JJNY : ผู้สมัครจี้กกต.สอบทุจริตเลือกตั้ง│ครช.ยื่น ส.ว.ขอผ่านเกณฑ์│ส.ว.แฉซ้ำกลางสภา จีนเทารุกป่า│ผู้ค้าจีนเมินภาษีทรัมป์

ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ-สมุทรสงคราม จี้กกต.สอบทุจริตเลือกตั้ง ทั้งให้เงิน คะแนนลด
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5042090
 
 
ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ จี้ กกต. ปมคะแนนไม่ตรงกัน ชี้ผิดพลาดหรือเจตนาหวังประวิงเวลาให้ใคร
 
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 
สมุทรสงคราม พรรคประชาชน พร้อม นายนพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ พรรคประชาชน เข้าร้องเรียนต่อ กกต.ถึงเรื่องการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของผู้สมัครในช่วง 180 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง อบจ.
 
นางนันทิยากล่าวว่า วันนี้ที่มายื่นกับ กกต.ถึงการปฏิบัติการเลือกตั้งที่ผิด ซึ่งเป็นเรื่องของการทุจริตการเลือกตั้ง โดยพบว่ามีการให้เงินและประโยชน์อื่นใดที่จูงใจให้กับประชาชนไปเลือกผู้สมัครรายอื่น เชื่อว่าหลักฐานที่นำมาวันนี้ค่อนข้างแน่นและครบถ้วนในกระบวนการทำความผิด อย่างไรก็ตาม ฝาก กกต.ด้วยว่าในการเลือกตั้ง อบจ.ในสมุทรสงคราม มีความผิดปกติในการเลือกตั้งหลายอย่าง หรือถ้า กกต.อยากได้ข้อมูลสามารถตรวจสอบดูจากเพจเฟซบุ๊กของท้องถิ่นต่างๆ ที่เฝ้าติดตามการเลือกตั้งครั้งนี้ได้

ด้านนายนพดลกล่าวว่า วันนี้นำข้อสรุปมายื่นต่อ กกต.ถึงเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้ง อบจ.ของสมุทรปราการครั้งนี้เป็นไปด้วยความไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม ซึ่งจะได้ยื่นภาพผลการนับคะแนนที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง กับใบรายงานผล 5/7 ของ กกต. โดยพบความผิดพลาดในการรายงานผลคะแนนให้กับ กกต. เพื่อประกาศให้กับประชาชนได้รับทราบ สิ่งที่พบคือกระดานนับคะแนนหน้าหน่วยเลือกตั้งกับคะแนนในเอกสารรายงานผล 5/7 มีคะแนนที่ไม่ตรงกัน
 
นายนพดลกล่าวว่า ตัวอย่างที่นำมาวันนี้คือกระดานหน้าหน่วยการนับคะแนนตนได้คะแนน 200 แต่เจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) สรุปคะแนนให้กับ กกต.เพื่อนำไปสรุปในเอกสาร 5/8 กลับมีการลดจำนวนคะแนนของตนลงจาก 200 เหลือเพียง 196 คะแนน เป็นไปได้หรือไม่ว่าการกระทำครั้งนี้ไม่ใช่ความพลั้งเผลอผิดพลาด แต่เกิดจากความเจตนาหรือไม่อย่างไร เพราะมีการไปเพิ่มคะแนนให้กับผู้สมัครหมายเลขอื่นที่มีคะแนนน้อยให้มีคะแนนมาก นี่จึงเป็นหนึ่งประเด็นที่ตนมาเรียกร้องให้ กกต.ออกมาให้ความชัดเจนในเรื่องนี้
 
นายนพดลกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เราเคยยื่นให้กับ กกต.จังหวัดตรวจสอบแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันนี้ กกต.ยังไม่ได้ให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ และเราก็ไม่แน่ใจว่า กกต.ได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วหรือยัง หรือจะเป็นการประวิงเวลาเพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่ง สามารถไปแก้เอกสารได้หรือไม่



ครช. ยื่น ส.ว. ขอผ่านเกณฑ์ ​1ใน3 ปลดล็อกรธน.60 เตรียมจัดกิจกรรมหน้าคู่ขนาน13​-14ก.พ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5041996
 
คณะรณรงค์แก้รธน. ​ยื่นส.ว.​ขอผ่านเกณฑ์ ​1ใน3 ปลดล็อกรัฐธรรมนูญ 60 พร้อมเตรียมจัดกิจกรรมหน้าสภาคู่ขนาน 13​ -14 ก.พ. ด้านโฆษกวิปวุฒิฯ ย้ำหนังสือผ่านร่าง ไม่ใช่รับร่าง
 
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ส.ว.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา(วิปวุฒิสภา) ​รับหนังสือจากกลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ที่ขอสว.ให้ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ ​13-14 ก.พ.นี้​ เพื่อให้มี​ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)เข้ามาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะเดียวกันทางคณะรณรงค์​ฯได้เปิดแคมเปญลงชื่อทางออนไลน์เพื่อเรียกร้องให้รัฐสภารับร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอเข้ามาจัดกิจกรรมของประชาชน บริเวณรัฐสภา วันที่13 -​14 ก.พ. จะมีการเดินขบวนมาที่รัฐสภาเพื่อติดตามการลงมติ มีเวทีพูดคุยสาธารณะ และปราศรัย​ โดยเวลา 18.00 น. โดยจะเชิญประธานวุฒิสภา และส.ว.ร่วมเวทีพบปะประชาชน เพื่อแสดงมุมมองวิสัยทัศน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการแก้มาตรา 256 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการนำไปสู่แก้ไขรัฐธรรมนูญ​
 
น.ส.ภัสราวลี​ ธนกิจวิบูลย์​ผล​ ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า วันที่ 13-14 ก.พ.นี้ จะมีวาระสำคัญที่รัฐสภาจะพิจารณาเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ นับเป็นครั้งแรกในการพิจารณาเรื่องนี้ ของ​สส.และส.ว.​ชุดนี้​ สำหรับประชาชนที่ต้องทนอยู่กับรัฐธรรมนูญ 2560 ยาวนาน พยายามแก้ไขมาโดยตลอดแต่ถูกส.ว.ชุดเก่าปัดตก ดังนั้นวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ จึงถือเป็นนัดชี้ชะตา และเป็นวันสำคัญของเราว่าจะต้องใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ไปอีกนานแค่ไหน จำเป็นที่รัฐสภาต้องรับทุกร่างไปก่อน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าร่างไหนไม่ควรผ่าน เพราะการทำประชามติที่ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจน ทั้งฝ่ายกฎหมายคนร่างรัฐธรรมนูญและรัฐสภาที่เห็นตรงกันว่าสามารถเดินหน้าได้แล้ว การแก้ไขมาตรา 256 สามารถบรรจุและแก้ไขในสภาฯได้
 
จึงอยากย้ำเตือน ว่าส.ว.เป็นกุญแจในการปลดล็อคร่างรัฐธรรมนูญที่สำคัญมาก และตอนนี้ติดเกณฑ์​ 1 ใน 3 ของสว.ในการรับหลักการและผ่านความเห็นชอบ​ ถ้าส.ว.ชุดนี้ไม่ให้ผ่านเราไม่รู้เลยว่าจะแก้รัฐธรรมนูญได้เมื่อใด​ และจะแล้วเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องรับร่างและผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปให้ได้” น.ส.ภัสราวลี กล่าว
 
ด้านนายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ตนจะทำหน้าที่ในฐานะวิปวุฒิสภาโดยนำหนังสือดังกล่าว ส่งให้ประธานวุฒิสภารับทราบถึงกิจกรรมต่างๆ ในวันที่ 13 ก.พ.และย้ำว่าหนังสือดังกล่าวยื่นมาเพื่อให้ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เป็นหนังสือขอให้รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ



ส.ว.แฉซ้ำกลางสภา จีนเทารุกป่าปลูกทุเรียน เลื่อยยนต์ดังทั้งคืน ชาวบ้านสงสัยตร.ไม่ได้ยิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5042073

ส.ว.แฉซ้ำกลางสภา จีนเทารุกป่าปลูกทุเรียน เลื่อยยนต์ดังทั้งคืน ชาวบ้านสงสัยตร.ไม่ได้ยิน
 
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ในที่ประชุมวุฒิสภาพ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา รองเลขาธิการคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา ได้อภิปรายตั้งกระทู้ เป็นวาระเร่งด่วน เพื่อให้รัฐบาล มีมาตรการ สั่งการปราบปรามกลุ่มทุน ที่บุกรุกพื้นที่ป่า จ.จันทบุรี เพื่อปลูกทุเรียน โดยได้ตั้งกระทู้ถามต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) แต่ นายเฉลิมชัย แจ้ง ยังไม่พร้อมจะตอบกระทู้ในวันนี้ ทั้งนี้ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และขอให้เป็นวาระการอภิปรายในวาระถัดไป
  
นายยุคล ให้สัมภาษณ์ มติชนออนไลน์ ว่า ที่ผ่านมา ตนอยากจะบอกกับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งประเทศว่า ที่ผ่านมา สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าไม้ใน จ.จันทบุรี ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง โดยการตัดต้นไม้ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ กลุ่มคนมีสี ซึ่งเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ สิ่งแวดล้อม ป่าไม้ ในบ้านเรา โดนคุกคาม โดยอิทธิพลนักการเมือง ข้าราชการมีสี หรือ ข้าราชการเทา ที่เป็นนอมินีของจีนเทา ทำไมเรารู้ว่าเป็นจีนเทา ก็เพราะเวลานี้ ล้งทุเรียน ในจ.จันทบุรี หลายสิลล้ง ไม่ใช่ของคนไทยจริงๆ แต่เป็นของคนต่างชาติทั้งนั้น
 
พวกนี้ เข้าไปตัดไม้หวงห้าม เป็นพันๆไร่ เพื่อเตรียมเอาพื้นที่ปลูกทุเรียน เชื่อไหมครับว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ตลอดทั้งคืน เสียงรถแบ็คโฮวิ่งไปวิ่งมาทั้งกลางวัน กลางคืน ดินตกเกลื่อนถนน ไม้หาย เขากลายเป็นเขาหัวโล้น แต่ผู้ที่รับผิดชอบในพื้นที่ แม้กระทั่ง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หรือ คนที่รับผิดชอบ ไม่ได้ยิน ไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ เพราะเขาเกรงกลัวคนที่มีอิทธิพล ที่ร่วมกระทำในเรื่องเหล่านี้ จนต้องมีคนเขียนจดหมายมาร้องเรียนที่วุฒิสภา เพราะพึ่งพาในพื้นที่ไม่ได้ และหากปล่อยเอาไว้ ป่าเมืองจันทน์หมดแน่นอน เป็นเรื่องใหญ่ และเรื่องที่น่าเศร้ามาก” นายยุคล กล่าว
 
นายยุคล กล่าวว่า นายทุน ที่เป็นนอมินีของชาวต่างชาติเหล่านี้ มีความเหิมเกริม และมั่นใจในอิทธิพลของตัวเองมาก ไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย จึงได้กล้าทำเรื่องนี้แบบนี้ ขณะนี้ ได้แจ้งเรื่องให้กับทางอธิบดีกรมป่าไม้ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพล ที่เป็นผู้กระทำเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว และตนจะอภิปรายตั้งกระทู้เร่งด่วน ในที่ประชุมวุฒิสภาอีกครั้ง เพื่อให้รัฐบาลรับทราบ ว่ามีเรื่องแย่ๆแบบนี้เกิดขึ้น
  
เมื่อถามว่า มั่นใจอย่างไรว่า ล้งที่มีจำนวนมาก ใน จ.จันทบุรีนั้นเป็นของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน นายยุคล กล่าวว่า มีชาวบ้านให้ข้อมูลมา อย่างไรก็ตาม ได้ถามไปยัง กรมวิชาการเกษตร ถึงจำนวน ปริมาณ ล้งจำนวนมากที่อยู่ใน จ.จันทบุรี ว่า มีจำนวนเท่าไร ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ทั้งนี้ตนเห็นว่า ทางกระทรวงเกษตร จะต้องมีการควบคุมปริมาณล้ง และตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่