คนบางกลุ่มกำลังคาดหวังในสิ่งที่ระบอบประชาธิปไตยให้ไมได้

แล้วก็โทษว่าประชาธิปไตยที่มีนั้นไม่ดี....

แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองใช้ประชาธิปไตยอย่างผิดกาละเทศะ
แถมยังใช้ระบอบเผด็จการอย่างผิดกาละเทศะเช่นกัน

การเข้าสู่อำนาจและลงจากอำนาจ ต้องใช้วิถีทางประชาธิปไตย ดันไปใช้วิธีเผด็จการ
เช่น....หนุน คมช. หนุน รสช. เข้ายึดอำนาจ ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

การบริหารงานในอำนาจหน้าที่ ต้องใช้วิถีทางเผด็จการ (โดยผู้เชี่ยวชาญในงานนั้นๆ) แต่ดันไปใช้วิธีประชาธิปไตย
เช่น ตั้งกรรมการมากมายเพื่อกลั่นกรองนโยบาย ศึกษา ตรวจสอบ ทบทวน แล้วก็ล้มมติเดิมพลิกไปพลิกมาอยู่เรื่อย
ไม่ได้ลงมือทำกันเสียที ไม่มีใครกล้ารับผิดชอบเต็มตัว
เพราะแม้แต่คนเชี่ยวชาญถึงขนาดกล้าทำเองก็ไม่มีอำนาจฟันธง
แทบทุกอย่างต้องรอตัดสินที่กรรมการ ผ่านชุดเล็กไปติดที่ชุดใหญ่ อะไรต่างๆสารพัด ผลคือการงานอืดเป็นเรือเกลือ
ยิ้ม
ธรรมชาติของระบอบ ประชาธิปไตย มีดีอยู่ที่การเข้าสู่อำนาจเสมอ และจะล้มเหลวในงานบริหารเสมอ
ถ้าอยากให้ประชาธิปไตย ประสบความสำเร็จในงานบริหารด้วย
ทุกคนที่ได้อำนาจบริหารภายใต้ระบอบประชาธิปไตยนั้น ก็ต้องจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในงานนั้นๆกันทั้งหมด
และเห็นพ้องต้องกันทั้งหมดอย่างเอกฉันท์ มันอาจเป็นไปได้ในยุคที่ผู้คนยังต้องการแค่ปัจจัยสี่อย่างพื้นๆตามธรรมชาติ
แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยในยุคนี้

เป็นเพราะระบอบประชาธิปไตย ถูกออกแบบมาเพื่อค้นหาเป้าหมายของปวงชน ว่าจะเดินกันไปทางไหน
คือเน้นเป้าหมาย อุดมคติ นามธรรมไม่ใช่เน้นผลลัพธ์

ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตัดสินถูดผิด ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทางนิติศาสตร์ไปว่ากันในศาล
ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตัดสินดีชั่ว ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทางศีลธรรมไปว่ากันตามคติทางศาสนา
ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตัดสินความสำเร็จหรือล้มเหลว ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในงานนั้นๆว่ากันไปตามเป้าหมายขององค์กร
ยิ้ม
ส่วนธรรมชาติของระบบบเผด็จการ มันจะล้มเหลวใรการเข้าสู่อำนาจเสมอ แต่มีดีที่งานบริหารเสมอ
ถ้าอยากให้ระบอบเผด็จการ ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่อำนาจด้วย
ผู้อยากได้อำนาจบริหารนั้นก็ต้องมีกำลังเหนือคนอื่นๆทั้งหมด ไม่ว่ากำลังพวกพ้อง กำลังทรัพย์ กำลังความคิด
มันเป็นไปได้ไม่ยากในยุคก่อน แต่ในยุคนี้ก็เป็นไปได้ยากมากๆ

เป็นเพราะระบอบเผด็จการนั้นถูกใช้เพื่อสนองความต้องการอย่างตรงไปตรงมา
โดยการตัดสินใจฟันธงอย่างเด็ดขาดไปตามอำนาจหน้าที่ของตน
คือเน้นสิ่งที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ เน้นผลลัพท์ ไม่ใช่เน้นเป้าหมาย

ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อค้นหาเป้าหมายร่วมกัน เพื่อให้ใครมาช่วยเลือกสรร แต่พุ่งไปที่ผลงานเป็นรูปธรรมเลยทีเดียว
ยิ้ม
ดังนั้นการเข้าสู่อำนาจและลงจากอำนาจควรเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
ไม่ควรใช้ระบอบเผด็จการเลย

แต่หลังจากได้อำนาจแล้ว จะในส่วนของนิติบัญญัติ ตุลาการ หรือบริหารก็ตาม
ต่างต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทำงานด้วยระบบเผด็จการไปตามอำนาจหน้าที่ของตน
ถ้ายังทำงานด้วยระบอบประชาธิปไตยซ้ำซ้อนรับรองโอกาสพังสูงมากครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่