พระเจ้าอัมพสักขระตรัสถาม(เปรตตนหนึ่ง)ว่า
ท่านมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ และมีกลิ่นหอมฟุ้งไป ท่านได้สำเร็จฤทธิ์แห่งเทวดาเป็นผู้มีอานุภาพมาก แต่ท่านเปลือยกาย นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
เปรตนั้นกราบทูลว่า
เมื่อก่อน ข้าพระองค์เป็นคนมักโกรธ แต่มีใจเลื่อมใสเป็นนิตย์ พูดกับคนทั้งหลายด้วยวาจาอ่อนหวาน ข้าพระองค์มีรัศมีทิพย์สว่างไสวอยู่เนืองนิตย์ นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น
ข้าพระองค์เห็นยศ และชื่อเสียงของบุคคลผู้ตั้งอยู่ในธรรมมีจิตเลื่อมใสกล่าวสรรเสริญ ข้าพระองค์มีกลิ่นทิพย์หอมฟุ้งไปเนืองนิตย์ นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น
เมื่อพวกสหายของข้าพระองค์อาบน้ำที่ท่าน้ำ ข้าพระองค์ลักเอาผ้าซ่อนไว้บนบกไม่มีความประสงค์จะลักขโมยและไม่มีจิตคิดประทุษร้าย เพราะกรรมนั้น ข้าพระองค์จึงเป็นคนเปลือยกายเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง.
พระเจ้าอัมพสักขระตรัสถามว่า
ผู้ใดทำบาปเล่นๆ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ผู้นั้นได้รับผลกรรมเช่นนี้
ส่วนผู้ใดตั้งใจทำบาปจริงๆ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวผลกรรมของผู้นั้นว่า
เป็นอย่างไร?
เปรตนั้นกราบทูลว่า
มนุษย์เหล่าใดมีความดำริชั่วร้าย เป็นผู้เศร้าหมองด้วยกายและวาจา เมื่อ
ตายไป มนุษย์เหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรกในสัมปรายภพโดยไม่ต้องสงสัย
ส่วนชนเหล่าอื่นปรารถนาสุคติยินดียิ่งในทาน มีอัตภาพอันสงเคราะห์
แล้ว เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติในสัมปรายภพโดยไม่ต้องสงสัย.
ประเด็นที่ได้จากบทสนทนานี้
ข้อที่หนึ่ง การพูดจาไพเราะ ทำให้มีรัศมีสวยงาม
ข้อที่สอง การพูดสรรเสริญคนดี ทำให้มีกลิ่นหอมฟุ้ง
ข้อที่สาม ทำบาปเล่น ๆ แต่ผู้อื่นเดือดร้อน ก็จะได้รับผลกรรมนั้น
(ศึกษาทั้งหมดได้จาก)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖
ขุททกนิกาย -เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
มหาวรรคที่ ๔.
๑. อัมพสักขรเปตวัตถุ
ว่าด้วยพระเจ้าอัมพสักขระทรงสนทนากับเปรตเปลือย
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=4323&Z=4585&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=121
ผลกรรมของเปรตรัศมีสวยงามแต่ไม่มีเสื้อผ้าใส่
ท่านมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ และมีกลิ่นหอมฟุ้งไป ท่านได้สำเร็จฤทธิ์แห่งเทวดาเป็นผู้มีอานุภาพมาก แต่ท่านเปลือยกาย นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
เปรตนั้นกราบทูลว่า
เมื่อก่อน ข้าพระองค์เป็นคนมักโกรธ แต่มีใจเลื่อมใสเป็นนิตย์ พูดกับคนทั้งหลายด้วยวาจาอ่อนหวาน ข้าพระองค์มีรัศมีทิพย์สว่างไสวอยู่เนืองนิตย์ นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น
ข้าพระองค์เห็นยศ และชื่อเสียงของบุคคลผู้ตั้งอยู่ในธรรมมีจิตเลื่อมใสกล่าวสรรเสริญ ข้าพระองค์มีกลิ่นทิพย์หอมฟุ้งไปเนืองนิตย์ นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น
เมื่อพวกสหายของข้าพระองค์อาบน้ำที่ท่าน้ำ ข้าพระองค์ลักเอาผ้าซ่อนไว้บนบกไม่มีความประสงค์จะลักขโมยและไม่มีจิตคิดประทุษร้าย เพราะกรรมนั้น ข้าพระองค์จึงเป็นคนเปลือยกายเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง.
พระเจ้าอัมพสักขระตรัสถามว่า
ผู้ใดทำบาปเล่นๆ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ผู้นั้นได้รับผลกรรมเช่นนี้
ส่วนผู้ใดตั้งใจทำบาปจริงๆ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวผลกรรมของผู้นั้นว่า
เป็นอย่างไร?
เปรตนั้นกราบทูลว่า
มนุษย์เหล่าใดมีความดำริชั่วร้าย เป็นผู้เศร้าหมองด้วยกายและวาจา เมื่อ
ตายไป มนุษย์เหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรกในสัมปรายภพโดยไม่ต้องสงสัย
ส่วนชนเหล่าอื่นปรารถนาสุคติยินดียิ่งในทาน มีอัตภาพอันสงเคราะห์
แล้ว เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติในสัมปรายภพโดยไม่ต้องสงสัย.
ประเด็นที่ได้จากบทสนทนานี้
ข้อที่หนึ่ง การพูดจาไพเราะ ทำให้มีรัศมีสวยงาม
ข้อที่สอง การพูดสรรเสริญคนดี ทำให้มีกลิ่นหอมฟุ้ง
ข้อที่สาม ทำบาปเล่น ๆ แต่ผู้อื่นเดือดร้อน ก็จะได้รับผลกรรมนั้น
(ศึกษาทั้งหมดได้จาก)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖
ขุททกนิกาย -เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
มหาวรรคที่ ๔.
๑. อัมพสักขรเปตวัตถุ
ว่าด้วยพระเจ้าอัมพสักขระทรงสนทนากับเปรตเปลือย
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=4323&Z=4585&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=121