ประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยว (B1/B2) อเมริกา สถานะเป็นนักศึกษา....

กระทู้สนทนา
เพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่า B1/B2 มาครับมาแบ่งปันประสบการณ์
  ที่สถานทูตไม่รับฝากของนะครับ รับฝากแค่มือถือเครื่องเดียว ทางที่ดีอย่างเอาอะไรติดตัวไป
ถ้าจำเป็นต้องเอาเป้ติดตัว แนะนำให้ไปฝากตรง"ร้านขายข้าวหน้า 7-11"  เดินเลยสถานทูตไปนิด เป็นผู้หญิงขายข้าวแกงคนเดียว คิดค่าฝากแค่ 50 บาทครับ อย่าเผลอไปฝากที่เขาตั้งโต๊ะรับฝากโดยเฉพาะนะ คิด 100 บาท หน้าเลือดมาก

เอกสารที่ผมเตรียมไปก็  
   1. ใบ Confirmation DS160  
   2. รูปถ่าย
   3. Transcript ภาษาอังกฤษ
   4. เอกสารรับรองการเป็นนักศึกษา ภาษาอังกฤษ
   5. passport เล่มเก่า passport เล่มใหม่
   6. สมุดบัญชีเงินฝาก มีเงินอยู่ 3,000 บาท (เอาไปเพื่อ????) -*-

  ไปถึงปุ๊บก็ต่อคิว มีเจ้าหน้าที่มาขอ passport ดูเพื่อตรวจว่าชื่อเราตรงกับรอบที่จองไหม  ตัดไปในสถานทูตเลยนะครับ จะมีเจ้าหน้าที่ดักเราไว้ จัดเอกสารใส่แฟ้มใสให้เรา เจ้าหน้าที่แยกไว้แค่ DS160 passport 2 เล่ม เอกสารรับรองเป็นนักศึกษา จากนั้นให้เรากรอกใบฟ้าๆ ซึ้งเป็นใบของไปรษณีย์อะครับ  แล้วให้เอามาคืน  จากนั้นก็ให้เราเข้าไปต่อคิวที่ช่อง 14-15

  ช่อง 14-15 จะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนไทยมาให้เราแสกนนิ้วมือ (แสกนติดโครตยาก) แล้วก็สัมภาษณ์
  จนท : ไปทำอะไรอเมริกาคะ
  ผม : ไปเที่ยวครับ
  จนท : เห็นในข้อมูลเคยทำ passport หายเหรอคะ
  ผม : ครับเคยทำหาย
  จนท : เคยไปอเมริกามาแล้วเหรอคะ
ผม : ครับ เคยไปแลกเปลี่ยน
  จนท : ตอนนี้เรียนอะไรอยู่คะ
  ผม : เรียนแพทย์ครับ  จากนั้น จนท.ก็อ่านใบรับรอง นศ.
  จนท : มีญาติที่นั้นไหมคะ
  ผม : ไม่มีครับ
  จนท : มีหนังสือเชิญอะไรไหมคะ
  ผม : ไม่มีครับ

   เจ้าหน้าที่เขาก็เปิด passport เห็นวีซ่าญี่ปุ่น (ได้มาเมื่อต้นปี)
จนท : เอ๊ะ รูปถ่ายวีซ่าญี่ปุ่นกับใน DS มันรูปเดียวกันนิ  
ผม : ไม่ใช่ครับ รูปในวีซ่าญี่ปุ่นนี้ต้นปีแล้ว รูปใน DS ผมถ่ายเมื่อปลายตุลา จากนั้นผมยื่นรูปให้เขาไปเพื่อยืนยัน
จนท : ค่ะ ไปนั่งรอเรียกคิวนะ จากนั้นก็ยื่นบัตรคิวให้
  
   นั่งสักพักก็มีเสียงประกาศให้ไปช่อง 9  เจอแหม่มฝรั่งผมทอง นึกว่าจะได้สัมภาษณ์ที่ไหนได้ให้เราสแกนมืออีกครั้ง แล้วบอกให้ไปนั่งรอ
  รอประมาณ 30 นาทีก็มีเสียงให้เรียกไปสัมภาษณ์ช่อง 13

   เจอหนุ่มฝรั่งผมทอง หน้าตาหล่อเชียว
ฝรั่ง : Hello สวัสดีครับ
ผม :  Hello
ฝรั่ง : What would you like to go to the us?
ผม : for travel
ฝรั่ง : Who do you go with
ผม : Alone
ฝรั่ง : where will you go in the us
ผม : LA las vegas  San francisco
ฝรั่ง : Do you have friends there
ผม :sure ... I have friends there
ฝรั่ง : what did you do in the us last time
ผม :  I was an exchange student
ฝรั่ง : So... what are you doing now
ผม : I am medical student
  
   จากนั้นฝรั่งก็เขียนอะไรยิกๆ แล้วก็ยืนใบสีฟ้าให้บอกให้ไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ สรุปว่าผ่านครับ ง่ายดายมากมาย
   แต่ไม่รู้ว่าจะได้กี่ปี ลุ้นๆขอให้ได้ 10 ปีเถิดดดด อุตส่าห์เสียตัง 4960 บาท

   เอกสารอื่นที่เตรียมไป สมุดบัญชี ไม่ได้ขอดูเลย ดูแค่ใบรับรอง นศ ใบเดียว

  ตั้งแต่เข้าสถานทูตจนสัมภาษณ์จ่ายตังไปรษณีย์ ทั้งหมด 1 ชั่วโมงเองครับไม่นานเลย
  
     ส่วนตัวนะครับผมคิดว่า คนที่มีผลต่อการให้วีซ่าเราคือเจ้าหน้าที่คนไทยช่อง 14 15  เขาจะสัมภาษณ์ละเอียดมาก ได้ยินเขาสัมภาษณ์ช่องข้างๆว่า ทำงานกี่ปี เงินเดือนเท่าไหร่ ขอเอกสารแผนเที่ยวอะไรทำนองนี้ อาจจะเป็นเพราะขอ B1/B2 ด้วยมั๊งเอกสารยืนยันว่าเรามีสถานสังคมเลยต้องเยอะหน่อย  ขนาดผมยังขอจดหมายเชิญ (แต่ผมไม่มีให้)

    แต่หนุ่มฝรั่งช่อง 13 น่าจะเป็น final decision  อาศัยข้อมูลจาก จนท. คนไทยและจากการสัมภาษณ์เอง  เพราะฉะนั้นใครไปสัมภาษณ์ก็ต้องตอบคำถามให้เคลียตั้งแต่สัมภาษณ์กับ จนท.คนไทยนะครับ

    หวังว่าประสบการณ์นี้คงจะมีประโยชน์นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่