สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
เป็นคำถามที่ดี น่าลอง ให้คิดมาก
สิ่งที่น่าจำเป็นต้องรู้คือ
สมมุติฝั่งร่ายจ่าย
(A) ต้นทุนทั้งหมดจะจะยื่นขอกู้ได้
ค่าโอนไปแบงค์ เช่น 1% ล้านละ 1หมื่น
โอนกลับหาเรา เช่น 1% ล้านละ 1หมื่น
ค่าจดจำนอง เช่น 2% ราคาขาย 80000 บาท
ค่าประเมิน ค่าอากรสแตมป์ เช่น 20000 บาท
เบี้ยประกันอัคคีภัยและประกันชีวิต เช่น 50000 บาท
เป็นต้น
(B) จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่องวด เช่น ล้านละ7000บาท (4ล้าน 28,000 บาท/ด 3ล้าน 21,000 บาท/ด 2ล้าน 14,000 บาท/ด 1ล้าน 7,000 บาท/ด)<< กรณีเลือก30ปี
ปล.ใช้เงินรวมและไม่แยกดอกเบี้ยออกมาจากเงินต้นเพราะถือว่าเป็นต้นทุนที่นำเงินเข้าไปซื้อบ้านแล้ว (คิดกรณีคอนเซอเวทีฟ)
สมมุติฝั่งรายได้
(C) ถ้าไม่เอาเงินไปซื้อบ้านและนำเงินลงทุน เน้นความปลอดภัยเงินต้นสูงแต่ต้องให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะและสอดคล้องกับช่วงระยะเวลา
(ต้องมันการจัดพอตย่อยอีกครั้ง สำหรับเงินก้อนนี้) จะได้เงินส่วนเพิ่มเท่าไร
(D) ถ้าเอาเงินไปซื้อบ้านและได้ผลประโยชน์จากภาษีเท่าไร
เงื่อนไขเพิ่มเติม
1.การปลอดดอกเบี้ยจ่ายสูงสุดกี่เดือน เช่น 9เดือน
2.ระยะเวลาการผ่อน เช่น ตัดจบภายใน3ปี
3.ถ้าจะให้ละเอียดมากคิดมูลค่าเงินตามกาลเวลาลงไปด้วย
สรุปคือให้เอาแบ่งสรรปันส่วน เงิน2กอง ระหว่างเงินดาวบ้านและเงินลงทุนใช้เกณฑ์ชนะการลงทุนจากค่าผ่อนบ้าน
D ไปหักลบกับ A ส่วนที่เหลือให้ ลบB ในส่วนดอกเบี้ยของเงินผ่อนต่อเดือน
C ไปหักลบกับ B ขึ้นกับการยอมรับความเสี่ยงในการจัดพอตย่อยC ว่าจะชนะ B ได้แค่ไหน
เช่น
ชนะแค่ดอกเบี้ยของเงินผ่อนต่อเดือน (คุ้มไหมที่ทำอะไรให้ยุ่งยาก><)
ชนะเงินผ่อน (ชนะทุกงวดนี่ได้ส่วนที่เหลือเป็นบ้านฟรีเลยนะครับ)
สมุมติทิ้งท้าย
ดาวน์ 2 ล้าน ลงทุน 2ล้าน
A 20000+20000+80000+20000+50000 =190,000บาท
B 14000*12เดือน = 168,000 บาท ปัดเป็น 180,000บาท
C ลงทุน2ล้าน ทำเงิน 180,000บาทต่อปี = 9% ไหวไหมทำเผื่อปีหน้าด้วยก็ได้นะ 10% 11% 12% 30ปี
D หักภาษีคุ้มไหม
สุดท้ายที่ลอง อันนี้เป็นความเห็นที่เราเอง แต่แค่อยากลองแบ่งปัน โดยสมมุติว่าเราเป็น จขกท.นะ
อาจไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด พลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วย
สิ่งที่น่าจำเป็นต้องรู้คือ
สมมุติฝั่งร่ายจ่าย
(A) ต้นทุนทั้งหมดจะจะยื่นขอกู้ได้
ค่าโอนไปแบงค์ เช่น 1% ล้านละ 1หมื่น
โอนกลับหาเรา เช่น 1% ล้านละ 1หมื่น
ค่าจดจำนอง เช่น 2% ราคาขาย 80000 บาท
ค่าประเมิน ค่าอากรสแตมป์ เช่น 20000 บาท
เบี้ยประกันอัคคีภัยและประกันชีวิต เช่น 50000 บาท
เป็นต้น
(B) จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่องวด เช่น ล้านละ7000บาท (4ล้าน 28,000 บาท/ด 3ล้าน 21,000 บาท/ด 2ล้าน 14,000 บาท/ด 1ล้าน 7,000 บาท/ด)<< กรณีเลือก30ปี
ปล.ใช้เงินรวมและไม่แยกดอกเบี้ยออกมาจากเงินต้นเพราะถือว่าเป็นต้นทุนที่นำเงินเข้าไปซื้อบ้านแล้ว (คิดกรณีคอนเซอเวทีฟ)
สมมุติฝั่งรายได้
(C) ถ้าไม่เอาเงินไปซื้อบ้านและนำเงินลงทุน เน้นความปลอดภัยเงินต้นสูงแต่ต้องให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะและสอดคล้องกับช่วงระยะเวลา
(ต้องมันการจัดพอตย่อยอีกครั้ง สำหรับเงินก้อนนี้) จะได้เงินส่วนเพิ่มเท่าไร
(D) ถ้าเอาเงินไปซื้อบ้านและได้ผลประโยชน์จากภาษีเท่าไร
เงื่อนไขเพิ่มเติม
1.การปลอดดอกเบี้ยจ่ายสูงสุดกี่เดือน เช่น 9เดือน
2.ระยะเวลาการผ่อน เช่น ตัดจบภายใน3ปี
3.ถ้าจะให้ละเอียดมากคิดมูลค่าเงินตามกาลเวลาลงไปด้วย
สรุปคือให้เอาแบ่งสรรปันส่วน เงิน2กอง ระหว่างเงินดาวบ้านและเงินลงทุนใช้เกณฑ์ชนะการลงทุนจากค่าผ่อนบ้าน
D ไปหักลบกับ A ส่วนที่เหลือให้ ลบB ในส่วนดอกเบี้ยของเงินผ่อนต่อเดือน
C ไปหักลบกับ B ขึ้นกับการยอมรับความเสี่ยงในการจัดพอตย่อยC ว่าจะชนะ B ได้แค่ไหน
เช่น
ชนะแค่ดอกเบี้ยของเงินผ่อนต่อเดือน (คุ้มไหมที่ทำอะไรให้ยุ่งยาก><)
ชนะเงินผ่อน (ชนะทุกงวดนี่ได้ส่วนที่เหลือเป็นบ้านฟรีเลยนะครับ)
สมุมติทิ้งท้าย
ดาวน์ 2 ล้าน ลงทุน 2ล้าน
A 20000+20000+80000+20000+50000 =190,000บาท
B 14000*12เดือน = 168,000 บาท ปัดเป็น 180,000บาท
C ลงทุน2ล้าน ทำเงิน 180,000บาทต่อปี = 9% ไหวไหมทำเผื่อปีหน้าด้วยก็ได้นะ 10% 11% 12% 30ปี
D หักภาษีคุ้มไหม
สุดท้ายที่ลอง อันนี้เป็นความเห็นที่เราเอง แต่แค่อยากลองแบ่งปัน โดยสมมุติว่าเราเป็น จขกท.นะ
อาจไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด พลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วย
แสดงความคิดเห็น
ซื้อบ้านเงินสด หรือ กู้กับแบงค์ อันไหนดีกว่า
ตอนนี้มีเงินสดพร้อมซื้อ แต่กำลังคิดว่าจะกู้หรือซื้อสด อันไหนดีกว่า
แล้วพอจะมีธนาคารไหนปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย ไม่เกิน 3% ไหมคะ เพื่อเราไปซื้อหุ้นที่มีปันผลสัก 7-8% จะได้มีส่วนต่างมาจ่ายดอกเบี้ยแบงค์
1.เพราะเสียดายไม่อยากเอาเงินไปจมไว้เผื่อต้องการใช้ฉุกเฉิน เช่น เกิดหุ้นลงหนักๆจะได้ซื้อเก็บไว้บ้าง
2.เผื่อเจออาคารพาณิชย์ทำเลดีๆอยากซื้อเพิ่มอีก
3.พอมีวีธีไหนอีกไหมที่คุ้มค่า