อ่านจากเรื่องอัมพสักขรเปตวัตถุที่ ๑
ในนั้นกล่าวถึงเปรตตนหนึ่งเป็นผู้มีอาณุภาพมาก มีรูปกายงามสง่า รัศมีสว่างไสว มีกลิ่นทิพย์หอมฟุ้งกระจาย เขาขี่ม้าขาวไปยังที่อยู่ของหลานชายผู้ถูกเสียบบนหลาว โดยกล่าวให้กำลังใจทุกวันว่า "จงมีชีวิตอยู่เถิด การมีชีวิตอยู่เป็นของประเสริฐ" และวันหนึ่งกษัตริย์ลิจฉวีก็ไปแถวนั้น จึงมีโอกาสได้พูดคุยกันว่า
พระเจ้าอัมพะสักขระตรัสว่า
ท่านขี่ม้าอันประดับประดาแล้ว เข้าไปยังสำนักของบุรุษที่ถูกเสียบหลาว
ม้าขาวตัวนี้เป็นม้าน่าอัศจรรย์ น่าดู น่าชม นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร
เปรตกราบทูลว่า
ที่กลางเมืองเวสาลีนั้นมีหลุมที่หนทางลื่น ข้าพระองค์มีจิตเลื่อมใส
เอาศีรษะโคศีรษะหนึ่งวางทอดที่หลุมให้เป็นสะพาน
ข้าพระองค์และบุคคลอื่น เหยียบศีรษะโคนั้นเดินไปได้สะดวก
ม้านี้เป็นม้าน่าอัศจรรย์ น่าดู น่าชม นี้เป็นผลแห่งกรรมนั่นเอง
พระเจ้าอัมพสักขรตรัสถามว่า
ท่านมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ และมีกลิ่นหอมฟุ้งไป ท่านได้สำเร็จฤทธิ์แห่งเทวดา
เป็นผู้มีอานุภาพมาก แต่เป็นคนเปลือยกาย นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร
เปรตนั้นกราบทูลว่า
เมื่อก่อนข้าพระองค์เป็นคนไม่มักโกรธ ทั้งมีจิตเลื่อมใสอยู่เป็นนิตย์
พูดกับคนทั้งหลายด้วยวาจาอ่อนหวาน ข้าพระองค์มีรัศมีเป็นทิพย์สว่างไสวอยู่เนืองนิตย์
นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น ข้าพระองค์เห็นยศและชื่อเสียงของบุคคลผู้ตั้งอยู่ในธรรม
มีจิตเลื่อมใสกล่าวสรรญเสริญ ข้าพระองค์มีกลิ่นทิพย์หอมฟุ้งไปเนืองนิตย์
นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น เมื่อพวกสหายของข้าพระองค์อาบน้ำที่ท่าน้ำ
ข้าพระองค์ลักเอาผ้าซ่อนไว้บนบก ไม่มีความประสงค์จะลักขโมย
และไม่มีจิตคิดประทุษร้าย เพราะกรรมนั้นข้าพระองค์จึงเป็นคนเปลือยกาย มีความเป็นอยู่ฝืดเคือง
พระเจ้าอัมพะสักขรตรัสถามว่า
ผู้ใดทำบาปเล่นๆ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ผู้นั้นได้รับผลกรรมเช่นนี้
ส่วนผู้ใดตั้งใจทำบาปจริงๆ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวผลกรรมของผู้นั้นว่าอย่างไร
เปรตกราบทูลว่า
มนุษย์เหล่าใดมีความดำริชั่วร้าย เป็นผู้เศร้าหมองด้วยกายและวาจา
เพราะกายแตกตายไป มนุษย์เหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก ในสัมปรายภพโดยไม่ต้องสงสัย
ส่วนชนเหล่าอื่นปรารถนาสุคติ ยินดียิ่งในทาน มีอัตภาพอันสงเคราะห์แล้ว
เพราะกายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติในสัมปรายภพโดยไม่ต้องสงสัย
........................................................................................................................................................................................
อย่างอื่นยกเอาไว้ก่อน อยากทราบว่าการพูดจาอ่อนหวานก็เป็นบุญด้วยหรือ ถ้ามันง่ายอย่างนั้นทำไมถึงไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน เอาแค่ในชีวิตประจำวันก็พ่นถ้อยคำหยาบคายจนเป็นกิจวัตรแล้ว หรือแม้แต่ในไลค์ แชท แชร์ ยิ่งด่าบริภาษกันเป็นว่าเล่น
การพูดจาไพเราะก็นับเป็นบุญด้วยหรือครับ?
ในนั้นกล่าวถึงเปรตตนหนึ่งเป็นผู้มีอาณุภาพมาก มีรูปกายงามสง่า รัศมีสว่างไสว มีกลิ่นทิพย์หอมฟุ้งกระจาย เขาขี่ม้าขาวไปยังที่อยู่ของหลานชายผู้ถูกเสียบบนหลาว โดยกล่าวให้กำลังใจทุกวันว่า "จงมีชีวิตอยู่เถิด การมีชีวิตอยู่เป็นของประเสริฐ" และวันหนึ่งกษัตริย์ลิจฉวีก็ไปแถวนั้น จึงมีโอกาสได้พูดคุยกันว่า
พระเจ้าอัมพะสักขระตรัสว่า
เปรตกราบทูลว่า
พระเจ้าอัมพสักขรตรัสถามว่า
เปรตนั้นกราบทูลว่า
พระเจ้าอัมพะสักขรตรัสถามว่า