ย้อนดูแนวร่วมถวายฎีกาขอนายกฯ พระราชทาน

กระทู้สนทนา
ขออนุญาตนำข่าวเก่า เกี่ยวกับการถวายฎีกาขอนายกพระราชทาน ปี 2549 มาฝากกลุ่ม ' กปท ' ที่ประกาศว่า จะเดินทางไปถวายฎีกาขอพระราชทาน  ' สภาประชาชน ' จาก ในหลวง
  ฝากพิจารณาตอนท้าย ซึ่ง พระองค์ทรงมีพระราชดำรัส แก่ กลุ่มบุคคลดังกล่าว ด้วย  

การถวายฎีกาขอนายกฯพระราชทาน เคยเกิดขึ้นแล้ว เมื่อปี 2549 โดยในช่วงเวลานั้น มีบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายด้าน ร่วมลงนามในบัญชีแนบท้าย โดยระบุว่า ประเทศไทย หมดทางออก และเกิดวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ จนทำให้เกิดการตีความมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญ ปี 2540 กันอย่างกว้างขวาง


วันที่ 5 มีนาคม 2549 กลุ่มนักวิชาการ วุฒิสมาชิก ราชนิกูล แพทย์อาวุโส นักวิชาการ ศิลปินแห่งชาติ รวม 96 คน นำโดย ศาสตราจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ร่วมกันลงนามถวายฎีกา ขอพระราชทานรัฐบาลชั่วคราว และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบริหารประเทศเป็นการชั่วคราว จนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ โดยอ้างอิงความตาม มาตรา 7 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540


หลังจากที่รัฐบาลของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ประกาศยุบสภา ไปเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549  เพื่อให้ กกต.จัดการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 2 เมษายน 2549  


โดยเนื้อหาสำคัญในฎีกาฉบับนี้ คือ พันตำรวจโททักษิณ ได้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ทำการยุบสภา โดยมิไม่มีเหตุอันควร เป็นการทำลายระบบรัฐสภา และทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายเพิ่มขึ้นและพรรคฝ่ายค้าน ยังตกลงร่วมกันไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง จึงน่าจะทำให้พรรคไทยรักไทย กลายเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวในสภา และทำให้การต่อต้านของประชาชนมีมากขึ้นอีก  


บุคคลตามรายชื่อแนบท้าย จึงไม่เห็นทางออกใด นอกจากการขอพระราชทานพระบารมี ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย นำจารีตประเพณีการปกครอง ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาใช้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีรัฐบาลชั่วคราว ทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ และดูแลเลือกตั้ง เพื่อเป็นการเริ่มต้นกิจกรรมทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยใหม่  


ซึ่งหนึ่งในนักการเมืองที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยเขาได้เคยอภิปรายเรื่องนี้ในสภาผู้แทนราษฎร


และมีแนวร่วมภาคประชาน นั่นคือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้การสนับสนุนอยู่ภายนอกรัฐสภา ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งท้ายที่สุด วันที่ 25 เมษายน 2549  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุขวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองสูงสุด เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่


ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสกับประธานศาลปกครองสูงสุด  กรณีนายกรัฐมนตรีพระราชทาน โดยมีเนื้อความบางตอนว่า การขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ได้เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความเดือดร้อนมากที่เอะอะ อะไรก็ขอพระราชทาน นายกฯ พระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด พระราชดำรัสดังกล่าวจึงทำให้การถวายฎีกาเพื่อขอนายกรัฐมนตรี หรือ นายก มาตรา 7 หายไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่