อาทิตย์ลั้ลลา ... สวัสดีวันหยุดน้องพี่ชาวก้นครัวทุกท่านคะ
ระหว่างรอเวลาก็หาเรื่องลงกระทู้ จัดให้น้องเลิฟ "หนิงเชียงใหม่" สักหน่อย
น้องตุ๊งหนิงเธอขอส่วนผสม พี่สาวใจดีบอกไปว่าจะทำมาให้ดูน่าจะดีกว่า
จัดไปเพื่อคนช่างกินช่างทำ .... "ปลากระพงแป๊ะซ๊ะ" อร่อยจริง ๆ นะเออ
ถ้าต้นตำรับในแบบดั้งเดิมขนานแท้ก็ต้อง "ปลาช่อนแป๊ะซ๊ะ"
สมัยโน้นไม่มีใครทำ "แกงส้มแป๊ะซ๊ะ" มีแต่ปลาช่อนต้มบ๊วยแบบนี้
ปลาช่อน-ปลากระพงแป๊ะซ๊ะ
ส่วนประกอบ
1 ลิตร น้ำซุปกระดูกสัตว์ [เราใช้น้ำซุปไก่] ต้มโครงไก่ด้วยไฟเบา ๆ
1 ตัว ปลากระพง หรือปลาช่อนนา [นึ่งให้สุก]
4-5 ลูก บ๊วยดอง
1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยขาว โขลกละเอียด
3 ช้อนโต๊ะ น้ำกระเทียมดอง พร้อมเนื้อกระเทียม
2 ช้อนโต๊ะ ขิงซอย
5 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว
1 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเล
1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลกรวด
3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว
1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู
พริกขี้หนูสวน [ส่วนนี้เราเพิ่มเอง]
ใบคึ่นไช่ มากน้อยตามชอบ
หมายเหตุ - ส่วนผสมข้างต้นบ่งบ๊งกะประมาณเอานะคะ
ยังขาดอะไรอีกหรือปล่านะ ???
วิธีปรุง
ต้มน้ำซุปจนเดือด หรี่ไฟลงกลาง ๆ
ใส่ขิงซอย พริกไทยโขลกละเอียด ใส่ก้านคึ่นไช่ลงไปต้ม
เอาช้อนบี้ ๆ เม็ดบ๊วยดองให้แตก แต่ไม่ต้องให้ละเอียด
ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว, เกลือป่น, น้ำตาลกรวด
แกงปลาไม่ควรใส่น้ำปลาเพราะจะทำให้มีกลิ่นคาว
ก่อนดับไฟ บีบน้ำมะนาว บุบพริกขี้หนูสวนใส่ไป
ชิมรสให้เปรี้ยวนำ เค็มประแล่ม ๆ เผ็ดร้อนพริกไทย
บ๊วยดอง รสชาติออกเค็ม ๆ
วิธีเสริฟ
เตรียมกระทะไฟฟ้า หรือ จานเปล หรือ กระทะตัวปลา
จัดเรียงผักกาดขาว หรือ ผักกระหล่ำปลีรองก้นจาน
วางตัวปลาที่นึ่งไว้ลงไป ตักน้ำซุปราดให้ท่วมตัวปลา
โรยขิงซอยที่เหลือให้ทั่ว โรยใบคึ่นไช่ โรยกระเทียมดองซอย
ปลาขนาดตัวใหญ่มาก บ่งบ๊งต้องตัดแบ่งครึ่งตัว
แกงแป๊ะซ๊ะจะต้องมีรสเผ็ดร้อนจากขิง และพริกไทย
ตักน้ำซุปราดลงไปให้ท่วมตัวปลา
พร้อมแล้วก็ไปนำเตาไฟฟ้าระบบ - induction cooking
ที่ได้รับเป็นของรางวัลจากโฮมโปร โดย เชฟชุมพล มาตั้ง
ตั้งระบบไว้ที่ Hot Pot / 240 C ตั้งจนกว่าน้ำซุปจะเดือด
จากนั้นลดไฟลงเหลือที่ 80 C ปล่อยให้ร้อนไปเรื่อย ๆ
แล้วก็ชักชวนสมาชิกคนที่อยากจะกินมานั่งล้อมวงกัน
แกงแบบนี้ต้องรับประทานขณะที่กำลังเดือด ๆ ร้อน ๆ
ปิดไฟเตาเมื่อใดเจอบ่นอุบ สมาชิกมีเคือง ไม่ชอบใจ อิอิ
เราต้องแอบปิดหรือเบาไป เพราะเปิดแรงไปน้ำซุปจะขุ่นไว
ทุกครั้งที่ทานแกงแป๊ะซ๊ะแบบนี้ จะแอบคิดถึงพี่ชายที่อยู่อเมริกา
เขาจะต้องรีบจกลูกบ๊วยเอาไปแทะ ไปดูดจ๊วบ ๆ ด้วยความอร่อย
ถามเราว่าใส่บ๊วยไปแล้วให้รสชาติแบบใด เราเองก็ตอบไม่ได้
เพราะบ๊วยดองจะออกเค็มมากกว่าเปรี้ยว แต่เป็นสูตรที่เขากำหนดมา
เป็นอย่างไรบ้างคะ บ่งบ๊งเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่จะไม่รู้จักเมนูแป๊ะซ๊ะแบบนี้
เพราะในปัจจุบันตามร้านอาหารต่าง ๆ จะมีแต่รายการ แกงส้มแป๊ะซ๊ะ
คือปลาช่อนทอดกรอบราดด้วยน้ำแกงส้ม มาพร้อมผักกระเฉด ผักรวม
วันหยุดครั้งหน้าแบบสมาชิกพร้อมหน้า ลองทำรับประทานกันนะคะ
อย่างน้อยลองเพื่อให้รู้ว่าแกงใส ๆ แบบโบราณรสชาติเป็นอย่างไร
ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมกระทู้ ขอบพระคุณทุกกำลังใจ
วันนี้ทำเค้กกล้วยน้ำว้าเสริฟให้คนสวนที่มาปลูกและดูแลต้นไม้คะ
[CR] +*""*+ อาทิตย์ลั้ลลา กินล้อมวง > แป๊ะซ๊ะปลากระพง[ปลาช่อน] - สูตรโบราณ < +*""*+
อาทิตย์ลั้ลลา ... สวัสดีวันหยุดน้องพี่ชาวก้นครัวทุกท่านคะ
ระหว่างรอเวลาก็หาเรื่องลงกระทู้ จัดให้น้องเลิฟ "หนิงเชียงใหม่" สักหน่อย
น้องตุ๊งหนิงเธอขอส่วนผสม พี่สาวใจดีบอกไปว่าจะทำมาให้ดูน่าจะดีกว่า
จัดไปเพื่อคนช่างกินช่างทำ .... "ปลากระพงแป๊ะซ๊ะ" อร่อยจริง ๆ นะเออ
ถ้าต้นตำรับในแบบดั้งเดิมขนานแท้ก็ต้อง "ปลาช่อนแป๊ะซ๊ะ"
สมัยโน้นไม่มีใครทำ "แกงส้มแป๊ะซ๊ะ" มีแต่ปลาช่อนต้มบ๊วยแบบนี้
ปลาช่อน-ปลากระพงแป๊ะซ๊ะ
ส่วนประกอบ
1 ลิตร น้ำซุปกระดูกสัตว์ [เราใช้น้ำซุปไก่] ต้มโครงไก่ด้วยไฟเบา ๆ
1 ตัว ปลากระพง หรือปลาช่อนนา [นึ่งให้สุก]
4-5 ลูก บ๊วยดอง
1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยขาว โขลกละเอียด
3 ช้อนโต๊ะ น้ำกระเทียมดอง พร้อมเนื้อกระเทียม
2 ช้อนโต๊ะ ขิงซอย
5 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว
1 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเล
1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลกรวด
3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว
1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู
พริกขี้หนูสวน [ส่วนนี้เราเพิ่มเอง]
ใบคึ่นไช่ มากน้อยตามชอบ
หมายเหตุ - ส่วนผสมข้างต้นบ่งบ๊งกะประมาณเอานะคะ
ยังขาดอะไรอีกหรือปล่านะ ???
วิธีปรุง
ต้มน้ำซุปจนเดือด หรี่ไฟลงกลาง ๆ
ใส่ขิงซอย พริกไทยโขลกละเอียด ใส่ก้านคึ่นไช่ลงไปต้ม
เอาช้อนบี้ ๆ เม็ดบ๊วยดองให้แตก แต่ไม่ต้องให้ละเอียด
ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว, เกลือป่น, น้ำตาลกรวด
แกงปลาไม่ควรใส่น้ำปลาเพราะจะทำให้มีกลิ่นคาว
ก่อนดับไฟ บีบน้ำมะนาว บุบพริกขี้หนูสวนใส่ไป
ชิมรสให้เปรี้ยวนำ เค็มประแล่ม ๆ เผ็ดร้อนพริกไทย
บ๊วยดอง รสชาติออกเค็ม ๆ
วิธีเสริฟ
เตรียมกระทะไฟฟ้า หรือ จานเปล หรือ กระทะตัวปลา
จัดเรียงผักกาดขาว หรือ ผักกระหล่ำปลีรองก้นจาน
วางตัวปลาที่นึ่งไว้ลงไป ตักน้ำซุปราดให้ท่วมตัวปลา
โรยขิงซอยที่เหลือให้ทั่ว โรยใบคึ่นไช่ โรยกระเทียมดองซอย
ปลาขนาดตัวใหญ่มาก บ่งบ๊งต้องตัดแบ่งครึ่งตัว
แกงแป๊ะซ๊ะจะต้องมีรสเผ็ดร้อนจากขิง และพริกไทย
ตักน้ำซุปราดลงไปให้ท่วมตัวปลา
พร้อมแล้วก็ไปนำเตาไฟฟ้าระบบ - induction cooking
ที่ได้รับเป็นของรางวัลจากโฮมโปร โดย เชฟชุมพล มาตั้ง
ตั้งระบบไว้ที่ Hot Pot / 240 C ตั้งจนกว่าน้ำซุปจะเดือด
จากนั้นลดไฟลงเหลือที่ 80 C ปล่อยให้ร้อนไปเรื่อย ๆ
แล้วก็ชักชวนสมาชิกคนที่อยากจะกินมานั่งล้อมวงกัน
แกงแบบนี้ต้องรับประทานขณะที่กำลังเดือด ๆ ร้อน ๆ
ปิดไฟเตาเมื่อใดเจอบ่นอุบ สมาชิกมีเคือง ไม่ชอบใจ อิอิ
เราต้องแอบปิดหรือเบาไป เพราะเปิดแรงไปน้ำซุปจะขุ่นไว
ทุกครั้งที่ทานแกงแป๊ะซ๊ะแบบนี้ จะแอบคิดถึงพี่ชายที่อยู่อเมริกา
เขาจะต้องรีบจกลูกบ๊วยเอาไปแทะ ไปดูดจ๊วบ ๆ ด้วยความอร่อย
ถามเราว่าใส่บ๊วยไปแล้วให้รสชาติแบบใด เราเองก็ตอบไม่ได้
เพราะบ๊วยดองจะออกเค็มมากกว่าเปรี้ยว แต่เป็นสูตรที่เขากำหนดมา
เป็นอย่างไรบ้างคะ บ่งบ๊งเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่จะไม่รู้จักเมนูแป๊ะซ๊ะแบบนี้
เพราะในปัจจุบันตามร้านอาหารต่าง ๆ จะมีแต่รายการ แกงส้มแป๊ะซ๊ะ
คือปลาช่อนทอดกรอบราดด้วยน้ำแกงส้ม มาพร้อมผักกระเฉด ผักรวม
วันหยุดครั้งหน้าแบบสมาชิกพร้อมหน้า ลองทำรับประทานกันนะคะ
อย่างน้อยลองเพื่อให้รู้ว่าแกงใส ๆ แบบโบราณรสชาติเป็นอย่างไร
ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมกระทู้ ขอบพระคุณทุกกำลังใจ
วันนี้ทำเค้กกล้วยน้ำว้าเสริฟให้คนสวนที่มาปลูกและดูแลต้นไม้คะ