราไปกินที่ไหนที่มีบริการดีๆ เราก็จะบอกแฟนให้ทิปน้องไปเถอะ คนพวกนี้ก็หาเลี้ยงตนเองด้วยความขยัน เรียกว่ากระจายรายได้ค่ะ (แต่ต้องเป็นคนขยันทำมาหากินนะคะ มันดูออกค่ะ) ไม่ีใช่แบมือขอเงินไปวันๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีคนให้ แล้วจะเอาอะไรกิน
เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่เกิดมาไม่ต้องไปลำบากขนาดนั้น ทุกวันนี้มีกินมีใช้อย่างเพียงพอ ไม่ต้องมีมาก แค่รู้จักใช้ และรู้จักแบ่งปันให้กับคนที่เค้ามีน้อยกว่าเราบ้างไม่มากก็น้อย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ^________________^
แชร์ความคิดดีๆ ในการแบ่งปันให้ใครซักคนที่มีน้อยกว่าเราค่ะ
แต่เมื่อวันเวลามันผ่านไป เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความคิดไตร่ตรองละเอียดขึ้น ได้ฟังเรื่องราวจากคนอื่นๆ ได้เสพเรื่องราวจากเน็ตเวิร์คต่างๆ มันทำให้เรามีจิตสำนึกไปในทางบวก เห็นใจ เข้าใจอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นกว่าสมัยเด็กวัยรุ่น เรารับรู้ข้อมูลมาเยอะแยะมากมาย แต่มีอยู่เรื่องนึงที่สะดุดเรามากเมื่อไม่นานมานี้เอง และเวลาเจอใครก็อดที่จะเล่าหรือแชร์ต่อไม่ได้จริงๆ
(ขออนุญาตนำเรื่องของน้องคนนึงมาแชร์นะคะ เพราะรู้สึกดีมากๆเลย) น้องเค้าเล่าให้ฟังว่าไปเดินตลาดเจอยายแก่ๆอายุราว 80 ปีขึ้นคนนึง แกไม่ได้ใส่เสื้อหนาว ทั้งๆที่อากาศในเดือนธันวาก็เย็นอยู่ แกตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาขายผักหน้าตลาด ซึ่งผักนั้นก็ไม่สดใหม่เหมือนในตลาดหรอกค่ะ เพราะแกเก็บเอาตามข้างป่า และเดินมาขายที่หน้าตลาดแห่งนั้น ผักนั้นเหี่ยวไม่ต่างอะไรกับสภาพคนแก่คนนึงที่นั่งรอขายไปทั้งวันจนกว่าผักนั้นจะขายหมดเพียงเพื่อได้เงินกลับบ้านไปไม่กี่บาทเท่านั้นเอง น้องเค้าเห็นยายคนนี้มาหลายครั้งแล้วค่ะ ครั้งนี้น้องเค้าเลยตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับยายและบอกแกว่า ....
น้อง : "หนูขอเหมาทั้งหมดนั่นเลยค่ะ ยาย"
ยายทำหน้างงๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าที่เหี่ยวย่นนั้น พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ และตอบว่า ...
ยาย : "วันนี้ยายขายหมดเร็ว ยายจะได้รีบกลับบ้านไปหาตา"
น้องเค้ายื่นเงินให้ยายจำนวน 1 พันบาท พร้อมกับถามยายว่า ...
น้อง : "ยายจะเอาผักนั้นไว้ขายต่อมั้ยคะ"
ยายแกปฏิเสธพร้อมกับเก็บผักเหล่านั้นใส่ถุงให้เรียบร้อย และเตรียมหาเงินมาทอนให้ น้องเค้าบอกยายว่า ...
น้อง : "ไม่เป็นไรค่ะ ยาย หนูให้ ยายเก็บไว้เถอะ"
ยายยกมือไหว้ขอบคุณเป็นยกใหญ่ และบอกว่า ...
ยาย : "ยายจะแบ่งไปทำบุญนะ"
น้องเค้าบอกว่าบางคนเลือกที่จะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยกินข้าวทีมื้อนึงหลักร้อยหลักพันโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แต่สำหรับบางคนเค้าสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ได้ตั้งหลายมื้อ และกินข้าวได้หลายคนอีกด้วย
เรื่องเล่านี้ทำให้เรารู้สึกดีกับน้องเค้ามากๆเลยค่ะ มันมีส่วนทำให้เรามานั่งคิดว่าทุกวันนี้ทำไมบางมื้อเราต้องกินอาหารแพงๆ เพียงเพื่อตอบสนองความอยากของตัวเองเท่านั้นหรือ อาหารก็คืออาหาร กินเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ไม่ใช่แค่กินเพราะอยากกินเท่า่นั้น กินแค่พออิ่ม ไม่ใช่กินแบบยัดๆเข้าไป หรือสั่งมากินทิ้งกินขว้างแบบใครหลายๆคน เวลาเราไปกินที่ไหนที่มีบริการดีๆ เราก็จะบอกแฟนให้ทิปน้องไปเถอะ คนพวกนี้ก็หาเลี้ยงตนเองด้วยความขยัน เรียกว่ากระจายรายได้ค่ะ (แต่ต้องเป็นคนขยันทำมาหากินนะคะ มันดูออกค่ะ) ไม่ีใช่แบมือขอเงินไปวันๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีคนให้ แล้วจะเอาอะไรกิน
เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่เกิดมาไม่ต้องไปลำบากขนาดนั้น ทุกวันนี้มีกินมีใช้อย่างเพียงพอ ไม่ต้องมีมาก แค่รู้จักใช้ และรู้จักแบ่งปันให้กับคนที่เค้ามีน้อยกว่าเราบ้างไม่มากก็น้อย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ^________________^