ท่านสุเทพครับ ที่พวกท่านคิดวางแผนจะยึดอำนาจ จะตั้งสภาประชาชน สุดท้ายท่านจะขอนายกพระราชทาน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ตกลงท่านกำลังจะสร้างความเดือดร้อน ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านอีกแล้วใช่ไหมครับ ก็เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทรงตรัสไว้ชัดเจนแล้วนี่ครับ ว่า นายก ม.7 มั่ว ไม่เป็นประชาธิปไตย พระองค์ท่านทรงเดือดร้อนกับเรื่องนี้มาก รู้ทั้งรู้ พวกท่านก็ยังคิดจะทำการให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทกันอีกหรือครับ...ถ้าเป้าหมายของท่านเป็นอย่างนั้นจริงๆ ท่านก็เล วมาก ๆ ที่ตั้งใจจะทำการให้ทรงระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท...เลิกเถอะครับ...ผู้ชุมนุม ผู้ที่สนับสนุนก็เลิกได้แล้ว...ถ้าไม่เลิกก็ไม่ต้องเที่ยวไปบอกใคร ๆ เขาว่าตัวเองรักประชาธิปไตย ปกป้องประชาธิปไตย และตัวเองจงรักภักดีกว่าใคร ๆ เขาหรอกนะครับ...อายเขาเปล่า ๆ...ไป ไป เลิก ๆ ๆ พอกันที
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 25 เมษายน 2549
“ ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมากที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทาน นายกฯ พระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา 7 ว่าอะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีตามที่ควรทำไป ไม่มี
เขาอยากจะได้นายกฯ พระราชทานกัน ขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่เป็นประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษ แบบมั่ว คือแบบไม่มีเหตุมีผล การที่ท่านเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่จะใส่ สามารถที่จะไปคิดวิธีที่จะปฏิบัติ คือปกครองต้องมีสภาให้ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ไม่ได้ อาจจะหาวิธีที่จะทำสภาที่มีครบถ้วน และทำงาน ก็รู้สึกว่ามั่ว ไม่ทราบ ใครจะทำมั่ว ปกครองประเทศมั่วไม่ได้ คิดอะไร แบบ ทำปัดๆ ไป ให้มันเสร็จๆ ไป ถ้าไม่ได้เขาก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่ว”
อ้างอิง :
http://www.thailawyer.net/php/king.php
ท่านสุเทพ ผู้ร่วมชุมนุม และผู้ที่คิดสนับสนุนทุกท่านครับ ถ้าเป้าหมายของพวกท่านเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกท่านก็เล.มาก ๆ
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 25 เมษายน 2549
“ ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมากที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทาน นายกฯ พระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา 7 ว่าอะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีตามที่ควรทำไป ไม่มี
เขาอยากจะได้นายกฯ พระราชทานกัน ขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่เป็นประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษ แบบมั่ว คือแบบไม่มีเหตุมีผล การที่ท่านเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่จะใส่ สามารถที่จะไปคิดวิธีที่จะปฏิบัติ คือปกครองต้องมีสภาให้ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ไม่ได้ อาจจะหาวิธีที่จะทำสภาที่มีครบถ้วน และทำงาน ก็รู้สึกว่ามั่ว ไม่ทราบ ใครจะทำมั่ว ปกครองประเทศมั่วไม่ได้ คิดอะไร แบบ ทำปัดๆ ไป ให้มันเสร็จๆ ไป ถ้าไม่ได้เขาก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่ว”
อ้างอิง :
http://www.thailawyer.net/php/king.php