...ตกลงทั่นหัวเน่า..จะเอาอย่างไรกันแน่ครับ..

.


ก่อนอื่น มาฟังบทสัมภาษณ์บางตอน ของนายอภิสิทธิ์จากบลูตะกายเมื่อเช้านี้ครับ..


.. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์รายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ว่า..

" วันนี้เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่เป็นโอกาสดีที่พสกนิกรชาวไทยประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินให้กับแผ่นดินนี้ให้กับพวกเราทุกคน จึงอยากให้ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน..เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะตั้งหลักน้อมนำเอากระแสพระราชดำรัสทั้งหลายในอดีต และแนวพระราชดำรินั้นมาช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองของเราต่อไป ”

ผมละงงจริงๆ กับไอ่ แหล หลักลอย หัวเน่าของพรรคเก่าเก่ นี้จริงๆครับ..

ฟังดูดี แต่ไม่มีหลักสักกะนิด เพราะถ้าทั่นหัวเน่าแนะนำว่าให้น้อมรับเอาแนวพระราชดำริมาช่วยแก้ปัญหาของบ้านเมืองแล้วล่ะก้อ ก็โปรดได้อ่าน และทำความเข้าใจในพระราชดำรัสให้ถูกต้องอีกครั้ง


พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แก่คณะผู้พิพากษาศาลฏีกา


  " เมื่อก่อนนี้มีศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลอาญา เดี๋ยวนี้มีศาลหลายอย่าง ก็เรื่องนี้ก็ต้องให้
ดำเนินการไป ศาลจะเป็นผู้ทำให้บ้านเมืองปกครองแบบประชาธิปไตยได้ อย่าไปคอยที่จะ
ให้ขอนายกฯ พระราชทาน เพราะขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ได้เป็นการปกครองแบบประ
ชาธิปไตย ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมากที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทาน นายกฯ พระราชทาน
ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการ
อ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา 7 ว่าอะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีตาม
ที่ควรทำไป ไม่มี

เขาอยากจะได้นายกฯ พระราชทานกัน ขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของ
นายกฯ ที่เป็นประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษ แบบมั่ว คือแบบไม่มี
เหตุมีผล การที่ท่านเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่จะใส่ สามารถที่จะไปคิดวิธี
ที่จะปฏิบัติ คือปกครองต้องมีสภาให้ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ไม่ได้ อาจจะหาวิธีที่
จะทำสภาที่มีครบถ้วน และทำงาน ก็รู้สึกว่ามั่ว ไม่ทราบ ใครจะทำมั่ว ปกครองประเทศมั่ว
ไม่ได้ คิดอะไร แบบ ทำปัดๆ ไป ให้มันเสร็จๆ ไป ถ้าไม่ได้เขาก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ
ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่ว "

" ต้องขอร้องให้ศาลคิด เดี๋ยวนี้ประชาชนประชาธิปไตยเขาหวังในศาล โดยเฉพาะศาลฎีกา
ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีเหตุมีผล ท่านมีความรู้ ท่านได้เรียนรู้กฎหมายมาก และพิจารณา
กฎหมายที่ ศึกษาดีๆ ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักการปกครองประเทศชาติไปไม่รอด
อย่างที่บอกว่า ไม่มีสภา สมาชิกสภา 500 คน ทำงานไม่ได้ ก็ต้องเป็นปัญหา จะทำอย่างไรให้
ทำงานได้ อย่ามาขอให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน เพราะอาจจะว่า ต้องเดือดร้อน

แต่ว่า ในมาตรา 7 นั้น ไม่ได้บอกว่าพระมหากษัตริย์สั่งได้ ไม่มี ลองไปดู
มาตรา 7 เขาเขียนว่า ไม่มีในบทบัญญัติแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
กษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่ามีพระมหากษัตริย์มาสั่งการได้ และก็ขอ
ยืนยันว่า ไม่เคยสั่งการอะไรที่ไม่มีกฎเกณฑ์ บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
กฎหมายซึ่งบัญญัติไว้ ทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง อย่างที่ขอให้มี
พระราชทานนายกฯ ไม่เคยมีข้อนี้ "



มาถึงตอนนี้ ทั่นหัวเน่าจะเข้าใจมั้ยครับว่าข้อเสนอทางออกของประเทศไทยของทั่นนั้นมันมั่ว..

มั่ว เพราะไม่มีข้อใดสอดรับกับแนวพระราชดำริแม้แต่น้อย

ขอร้องเถอะครับ หยุดที พอทีเถอะครับ กับข้อเสนอขอนายกฯพระราชทาน หรือนายกฯคนกลาง

เพียงแต่ แค่เดินทางสายกลาง เดินตามกติกาพาลูกพรรคลงเลือกตั้ง แล้วจะทำสัญญาประชาคมว่าจะลงสัตยาบันร่วมกันว่าจะปฏิรูปอย่างไรก็ว่าไปในเวลาที่กำหนด ปัญหามันก็จะหมดไป หรือถ้าไม่หมด มันก็ลดลงไปได้เยอะแล้ว

แต่ถ้าพวกทั่นหัวเน่า และลูกสมุนบางคนยังออกมาขู่รายวัน ว่าบ้านเมืองจะนองเลือด หากไม่รับข้อเสนอของก๊วนทั่น..นั่นแหละคือการสร้างเงื่อนไข

ผมขอแนะนำว่า รีบไปให้ไกลๆ ไปให้ไวๆ รีบไปแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า ไม่ขอมีส่วนร่วมในการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง พร้อมกับแสดงความประสงค์ขอยุบพรรคฯให้มันสิ้นเรื่อง สิ้นราวกันไป

เพราะ พรรคเก่าๆ เน่าๆแบบนี้อยู่ไปก็รังแต่เป็นอุปสรรคต่อการพํฒนาพรรคการเมือง และ เปลืองภาษีอากรของประชาชนไปเปล่าๆ

เพราะชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ ไม่ซื่อสัตย์ ไม่เคารพเสียงประชาชน..

แล้วจะทนอญู่ร่วมกันไปทำไม ในเมื่อหัวใจทั่นหัวเน่ายังติดใจ ฝังใจในอำนาจนอกระบบ นอกกติกา สวนทางกับแนวทางพระบรมราโชวาทของ รัชกาลที่ 7 ที่พระราชทานในวันงานประจำปีของวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๕ ว่า

“...หลักที่สาม ที่ปัปลิกสกูลเขาใช้ก็คือ เขาฝึกให้นักเรียนมีน้ำใจเป็นนักกีฬาแท้คือ ที่เรียกว่าสปอร์ตสแมน การฝึกน้ำใจนั้นเป็นของสำคัญมาก ยิ่งเราจะปกครองแบบเดโมคราซียิ่งสำคัญขึ้นอีก ในที่นี้จะขอหยิบยกหลัก ๒ -๓ อย่างที่ว่าน้ำใจเป็นนักกีฬานั้นคืออะไร

ประการที่หนึ่ง นักกีฬาจะเล่นเกมอะไรก็ตามต้องเล่นให้ถูกต้องตามกฎข้อบังคับของเกมนั้น ไม่ใช้วิธีโกงเล็กโกงน้อยอย่างใดเลย จึงจะสนุกจึงจะเป็นประโยชน์

ประการที่สอง ถ้าเกมที่เล่นนั้นเล่นหลายคนต้องเล่นเพื่อความชะนะของฝ่ายตน ไม่ใช่เล่นเพื่อตัวคนเดียว ไม่ใช่เพื่อแสดงความเก่งของตัวคนเดียว

ประการที่สาม นักกีฬาแท้นั้นต้องรู้จักชะนะและรู้จักแพ้ ถ้าชะนะก็ต้องไม่อวดทำภูมิ ถ้าแพ้ก็ต้องไม่พยาบาทผู้ชะนะ เป็นต้น

หลักสามอย่างนี้สำคัญมาก ย่อมใช้เป็นประโยชน์ได้ในการเมืองด้วย เมื่อเราจะปกครองแบบรัฐสภาแล้ว ก็ต้องมีคณะการเมืองเป็นธรรมดา เกมการเมืองก็ย่อมต้องมีกฎของเกมเหมือนกัน ถ้าเราเล่นผิดกฎการเมืองก็ย่อมมีผลเสียหายได้มากทีเดียว เพราะการปกครองแบบเดโมคราซีย่อมต้องมีการแพ้และชะนะ ซึ่งถือเอาตามเสียงของหมู่มากกว่าฝ่ายใดแพ้และชะนะ เพราะคณะการเมืองย่อมมีความเห็นต่างๆ กันเป็นธรรมดา "

คุณ อภิสิทธิ์ ทั่นหัวหน้าพรรคเก่าแก่คนที่ 7..คุณอ่านแล้วคุณสำเหนียกหรือไม่ว่า..

ขณะนี้คุณกำลังเสนอทางออกของประเทศไทย ด้วยวิธีการนอกเกมกติกา

หากมีผลเสียหายตามมา..คุณจะรับผิดชอบไหวหรือไม่..?



...............................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่