อนัตตา ตามความหมายของไตรลักษณ์ หมายถึง การไม่ไช่ตัวตนของมัน เป็นแค่สมมุติขึ้นมาเท่านั้น เช่น เราเห็นไก่ เราเรียกว่าไก่ แต่ที่จริงมันไม่ใช่ไก่ เราตั้งชื่อให้มันเท่านั้นเอง มันเป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่งเท่านั้น มีเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกัน
อนัตตา อีกความหมาย แปลตามศัพท์ คือ ความไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ เป็น นามธรรม ตรงข้ามกับ อัตตา ที่แปลว่า ความมีตัวตน จับต้องใด้ เป็นรูปธรรม
เป็นเพียง สมมุติบัญญัติ เท่านั้น แล้วก็เอา นิพพาน มาถกเถียงกันตามปัญญาของตนว่า เป็นอัตตา หรือ อนัตตา คือ มีตัวตน หรือไม่มี สำหรับคำว่า อนัตตา เขียนเหมือนกัน ใน 2 ความหมาย ความหมายแรก อยู่ในไตรลักษณ์ เป็น ปรมัตถบัญญัติ หมายถึง ความไม่ไช่ตัวไม่ไช่ตน ที่แท้จริง เป็นเพียง สภาวะหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ความหมายที่สอง เป็นสมมุติบัญญัติ หมายถึง สิ่งที่จับต้องไม่ได้ หรือที่เรียกว่า นามธรรม เท่านั้นเอง
นิพพาน เป็นสภาวะธรรม ที่ สงบ เย็น จากตัณหาทั้ง 3 ที่จริงก็ไม่ไช่ นิพพาน เป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้น คือ ถ้ายังเรียกว่า นิพพานอยู่ แสดงว่า ยังเป็น อัตตา อยู่นั่นเอง แต่เมื่อใด นึกถึง สภาวะธรรม ที่ สงบ เย็น จากตัญหา และอวิชาทั้งหลายใด้ นั่นคือ นิพพาน ที่เป็นอนัตตา ผมคิดอย่างนี้ ถูกหรือเปล่าครับ ท่านทั้งหลาย
ทำไมชาวพุทธหลายคนแปลความหมายของคำว่า อนัตตา ผิดไปจากคำสอนของพระพุทธองค์...
อนัตตา อีกความหมาย แปลตามศัพท์ คือ ความไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ เป็น นามธรรม ตรงข้ามกับ อัตตา ที่แปลว่า ความมีตัวตน จับต้องใด้ เป็นรูปธรรม
เป็นเพียง สมมุติบัญญัติ เท่านั้น แล้วก็เอา นิพพาน มาถกเถียงกันตามปัญญาของตนว่า เป็นอัตตา หรือ อนัตตา คือ มีตัวตน หรือไม่มี สำหรับคำว่า อนัตตา เขียนเหมือนกัน ใน 2 ความหมาย ความหมายแรก อยู่ในไตรลักษณ์ เป็น ปรมัตถบัญญัติ หมายถึง ความไม่ไช่ตัวไม่ไช่ตน ที่แท้จริง เป็นเพียง สภาวะหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ความหมายที่สอง เป็นสมมุติบัญญัติ หมายถึง สิ่งที่จับต้องไม่ได้ หรือที่เรียกว่า นามธรรม เท่านั้นเอง
นิพพาน เป็นสภาวะธรรม ที่ สงบ เย็น จากตัณหาทั้ง 3 ที่จริงก็ไม่ไช่ นิพพาน เป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้น คือ ถ้ายังเรียกว่า นิพพานอยู่ แสดงว่า ยังเป็น อัตตา อยู่นั่นเอง แต่เมื่อใด นึกถึง สภาวะธรรม ที่ สงบ เย็น จากตัญหา และอวิชาทั้งหลายใด้ นั่นคือ นิพพาน ที่เป็นอนัตตา ผมคิดอย่างนี้ ถูกหรือเปล่าครับ ท่านทั้งหลาย