หนูเรียนครุศาสตร์ ภาษาอังกฤษค่ะ วิชาไทยศึกษา อาจารย์ให้ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาตร์โดยแปลเป็นภาษาอังกฤษ หนูกับเพื่อนๆช่วยกันแปล แต่ความรู้และความสามารถของพวกหนูยังไม่มากพอที่จะแปลบทความทั้งหมดให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ได้ค่ะ รบกวนพี่ผู้ทรงคุณวุฒิช่วยแปลหน่อยค่ะ
" การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรพม่ากับอาณาจักรอยุธยา ในการทัพคราวนี้ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน ตรงกับวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310อันเป็นรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศแห่งอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้ามังระของอาณาจักรพม่า
แผนปฏิบัติการของกองทัพพม่าเริ่มจากการเข้าตีหัวเมืองทางเหนือ ทางตะวันตกและทางใต้ของอาณาจักรอยุธยา ก่อนจะเข้าปิดล้อมพระนครในขั้นสุดท้าย ส่วนผู้ปกครองอยุธยาเลือกที่จะใช้ยุทธวิธีตั้งรับอยู่ในกรุงในฤดูน้ำหลาก แต่เนื่องจากกองทัพพม่าได้เปลี่ยนยุทธวิธีของตนใหม่ จึงทำให้ยุทธวิธีของอยุธยาไม่ได้ผลอย่างในอดีต โดยพม่าส่งกองทัพรุกรานอยุธยามาเป็นสองทางโจมตีแบบคีม ภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2310 ทหารพม่าสามารถเอาชนะการป้องกันของฝ่ายอยุธยาที่มีจำนวนเหนือกว่าแต่ขาดการประสานงานกัน และเริ่มการล้อมนาน 14 เดือน เมื่อถึงเดือนมีนาคมปีนั้น พระเจ้าเอกทัศทรงยอมขอเป็นเมืองขึ้นของพม่า แต่พม่าต้องการให้ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข ในที่สุด กองทัพพม่าก็สามารถบุกตีเข้าพระนครได้ จนกระทั่งนำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยาในที่สุด ซึ่งเป็นสาเหตุซึ่งนำไปสู่การเสียกรุงด้วย เหตุผลทางด้านยุทธวิธี
โดยสรุปจากลักษณะของกองทัพพม่า 2 ประการ คือ
1. ทัพพม่ามิได้ยกมาอย่างทัพกษัตริย์ ไพร่พลมีจำนวนน้อย แม่ทัพทั้งสองไม่ประสานงานกัน
2. ทัพพม่ามีพฤติกรรม "ปล้นทุกอย่างอันเป็นประโยชน์พึงได้" (นี่เป็นสาเหตุที่ว่าเหตุใดอยุธยาที่อ่อนแออยู่จึงสามารถต้านทานกองทัพพม่าได้นับปี)
จากการเสียกรุงในครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลให้อาณาจักรอยุธยา ซึ่งเป็นราชธานีของคนไทยกว่า 417 ปี ล่มสลายลงแล้ว ยังส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง ระหว่างกลุ่มการเมืองในระดับต่าง ๆ จนแทบนำไปสู่การล่มสลายของรัฐไทย (5 ก๊ก) ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงสร้าง ความเป็นปึกแผ่นและฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของชาติขึ้นอีกครั้งในรัชสมัยของพระองค์ อันเป็นพระราชกรณียกิจหลัก
สาเหตุที่นำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองเป็นผลมาจากความอ่อนแอภายในของอาณาจักร ซึ่งกล่าวถึงลักษณะอันไม่ดีของพระเจ้าเอกทัศ ในทำนองที่ว่า รัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงตกต่ำที่สุดในทางการเมืองและการทหาร"
รบกวนพี่ทุกท่านช่วยแปลบทความนี้หน่อยค่ะ
" การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรพม่ากับอาณาจักรอยุธยา ในการทัพคราวนี้ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน ตรงกับวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310อันเป็นรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศแห่งอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้ามังระของอาณาจักรพม่า
แผนปฏิบัติการของกองทัพพม่าเริ่มจากการเข้าตีหัวเมืองทางเหนือ ทางตะวันตกและทางใต้ของอาณาจักรอยุธยา ก่อนจะเข้าปิดล้อมพระนครในขั้นสุดท้าย ส่วนผู้ปกครองอยุธยาเลือกที่จะใช้ยุทธวิธีตั้งรับอยู่ในกรุงในฤดูน้ำหลาก แต่เนื่องจากกองทัพพม่าได้เปลี่ยนยุทธวิธีของตนใหม่ จึงทำให้ยุทธวิธีของอยุธยาไม่ได้ผลอย่างในอดีต โดยพม่าส่งกองทัพรุกรานอยุธยามาเป็นสองทางโจมตีแบบคีม ภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2310 ทหารพม่าสามารถเอาชนะการป้องกันของฝ่ายอยุธยาที่มีจำนวนเหนือกว่าแต่ขาดการประสานงานกัน และเริ่มการล้อมนาน 14 เดือน เมื่อถึงเดือนมีนาคมปีนั้น พระเจ้าเอกทัศทรงยอมขอเป็นเมืองขึ้นของพม่า แต่พม่าต้องการให้ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข ในที่สุด กองทัพพม่าก็สามารถบุกตีเข้าพระนครได้ จนกระทั่งนำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยาในที่สุด ซึ่งเป็นสาเหตุซึ่งนำไปสู่การเสียกรุงด้วย เหตุผลทางด้านยุทธวิธี
โดยสรุปจากลักษณะของกองทัพพม่า 2 ประการ คือ
1. ทัพพม่ามิได้ยกมาอย่างทัพกษัตริย์ ไพร่พลมีจำนวนน้อย แม่ทัพทั้งสองไม่ประสานงานกัน
2. ทัพพม่ามีพฤติกรรม "ปล้นทุกอย่างอันเป็นประโยชน์พึงได้" (นี่เป็นสาเหตุที่ว่าเหตุใดอยุธยาที่อ่อนแออยู่จึงสามารถต้านทานกองทัพพม่าได้นับปี)
จากการเสียกรุงในครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลให้อาณาจักรอยุธยา ซึ่งเป็นราชธานีของคนไทยกว่า 417 ปี ล่มสลายลงแล้ว ยังส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง ระหว่างกลุ่มการเมืองในระดับต่าง ๆ จนแทบนำไปสู่การล่มสลายของรัฐไทย (5 ก๊ก) ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงสร้าง ความเป็นปึกแผ่นและฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของชาติขึ้นอีกครั้งในรัชสมัยของพระองค์ อันเป็นพระราชกรณียกิจหลัก
สาเหตุที่นำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองเป็นผลมาจากความอ่อนแอภายในของอาณาจักร ซึ่งกล่าวถึงลักษณะอันไม่ดีของพระเจ้าเอกทัศ ในทำนองที่ว่า รัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงตกต่ำที่สุดในทางการเมืองและการทหาร"