เืรื่องยาว : ป่าอุ่นใจไออุ่นรัก (ตอนที่ ๑๗)

กระทู้สนทนา
เรื่องยาว : ป่าอุ่นใจไออุ่นรัก ตอนที่ ๑๗
ป่าอุ่นใจไออุ่นรัก
หญ้าเจ้าชู้

ตอนที่ ๑๗

ระหว่างที่อัลยาสนทนากับพิชญะบนพื้นสนามหญ้าหน้าบ้านของชายหนุ่ม ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา เป็นเบอร์ของพลรบ อัลยาขออนุญาตพิชญะรับสายที่โทฯ เข้า

“ฮัลโหล รบว่าไง”

“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นลูกน้องผู้กองพลรบครับ พอดีผู้กองโดนยิงตอนนี้ถูกส่งตัวเข้ารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ครับ”

“อะไรนะคะ รบถูกยิง”

“เขาเอาตัวเองไปบังกระสุนเพื่อรักษาชีวิตของคนอื่นน่ะครับ”

“แล้วตอนนี้รบอยู่ที่ไหนคะ”

“ไอซียู รพ.รร.๖ ครับ”
ก่อนที่พลรบจะหมดสติไปหลังจากถูกยิง เขาสั่งให้โทรฯ บอกหมวดอัลยาเพียงคนเดียว แต่ลูกน้องคนสนิทไม่ได้ทำแค่นั้น แต่เขาโทร.บอกอีกคนด้วย

“ฮัลโหล สวัสดีค่ะคุณรบ”

“ผมเป็นลูกน้องของผู้กองพลรบ มีเรื่องมาแจ้งครับ คือผมเห็นข้อความของคุณในมือถือของผู้กอง และคิดว่าคุณน่าจะเป็นคนสำคัญกับผู้กอง ก็เลยแจ้งทราบว่าตอนนี้ผู้กองพลรบพักรักษาตัวที่ รพ.รร.๖ ไอซียู ครับ”
มากิไม่ถามอะไรต่อ แต่อึ้งและช็อค...ก่อนจะเก็บข้าวของและเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในทันที

ณ ชั่วโมงนี้ ไม่ว่าเขาจะโกรธ จะไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากจะคุยด้วย แต่มากิก็จะไม่ให้สิ่งเหล่านั้นมาขัดขวางการได้อยู่ใกล้ๆ เขาอีกแล้ว

“เรื่องเจ้าทศน่ะ... คุณไปตัดสินใจดูนะ ว่าจะทำอย่างไร ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต แต่อยากให้เป็นเรื่องของคุณลิขิต บางอย่างเราสามารถที่จะจัดการได้ อย่าปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา”
ทัศนคติเกี่ยวกับความรักของพิชญะดูจะแปลกในสายตาของคนทั่วไป อย่างนี้หรือเปล่านะ ที่เขาบอกว่าคนเจ้าชู้มักไม่ยอมขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตน่ะ

“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ”

“ไปส่งมั้ย”

“อืมม์ ขอบคุณมากค่ะ”

“งั้นไปลาแม่ก่อน เดี๋ยวคุณพ่อกลับมาผมจะไปส่งคุณพ่อคุณที่บ้านก็แล้วกัน” พิชญะขับรถไปส่งอัลยาที่โรงพยาบาล สำหรับมิตรภาพถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากไปกว่าหญิงสาวที่ถูกพ่อแม่จัดมาให้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรใจร้ายกับเธอนัก ก่อนที่อัลยาจะลงจากรถ เขาหันมาบอกกับเธอว่า

“ผมอยากได้คุณเป็นน้องสะใภ้... สู้ๆ นะ”
แต่ในนาทีนั้น อัลยาไม่ได้คิดเรื่องอื่นมากไปกว่าความห่วงใยในอาการของพลรบ เธอไม่รู้ว่าเขาถูกยิงบริเวณไหนของร่างกายแต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่จุดสำคัญ อย่างน้อยเสื้อเกราะก็น่าจะป้องกันได้ในระดับหนึ่ง

หลังจากที่ติดต่อขอเข้าเยี่ยมแล้วพบว่าคนที่รอเยี่ยมอยู่หน้าห้องไอซียูนั้นมีหัวหน้าของพลรบ และเพื่อนร่วมงานอีกสองนาย มีเพื่อนที่เป็นแพทย์ทหารเป็นเจ้าของไข้ อัลยาทำความเคารพหัวหน้าของพลรบและหันไปสนทนากับเพื่อนที่เป็นแพทย์

“ณพ พลรบเป็นไงบ้าง”
หญิงสาวถามถึงอาการเพื่อนหนุ่มอย่างร้อนรน

“กำลังจะโทรฯ ไปหาอยู่เลย”
เพื่อนหมอก็รู้...คู่นี้สนิทกัน

“เราเยี่ยมรบได้หรือเปล่า เราเข้าไปได้มั้ย รบเป็นไงบ้าง โดนยิงตรงไหน”

“ใจเย็นนะหยา รบไม่เป็นไรมากหรอก เพิ่งฟื้นได้สักพักใหญ่ๆ นี่เอง เดี๋ยวสักพักก็เข้าเยี่ยมได้แล้ว กระสุนโดนเข้าที่ขา”

“แล้วทางบ้านรบล่ะ”

“เราว่าหยาเข้าไปคุยกับรบเองเลยดีกว่า เราขอตัวไปดูคนไข้ก่อน มีอะไรก็โทรฯ ตามเรานะ หัวหน้าครับผมขอตัวนะครับ”
เขาหันไปบอกลาหัวหน้าก่อนที่จะไปดูแลคนไข้รายอื่น หัวหน้าของพลรบพยักหน้าอนุญาตให้อัลยาเข้าเยี่ยมเป็นการส่วนตัวได้

“รบเป็นไงบ้าง”

“ไม่เป็นไรหรอก หนังเหนียว ตายยาก”

“พูดเล่นแบบนี้อีกแล้วนะ”

“ก็จริงนี่นา”

“แล้วทำยังไงให้ถูกยิงเสียชื่อรบพิเศษ กับนักแม่นปืนเอเชียหมดเลย พลาดได้ยังไง”

“ไม่ได้พลาดหรอก ตั้งใจ ถ้าเราไม่เข้าขวาง เหตุการณ์อาจจะร้ายแรงกว่านี้ก็ได้”

“เราจะอยู่ดูแลรบเองนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ขอบใจมาก หยากลับอินทนิลเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

“ไม่อยากกลับไปแล้ว”

“หือ? ยังไม่ดีขึ้นเหรอ”

“ก็...นิดหน่อยน่ะ มีเรื่องอื่นอีกมากที่เราเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นกับชีวิต ทำให้เรารู้สึกแย่ลงน่ะ”

“อยากเล่าให้ผมฟังมั้ย”

“ยัง... เราอยากให้รบพักผ่อนก่อน”

“ไกลหัวใจน่า... ถ้าไม่รีบเล่าตอนนี้ เดี๋ยวจะไม่อยากฟังแล้วนะ”

“ทำได้ด้วยเหรอ รบน่ะ”

“นั่งลงก่อนสิ แล้วก็ใจเย็นๆ เล่าในเรื่องที่อยากเล่า ผมอยากให้เพื่อนรักของผมคลายจากทุกข์บ้าง”
ไม่เคยสักครั้งที่พลรบจะนิยามเธอให้เป็นเพื่อนรัก หรือเขาจะรู้สึกอย่างนั้นแล้วจริงๆ ก็ไม่รู้สินะ

อัลยาเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง และเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ให้เพื่อนสนิทฟัง

“พ่อมาหา จะให้เราหมั้นกับคุณพีทลูกชายเพื่อนพ่อ แต่เราไม่อยากหมั้นเพราะไม่ได้รักคุณพีทก็เลยขอให้คุณทศช่วยสวมรอยเป็นแฟนไปขอยกเลิกหมั้นด้วยกัน แต่เหตุการณ์มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะคุณทศเป็นน้องชายของคุณพีท”

“โลกมันกลมได้ขนาดนี้เลยหรือนี่”
คนป่วยฟังอย่างตั้งใจ แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับหัวใจแต่ก็ไม่ได้ทำให้ถึงกับคล้ายโดนเข็มแทงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

“ทุกคนเข้าใจว่าคุณทศเป็นแฟนเรา พ่อก็เลยบอกว่าไม่เห็นต้องยกเลิกหมั้นก็แค่เปลี่ยนจากคุณพีทมาเป็นคุณทศ ทุกอย่างน่าจะจบด้วยดี ถ้าไม่เพราะคุณพีทไม่ยอมยกเลิกหมั้น”

“แล้วเขารักหยาหรือ”

“เขาไม่ได้รักเรา และเราก็ไม่ได้รักเขาด้วย”

“แต่เขาก็ยังจะหมั้นกับหยา”

“คุณทศแค่ได้ยินว่าคุณพีทไม่ยอมยกเลิกการหมั้น เขาก็หุนหันออกจากบ้านกลับอินทนิลไป ไม่ฟังอะไรใครทั้งนั้น กระทั่งเราได้คุยกับคุณพีท ถึงได้รู้ว่าคนรักเก่าของคุณทศเปลี่ยนไปรักกับคุณพีท ก็เลยทำให้คุณทศคิดว่าตัวเองถูกหลอกอีกครั้ง”

“อืมม์ เข้าใจแล้ว แต่เอ๊ะ คุณทศเขาไม่ได้เป็นแฟนหยานี่ ทำไมเขาต้องหนีไปแบบนั้นด้วย”

“บางทีเขาก็อาจจะยังโกรธพี่ชายเขาอยู่”

“หยาต้องหมั้นกับคุณพีทเหรอ”

“ไม่หรอกจ้ะ พอคุณทศออกจากบ้านไป คุณพีทก็บอกว่าเขาจะไม่หมั้นกับเรา เพราะที่เขาทำแบบนั้นลงไป ก็เพียงแค่อยากรู้ว่าน้องชายเขาจะทำอย่างไร เขาไม่อยากให้น้องชายยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ใช่ว่าถูกแย่งของรัก หรือคนรักแล้วก็จะยอมพี่ชายอยู่ร่ำไป”

“เป็นบทเรียนที่ค่อนข้างรุนแรงต่อความรู้สึก และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรทำอย่างยิ่ง อืมม์ แล้วหยาจะทำยังไงต่อไป”

“ไม่รู้เหมือนกันรบ เราเองก็ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะบานปลายใหญ่โตแบบนี้”

“ทุกเรื่องมีทางออกเสมอ พระเจ้าไม่ส่งบททดสอบที่ยากเกินไปมาให้หรอก”
ไม่พูดเปล่าแต่มือข้างที่มีสายน้ำเกลือจิ้มอยู่นั่นแหละที่เอื้อมมาจับมือเพื่อนสาวคนสนิทไว้ ถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยที่แท้จริงให้เธอได้รับรู้

“ขอบคุณนะ... รบเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเลยนะรู้มั้ย เออแล้วนี่ บอกทางบ้านไปหรือยัง”

“ผมไม่ให้ใครบอก”

“เดี๋ยวทุกคนเป็นห่วงนะ”

“ไม่มีใครห่วงผมหรอก บางทีพวกเขาอาจจะลืมผมไปแล้วก็ได้”
ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและรู้สึกเป็นคนไร้ค่าของครอบครัวทำให้พลรบไม่อยากให้ใครที่บ้านรู้ หรือสนใจอะไรในตัวเขาอีก ชีวิตที่เขาเลือกไม่ใช่ทางที่พ่อแม่อยากให้เลือก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะไม่อยากยุ่งกับที่บ้าน

“รบน่ะ... เลิกมีอคติกับครอบครัวได้แล้ว ยังไงเสียเค้าก็เป็นพ่อแม่”

“พอเหอะ ถ้าจะพูดเรื่องนี้ ผมจะพักผ่อน หยาออกไปข้างนอกก่อน”

“เราขอโทษ”
อัลยาสำนึกผิด เพราะรู้ดีว่า เรื่องเดียวในชีวิตที่พลรบไม่ให้ใครแตะต้องคือเรื่องของครอบครัว

“ทำผิดแล้ว ต้องทำยังไง”
สายตาแบบนี้...มันเป็นสายตาแบบเดิมก่อนที่ถูกดีดหน้าผากชัดๆ อัลยารู้ว่าพลรบไม่โกรธเธอ เขาไม่เคยโกรธเธอ จะว่าไปแล้วเขาไม่เคยโกรธใครเลยต่างหาก ชายหนุ่มที่น่าจะทำให้เธอรักได้ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเธอจึงไม่รัก ถ้าหากคนเราถูกสร้างมาเป็นคู่จริง แล้วคู่ของเธอล่ะ? ใครกันนะ...

และตลอดวันนั้นอัลยาก็อยู่เฝ้าไข้คอยดูแลพลรบอยู่ไม่ห่าง... กระทั่งถึงเย็นจึงได้กลับบ้านและเจอบิดานั่งดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์

“นึกว่าตามผู้ชายเข้าป่าไปแล้ว”

“แหม บิดาที่เคารพ แต่ละประโยคของพ่อเนี่ยมันชี้โพรงให้กระรอกมากเลยนะคะ”

“แล้วไปไหนมาหรือ”

“ไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลมาค่ะ พ่อจะกลับวันไหนคะเนี่ย”

“เอ๊ะ ไอ้นี่ พ่อแม่มาหามีไล่กลับด้วย”

“ไล่ตรงไหน ก็แค่ถาม”

“ฉันยังไม่คิดบัญชีแก ฉันยังกลับไม่ได้หรอก”

“บัญชีอะไรอีก จะเอาเงินทิ้งไว้ให้ลูกใช้ว่างั้นเถอะ”

“หนึ่ง เรื่องหนีไปอยู่ป่าไม่บอก สองเรื่องมีแฟนแล้วไม่บอก เกือบหน้าแตกเลยเห็นมั้ย”

“เรื่องไปอยู่ป่าที่ไม่บอกเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ก็รู้ว่าถ้าบอกพ่อก็ต้องไม่ให้หยาไปแน่ๆ ดีแล้วน่าที่ไม่ใช่สามจังหวัดชายแดนใต้น่ะ ส่วนเรื่องมีแฟน...”
อัลยายังไม่กล้าบอกว่าทศพรรษคือแฟนที่อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ต้องแต่งงานกับพิชญะ ถ้าพ่อรู้รับรองได้... ไม่รอด
“เรื่องมีแฟน... ทำไม”

“ก็อยากจะเซอร์ไรท์พ่อ เลยยังไม่บอกไงคะ”
อัลยาแอบถอนหายใจ... น่าจะรอดแล้วนะ

“ปีหน้าจะกลับมาใหม่ คราวนี้ไม่ต้องหมั้น แต่งเลย”

“ปีหน้า... อีกแค่สองเดือนเนี่ยนะ”

“ก็เออสิ”

“พ่อไม่เกลียดกรุงเทพฯ แล้วเหรอ”

“เกลียด แต่อยากได้ลูกเขย”

“ตามใจ...”
แต่ในใจคือ ตายแล้ว แล้วทีนี้จะทำยังไงในเมื่อทศพรรษไม่ใช่แฟนเธอสักหน่อย เฮ่อ...อะไรมันจะซวยซ้ำซ้อนอย่างนี้นะอัลยา

“เย็นนี้ไปส่งหมอชิตด้วย จะกลับแล้ว”

“อ้าว ตอนมาทำไมมาเครื่องบิน ขากลับจะกลับรถทัวร์ล่ะคะ”

“เงินหมด”

“โห.. ป๋าพ่อใคร ไม่รู้เหรอว่าหนูรวยอ่ะ กลับเครื่องไปเลย จะได้ถึงเร็วๆ”

“รีบไล่เชียวนะ จะตามผู้ชายเข้าป่าสิท่า”
อัลยาไม่ต่อความยาว ผู้ชายนี่เหมือนกันหมดหรือไงนะ ชอบต่อปากต่อคำไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือเป็นเพื่อนก็เหมือนกันหมดเลยจริงๆ


มากิร้อนใจอยากให้ถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ เธอรู้สึกว่ารถประจำทางช่างอืดอาด ยืดยาดจนอยากแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมนให้รู้แล้วรู้รอดไป เธอเป็นห่วงพลรบ ชายหนุ่มที่ถึงแม้จะรู้จักกันเพียงไม่กี่วันแต่ก็ทำให้มากิถึงกับอยู่ไม่สุขเมื่อรับรู้ข่าวร้ายของเขา ช่างเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์กับหัวใจจริงๆ ขนาดนิยายของมากิที่นักอ่านชื่นชมว่าโรแมนติกหวานหยดจนมดอึ้งก็ยังไม่เท่ากับได้เจอกับตัวเองจริงๆ เธอเชื่อแล้วล่ะว่าความรักน่ะมีจริง

ไม่น่าเชื่อว่าคนบางคนจะมีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจได้มากขนาดนี้

และถึงแม้พลรบจะไม่ให้บอกใครเรื่องที่เขาถูกยิง แต่เรื่องราวของชายแดนใต้ซึ่งถูกจับตามองและเป็นข่าวได้ทุกเมื่อเชื่อวันก็หนีไม่พ้น สื่อที่รายงานแทบจะทันทีที่กระสุนลั่นออกจากกระบอกปืน หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันใหม่กับข่าวทหารถูกยิงเพราะเอาตัวเองเข้าไปปกป้องผู้นำศาสนาของหมู่บ้าน ถึงแม้จะเป็นข่าวกรอบเล็กๆ ที่มีพาดหัวข่าวใหญ่โตเรื่องดาราดังมีลูกก็ตาม นั่นก็ทำให้ครอบครัวของพลรบถึงกับบินตรงจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯ ในทันที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่