วิทยาตาสว่าง ปี 2 ตอน 3 - ไมโครเวฟอันตรายจริงเหรอ

สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มคลายตัวลง ก็เลยขอเอาคลิป วิทยาตาสว่าง ตอนล่าสุด มาให้ชมกันครับ

ตอนนี้มาจากคำถามยอดฮิตเรื่อง "ใช้เตาไมโครเวฟหุงต้มอาหาร แล้วจะเป็นอันตรายหรือไม่" ก็ลองชมรายการดู แล้วพิจารณากันดูนะครับว่าเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร

--------------------------------------------
"ในอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลอันตายจากการใช้ไมโ­ครเวฟอุ่นอาหารเผยแพร่มากมาย ทั้งอ้างว่าทำให้เสียคุณค่าทางอาหาร ไปจนถึงทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ฯลฯ เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร มาดูข้อเท็จจริงได้จาก วิทยาตาสว่าง"

ช่วงที่ 1 ครับ - จะว่าด้วยคำอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของเตาไมโครเวฟ ว่าไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายขึ้นกับอาหารที่หุงต้มหรอก แต่ถ้าเอาไปใช้หุงต้มอาหารที่ปิดมิดชิด หรือไข่ จะระเบิดตูมตามได้ครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ช่วงที่ 2 ครับ - ช่วงนี้จะมีการโชว์อันตรายที่แท้จริงจากเตาไมโครเวฟอีกอย่าง ก็คือ ปรากฏการณ์ super heating ครับ ที่ทำให้เวลาเราต้มน้ำด้วยไมโครเวฟ แล้วใส่กาแฟลงไป ทำให้เกิดน้ำเดือดระเบิดขึ้นมาได้ครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แถมด้วยเนื้อหาจากเพจ Anti Pseudo-science โดย Apiwat Ikkyu ที่ผมเคยช่วยตอบไว้เกี่ยวกับ "ความกังวลในเตาไมโครเวฟ" ก่อนหน้านี้ครับ

Q : การใช้เตาไมโครเวฟประกอบอาหารนั้นไม่ดีต่อสุขภาพจริงหรือ?

A: ความจริงแล้ว ผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์กลับบอกว่าถ้าเราใช้เตาไมโครเวฟอย่างถูกวิธี คุณค่าของอาหารนั้นจะไม่ได้แตกต่างจากการใช้วิธีหุงต้มตามปรกติเลย แถมมีแนวโน้มจะรักษาสารอาหารต่างๆ ที่มีขนาดเล็กเอาไว้ได้มากกว่าวิธีการปรกติเสียอีก โดยเฉพาะจากการต้มอาหารให้เดือดซึ่งไมโครเวฟใช้เวลาในการประกอบอาหารสั้นกว่า (จะมีเพียงแค่กรณีที่ให้เตาไมโครเวฟต้มอาหารจนสุกที่อุณหภูมิเกินกว่า 100 องศาเซลเซียสซึ่งสูงได้มากกว่าการต้มน้ำโดยปรกติและทำให้วิตามินบี 12 เสียสภาพได้)

- จากการทดลองเอาผักโขมมาประกอบอาหารด้วยเตาไมโครเวฟพบว่าปริมาณสารโพเลตในผักโขมแทบจะเหมือนเดิม ขณะที่ถ้าเอาไปต้มบนเตาไฟธรรมดาจะมีปริมาณลดลงถึง 77%

- เบคอนที่นำมาประกอบอาหารด้วยไมโครเวฟนั้นมีปริมาณสารไนโตรซามีนที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

- ถ้าใช้ไมโครเวฟในการลวกอาหารพบว่าจะมีประสิทธิภาพในการรักษาวิตามินต่างๆ ที่ละลายน้ำได้ เช่น กรดฟอลิก ไทอามิน และไรโบฟลาวิน ได้ดีกว่าลวกในน้ำเดือดถึง 3-4 เท่า (ยกเว้นแต่กรดแอสคอบิกหรือวิตามินซีที่จะสูญเสียไปถึง 28.8% ขณะที่เสียไปเพียง 16% ถ้าลวกด้วยน้ำเดือด)

- ส่วนอันตรายที่จะเกิดจากตัวคลื่นไมโครเวฟนั้นโดยปรกติแล้วก็ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น โอกาสที่เตาไมโครเวฟจะมีคลื่นรั่วออกมาเกินจากปริมาณที่กำหนดนี้จะมีน้อยมาก เพราะตัวเครื่องทำด้วยโลหะแล้วต่อสายดิน

- ถ้าวัสดุที่ห่อหุ้มภายในเตายังอยู่ในสภาพดีก็จะไม่มีการรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟออกมา ซึ่งตามกฎเกณฑ์สากลนั้นยอมให้มีการรั่วไหลได้เพียงแค่ 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตรที่ระยะห่าง 5 เซนติเมตรจากเตา จึงมีค่าต่ำกว่าระดับที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เป็นอย่างมาก

- ยิ่งกว่านั้นรังสีที่เกิดจากเตาไมโครเวฟนั้นไม่ใช่ประเภทที่มีประจุจึงไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็งเหมือนกับรังสีเอ็กซ์หรือรังสีจากอนุภาคพลังงานสูงอื่นๆ

- อันตรายที่เราควรจะระวังว่าอาจจะเกิดขึ้นได้จากการใช้เตาไมโครเวฟนั้นกลับกลายเป็นปรากฏการณ์ซุปเปอร์ฮีท (superheat) ที่เกิดขึ้นได้เมื่อเราเอาของเหลวเนื้อเดียว เช่น น้ำเปล่า มาต้มด้วยเตาไมโครเวฟในภาชนะที่มีผิวเรียบลื่น เช่น ถ้วยกาแฟ ซึ่งจะทำให้ของเหลวนั้นมีอุณหภูมิสูงกว่าจุดเดือดปรกติได้โดยไม่เกิดฟองอากาศขึ้นในของเหลวนั้น และอาจจะระเบิดขึ้นได้เมื่อของเหลวเดือดจัดนั้นถูกกระทบกระเทือนตอนที่เราหยิบออกจากเตาหรือตอนที่เราเติมผงครีมหรือน้ำตาลลงไป ซึ่งจะทำให้เกิดปฏิกิริยากระตุ้นให้ของเหลวเดือดพลุ่งกระเด็นขึ้นออกมาจากภาชนะได้เองจนเป็นอันตรายได้

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่