สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ผมจะมาบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปทำวีซ่า USA เมื่อกลางเดือน กันยายน 61 ที่ผ่านมานี้ ผมขอขอบคุณ หลายๆกระทู้จาก Pantip นี่แหละครับ วันนี้ผมก็เลยจะมาบอกเล่าเรื่องที่ผมไปเจอมาเริ่มจากบริษัทจะส่งตัวไปดูงานที่ USA ผมกับพี่ที่บริษัทอีกคนเลยต้องดิ้นรนไปทำวีซ่า ขั้นตอน วุ่นวายกว่าที่คิดเยอะมากๆครับ ผมเตรียมตัวประมาณนี้ครับ

-ก่อนอื่นต้องเริ่มที่เตรียมเอกสาร เพราะจะได้ใช้ในขั้นตอนการกรอกข้อมูลครับ เอกสารที่ต้องใช้ในการทำวีซ่า ไปดูงาน
    -Passport
    -บัตรประจำตัวประชาชน (ใช้ฝากโทรศัพท์ข้างหน้าครับ)
    -เล่มทะเบียนบ้าน
    -สมุดบัญชีธนาคาร
    -statement
    -สลิปเงินเดือน 3-6เดือน
    -หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ (กรณีเคยเปลี่ยนชื่อ)
    -หนังสือรับรองเงินเดือนหนังสือรับรองการเป็นพนักงาน ฉบับภาษาอังกฤษเท่านั้น
    -e-mailเชิญ หนังสือเชิญ ถ้าไม่มีให้ใช้หนังสือส่งตัวจากบริษัทต้องระบุถึงไปที่ไหน วันที่อะไรไป-กลับ ไปทำอะไร บริษัทรับรองค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉบับภาษาอังกฤษ
    -book ตัวเครื่องบิน
    - book ที่พัก
    - transcript
    -รูปถ่าย2*2นิ้วพื้นหลังสีขาว เห็นหูชัดเจน 1 ใบ พร้อมขอไฟล์มาโหลดลงในแบบฟอร์มด้วยนะครับ(เน้นร้านที่มีประสบการณ์นะครับ)
  
-กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า ลงข้อมูลตามจริงนะครับ กรณีไปดูงานประชุมใช้ B1/B2 นะครับ
*กรอกข้อมูลเสร็จก็ปริ้นบาโค้ดไปจ่ายตังค์ประมาณ 5440 บาทที่ธนาคารกรุงศรีครับ อีกวันถัดมาหลังเที่ยงจะสามารถเข้าไปจองนัดวันสัมภาษณ์ได้เลยครับ

-ถึงวันสัมภาษณ์ของผม ไปถึงก่อน ครึ่งชั่วโมงครับ
ด่าน 1 เดินไปถึงเข้าแถวด้านหน้า คนเยอะมาก มีสาวแจกคริปหนีบกระดาษเขียนเวลาติดเราก็บอกเขาไปว่าขอเรารอบนัดกี่โมง
ด่าน 2 ต่อแถวเพื่อฝากโทรศัพท์และโลหะอื่นๆตรงนี้ใช้บัตรประชาชนฝากครับ แล้วก็จะได้สแกนหาวัตถุอันตรายผาานแล้วเดินเข้าข้างในครับ
   *ตรงนี้ขอแนะนำนะครับว่าเครื่องมือสื่อสารเช่นโทรศัพท์ ฝากได้คนละเครื่องนะครับ ถ้ามีคนไปด้วยก็ดีฝากได้ แต่ถ้าไปคนเดียวต้องระวัง วันที่ผมไป ไปเจอกรณีนี้ มีคนเอาไป2 เครื่องฝากได้ 1 เครื่อง อีกเครื่องเอาไปวางไว้ ใต้ตนไม้ด้านหน้า
เจ้าหน้าที่ไปเจอ จับแยกชิ้นส่วนแล้วประกาศตาหาเจ้าของ ถ้าจับได้เหมือนจะมีความผิดแล้วจะถูกปฏิเสธวีซ่าทันที เขากลังเป็นการบอกตำแหน่งการก่อการร้ายครับ กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ*
ด่าน 3 เข้าไปนั่งรอเรียกรอบเวลาที่เราจองนัดครับ *ระหว่างนี้แหละครับ ความกดดันเริ่มมี เพราะว่าจะเห็นคนที่เดินออกมา ถือ Passport ออกมาเยอะมากๆร้อยละ60 ได้ พร้อมหน้าเหมือนเซ็งๆแล้วบ่นว่า” อะไรนักหนาว๊ะ 2 ครั้งละครั้งละหมื่นกว่า เค้ามา 2 คนครับ* พอเรียกรอบเราก็ไปต่อแถวพนักงานหญิงไทยก็ถาม วีซ่าประเภทไหนคะ เราตอบ B1/tB2ครับ เค้าก็ขอใบนัด ติดสติ๊กเกอร์ให้บอกว่าห้ามแกะแล้วอ่านป้ายหน้าบันใด เป็นเรื่องของการรับ passport กลับกรณีวีซ่าผ่าน
ด่าน 3 ขึ้นข้างบน ยืนงงอยู่แปป เขาวงกตชัดๆ มันแคบครับคนเยอะ เขาทำเชือกช่องทางเดินไว้ให้ครับ ต้องเข้าช่อง11-14 เพื่อตรวจเอกสาร สแกนลายนิ้วมือ ตรวจ Passport สแกนรูป เจ้าหน้าที่คนไทยครับ ไม่ต้องตื่นเต้น
ด่าน4 เดินต่อไปช่อง10 ครับตรวจ Passport สแกนลายนิ้วมือซ้ำครับ เจ้าหน้าที่คน. อเมริกาครับแต่ไม่ได้สนทนา
ด่าน 5 ด่านสุดท้ายต่อแถวสัมภาษณ์อันนี้แหละครับว่าจะผ่านไม่ผ่าน เข้าแถวเรียงเดี่ยวเข้าไป มี3 ข่องที่เปิดสำหรับวีซ่าทั่วไปหน้าเราว่างช่องไหนต้องเข้าช่องนั้น เสี่ยงดวงครับ ผมเห็นละ ช่องช้ายสุดท่านทูตผู้หญิงผิวสีเข็มตัวสูงน่าจะาจากแอฟริกา กำลังจะแลปกับ2 คนสามี-ภรรยาแบบหูดับตับไหม้ ผมเริ่มสงสัยละ เข้าสัมภาษณ์ที่ละ2 คนได้หรอ เลยถามพนักงานคุมแถว น้องเค้าบอกถามท่านทูตได้เลยค่ะ มองไปช่องกลางทูตคนจีนหรือเกาหลีนี้แหละเป็นผู้หญิง กำลังพูดกับคนสัมภาษณ์แต่ไม่ค่อยเข้าใจสื่อสารกันไม่ค่อยได้ท่านทูตเดินหายไปแปป พร้อมมากับเจ้าหน้าที่คนไทยให้มาเคลียร์ให้ ช่องสุดท้ายขวาสุดใผู้ชายผมขาวนิดๆน่าจะชาวอเมริกา น่าจะชิวที่สุด
พอถึงคิวพี่ที่ไปด้วยได้เข้าช่องที่สาม เขาไปแปปนึงแกก็หันมากวักมือเรียก ท่านทูตก็กวักมือเรียก ผมนี้ตามแผนเลยครับเดินไปถึงไหว้สวยๆสวัสดีครับ ท่านทูตยกมือไหว้ตอบ สวัสดีครับ แล้วท่านทูตก็ขอว่าขอ Passport ผมกับพี่ที่ไปด้วยก็หยิบยื่นลอดใต้กระจกนิรภัยให้ ท่านทูตก็หยิบไปเปิดแล้วกดพิมพ์ใส่คอม
30 วินาทีครับ ท่านทูตหันหน้ามาพูดว่า ขอหนังสือเชิญครับ ผมรีบค้นเอกสารที่เตรียมไปให้ เป็นหนังสือส่งตัวที่บริษัทผมพิมพ์ให้ครับ
ท่านทูตได้ไปพิมพ์อีก30 วินาที แล้วคืนหนังสือเชิญให้ผม พร้อมกับพูดว่า เสร็จแล้วครับ พร้อมรูดมือมาเก็บ Pass port ผมรีบยกมือแล้วพูดว่าขอบคุณครับ สวัสดีครับ
  แล้ววีซ่าก็มาถึงมือวันศุกร์ครับ ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวจนจบครับ ขออภัยที่พิมพ์ผิดตกหล่นตรงไหนถามได้ครับ