ณ สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง พ.ย.๕๖(ฉบับที่๔) เรียน ท่านคึกฤทธิ์ ผมมีโอกาสได้ดูวีดีโอ ที่ท่านสอนโยมเรื่อง พระวินัยของพระว่า ๑๕๐ หรือ ๒๒๗ กันแน่ (ตอนท่านยืนชี้กระดาน) ผมมีเรื่องติงท่านมากมายดังนี้!!!
๑. ท่านยืนแสดงธรรมแก่ผู้นั่งอยู่เป็นอาบัติใน เสขิยวัตร
พระพุทธเจ้าบัญญัติสิกขาบทไว้ใน เสขิยวัตร ว่า ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดงธรรมแก่บุคคลผู้ไม่เจ็บไข้ผู้นั่งอยู่ ภิกษุรูปใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ต้องอาบัติทุกกฎ!!! ท่านรู้ตัวหรือเปล่า ก็ไหนว่าทำตามพระพุทธเจ้าไง!!!ทำมัยท่านแกล้งละเมิดพระวินัยอย่างนี้ล่ะ!!!?หรือว่าท่านไม่รู้!!!ไม่น่าใช่นะ!!!คนรู้พระไตรปิฎกอย่างท่านอ้างว่าไม่รู้ ไม่น่าเป็นไปได้!!!ในเสขิยวัตรอีกข้อหนึ่ง ที่อยู่ก่อนสิกขาบทนี้ ที่พระฉัพพัคคีย์ อยู่ในที่ต่ำแสดงธรรมแก่ผู้ไม่เจ็บไข้อยู่บนที่สูง พระพุทธเจ้าทรงตำหนิมาก ว่าไม่เคารพธรรม และทรงตักเตือนโดยอเนกปริยาย และพระองค์ทรงยกชาดกเรื่องในอดีตชาติของพระองค์สมัยเกิดเป็นจัณฑาลไปขโมยมะม่วงของพระราชาในอุทยาน เพราะเชื่อคำของภรรยา และท่านก็ได้ไปเห็นพระราชาประทับนั่งบนอาสนะสูงเรียนเอาธรรมจากพราหมณ์ปุโรหิตผู้นั่งอยู่บนอาสนะต่ำในอุทยานนั้น จนพระโพธิสัตว์ท่านทนไม่ได้ที่เห็นทั้งพระราชาและปุโรหิตต่างไม่เคารพธรรม และก็นึกตำหนิตัวเองที่ไม่เคารพธรรม มาขโมยมะม่วงของพระราชา เพราะตกอยู่ในอำนาจหญิง!!! ท่านจึงได้ลงมาจากต้นมะม่วงและแสดงตนต่อพระราชาแล้วกล่าวติเตียนพระราชาและพราหมณ์ปุโรหิต จนทำพระราชาให้เลื่อมใสในตัวท่านได้!!!แล้วพระองค์ ทรงสรุปว่า เมื่อก่อนเรายังไม่ได้ตรัสรู้ก็ยังกล่าวติเตียนการไม่เคารพในธรรมมากถึงเพียงนี้ จะป่วยกล่าวไปใยถึงเมื่อพระองค์มาตรัสรู้แล้ว!!!แล้วพระองค์ก็ได้บัญญัติสิกขาบทใน เสขิยวัตร เกี่ยวกับการไม่เคารพในธรรมตามมาอีกถึง๑๖ข้อ !!!ที่ผมยกเรื่องนี้มาติงท่าน ก็เพราะท่านชอบอ้างว่าท่านรู้ธรรมวินัยดีไง!!!แต่ภาคปฏิบัติทำไมท่านไม่ทำล่ะ!!!กลับไปละเมิดพระบัญญัติเสียอีก!!!เอ!!!?หรือท่านเข้าใจว่าใน เสขิยวัตรไม่เป็นอาบัติ!!!เพราะผมเคยได้ทราบมาว่า ท่านเคยโต้ตอบในกระดานบอร์ดพันทิพย์ กับ ท่านคนหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า ชาวมหาวิหาร ส่วนพวกท่านใช้นามแฝงว่า เนตังมะมะ!!!ซึ่งพวกท่านพยายามยกเหตุผลและหลักฐานมาอ้างว่า ในเสขิยวัตร พระองค์ไม่ได้ปรับอาบัติไว้!!! เพียงแต่ให้ทำความศึกษาเท่านั้น ..(ดูข้อความข้างบน) และพวกคุณมีเจตนาไม่บริสุทธิ์นำหลักฐานมาอ้างไม่ครบ ตั้งใจตัดทอนข้อความที่กล่าวว่า เป็นอาบัติทิ้งไป!!! แต่ คุณชาวมหาวิหาร ยืนยันว่า เป็นอาบัติและยกหลักฐานมาแสดงให้เห็นด้วย พวกคุณจึงยอมจำนนและยอมรับว่า นำหลักฐานมาแสดงไม่ครบจริง!!!นี้แสดงให้เห็นว่าพวกท่านไม่เคารพในพระพุทธเจ้า กล่าวสิ่งที่เป็นอาบัติว่าไม่เป็นอาบัติ กล่าวสิ่งที่เป็นวินัย ว่าไม่เป็นวินัย เพิกถอนสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว!!! สมควรหรือที่พวกท่านจะเรียกตัวเองว่า เป็นพระสมณะเชื้อสายศากยะบุตร!!!
มีข้อความที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ปริวาร อีกว่า เสขิยวัตรแต่ละข้อนั้นเป็นอาบัติ เช่น..
[๒๓๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏ แก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ยืนอยู่แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่ง ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภ พระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่ พระฉัพพัคคีย์ ยืนอยู่แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่ง.
มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้
เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย. (ก๊อบปี้จากคัมภีร์ปริวาร)
...หลักฐานมีอยู่ชัดเจนขนาดนี้พวกท่านยังจะดันทุรังตะแบงว่า เสขิยวัตร ไม่ได้ปรับอาบัติไว้อยู่อีกหรือ!!!
มาดูซิว่าพระคึกฤทธิ์กล่าวตู่พุทธพจน์ตรงไหน!!!
๑. ท่านยืนแสดงธรรมแก่ผู้นั่งอยู่เป็นอาบัติใน เสขิยวัตร
พระพุทธเจ้าบัญญัติสิกขาบทไว้ใน เสขิยวัตร ว่า ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดงธรรมแก่บุคคลผู้ไม่เจ็บไข้ผู้นั่งอยู่ ภิกษุรูปใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ต้องอาบัติทุกกฎ!!! ท่านรู้ตัวหรือเปล่า ก็ไหนว่าทำตามพระพุทธเจ้าไง!!!ทำมัยท่านแกล้งละเมิดพระวินัยอย่างนี้ล่ะ!!!?หรือว่าท่านไม่รู้!!!ไม่น่าใช่นะ!!!คนรู้พระไตรปิฎกอย่างท่านอ้างว่าไม่รู้ ไม่น่าเป็นไปได้!!!ในเสขิยวัตรอีกข้อหนึ่ง ที่อยู่ก่อนสิกขาบทนี้ ที่พระฉัพพัคคีย์ อยู่ในที่ต่ำแสดงธรรมแก่ผู้ไม่เจ็บไข้อยู่บนที่สูง พระพุทธเจ้าทรงตำหนิมาก ว่าไม่เคารพธรรม และทรงตักเตือนโดยอเนกปริยาย และพระองค์ทรงยกชาดกเรื่องในอดีตชาติของพระองค์สมัยเกิดเป็นจัณฑาลไปขโมยมะม่วงของพระราชาในอุทยาน เพราะเชื่อคำของภรรยา และท่านก็ได้ไปเห็นพระราชาประทับนั่งบนอาสนะสูงเรียนเอาธรรมจากพราหมณ์ปุโรหิตผู้นั่งอยู่บนอาสนะต่ำในอุทยานนั้น จนพระโพธิสัตว์ท่านทนไม่ได้ที่เห็นทั้งพระราชาและปุโรหิตต่างไม่เคารพธรรม และก็นึกตำหนิตัวเองที่ไม่เคารพธรรม มาขโมยมะม่วงของพระราชา เพราะตกอยู่ในอำนาจหญิง!!! ท่านจึงได้ลงมาจากต้นมะม่วงและแสดงตนต่อพระราชาแล้วกล่าวติเตียนพระราชาและพราหมณ์ปุโรหิต จนทำพระราชาให้เลื่อมใสในตัวท่านได้!!!แล้วพระองค์ ทรงสรุปว่า เมื่อก่อนเรายังไม่ได้ตรัสรู้ก็ยังกล่าวติเตียนการไม่เคารพในธรรมมากถึงเพียงนี้ จะป่วยกล่าวไปใยถึงเมื่อพระองค์มาตรัสรู้แล้ว!!!แล้วพระองค์ก็ได้บัญญัติสิกขาบทใน เสขิยวัตร เกี่ยวกับการไม่เคารพในธรรมตามมาอีกถึง๑๖ข้อ !!!ที่ผมยกเรื่องนี้มาติงท่าน ก็เพราะท่านชอบอ้างว่าท่านรู้ธรรมวินัยดีไง!!!แต่ภาคปฏิบัติทำไมท่านไม่ทำล่ะ!!!กลับไปละเมิดพระบัญญัติเสียอีก!!!เอ!!!?หรือท่านเข้าใจว่าใน เสขิยวัตรไม่เป็นอาบัติ!!!เพราะผมเคยได้ทราบมาว่า ท่านเคยโต้ตอบในกระดานบอร์ดพันทิพย์ กับ ท่านคนหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า ชาวมหาวิหาร ส่วนพวกท่านใช้นามแฝงว่า เนตังมะมะ!!!ซึ่งพวกท่านพยายามยกเหตุผลและหลักฐานมาอ้างว่า ในเสขิยวัตร พระองค์ไม่ได้ปรับอาบัติไว้!!! เพียงแต่ให้ทำความศึกษาเท่านั้น ..(ดูข้อความข้างบน) และพวกคุณมีเจตนาไม่บริสุทธิ์นำหลักฐานมาอ้างไม่ครบ ตั้งใจตัดทอนข้อความที่กล่าวว่า เป็นอาบัติทิ้งไป!!! แต่ คุณชาวมหาวิหาร ยืนยันว่า เป็นอาบัติและยกหลักฐานมาแสดงให้เห็นด้วย พวกคุณจึงยอมจำนนและยอมรับว่า นำหลักฐานมาแสดงไม่ครบจริง!!!นี้แสดงให้เห็นว่าพวกท่านไม่เคารพในพระพุทธเจ้า กล่าวสิ่งที่เป็นอาบัติว่าไม่เป็นอาบัติ กล่าวสิ่งที่เป็นวินัย ว่าไม่เป็นวินัย เพิกถอนสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว!!! สมควรหรือที่พวกท่านจะเรียกตัวเองว่า เป็นพระสมณะเชื้อสายศากยะบุตร!!!
มีข้อความที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ปริวาร อีกว่า เสขิยวัตรแต่ละข้อนั้นเป็นอาบัติ เช่น..
[๒๓๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏ แก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ยืนอยู่แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่ง ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภ พระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่ พระฉัพพัคคีย์ ยืนอยู่แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่ง.
มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้
เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย. (ก๊อบปี้จากคัมภีร์ปริวาร)
...หลักฐานมีอยู่ชัดเจนขนาดนี้พวกท่านยังจะดันทุรังตะแบงว่า เสขิยวัตร ไม่ได้ปรับอาบัติไว้อยู่อีกหรือ!!!