นักศึกษาฝึกงานแบบใดที่หน่วยงานและบุคลากรพึงประสงค์ ???

ย้อนไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ถึงเวลาที่นักศึกษาอย่างเราจะต้องออกไปฝึกงานตามหน่วยงานต่างๆ เราเลยเลือกฝึกงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เราคิดว่าการที่เราได้ที่ฝึกงานที่นั้นจะทำให้เราได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ และเราก็จะได้รับความรู้เทคนิคต่างๆจากพี่ที่หน่วยงาน เชื่อว่าถ้าเราผ่านงานจากที่นั้นมาได้เราจะต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอน ก่อนหน้าที่เราจะไปฝึกงาน เราก็เตรียมตัวอย่างเต็มที่ หาข้อมูลองค์กร ทบทวนความรู้ต่างๆมากมาย แถมยังเสนอหน้าไปศึกษามาเพิ่มว่าในแผนกมีปัญหาอะไรบ้าง ต้องได้รับการแก้ไขอย่างไร ซึ่งในตอนนั้นมันทำให้เรามั่นใจว่าเราเป็นนักศึกษาอันพึงประสงค์ของหน่วยงานแล้วล่ะ สิ่งที่เราให้เรามั่นใจคือ เราเป็นคนชอบเรียนรู้อยู่เสมอ ไม่รู้อะไรก็ต้องรู้ให้ได้ ไม่กลัวสังคมค่ะ เราสามารถเข้าหาผู้ใหญ่ได้ วางตัวได้ดีในระดับนึง ในขณะที่ความสัมพันธ์แบบเพื่อน เราก็เทคแคร์ และเป็นที่พึ่งในเพื่อนได้ เราไม่ติดโทรศัพท์ ไม่ติดโซเชี่ยวทั้งหลายแหล่ อยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่งอแง ไม่มีแฟนให้เป็นภาระต่อการทำงานแต่อย่างใด ที่กล่าวมานั้นดิฉันมโนล้วนๆว่าดิฉันเป็นสุดยอดของผู้หญิงที่หาได้ยากในขณะนี้ (ตามประสาเด็กโลกสวยล่ะเน๊าะ)

          แต่เชื่อไหมคะว่าเราคิดผิดถนัดค่ะ หลังจากวันแรกที่เราฝึกงานจนฝึกงานเสร็จ ระยะเวลาัทั้งสิ้น 3 เดือน เราต้องอดทนต่อสิ่งที่เจอ กลับไปถึงห้องร้องไห้แทบทุกวัน กลับมาคิดว่าฉันทำอะไรผิดหรือ หรือฉันผิดแปลกจากคนอื่นอย่างไร ???

          วันแรกของการไปฝึกงาน พี่ในแผนกมีทั้งหมด 9 คนค่ะ ผู้ชาย 7 หญิง 1 ทอม 1 วันแรกเราแต่งตัว ถักเปียสองข้าง กระโปรงพลีทเท่าหัวเข่า รองเท้าผ้าใบ เสื้อไซส์ M ถ้าใส่ในมหาวิทยาลัยบอกได้เลยว่าจะดูเรียบร้อยในสายตาของอาจารย์มาก แต่สำหรับที่นี่มันผิดถนัดค่ะ การสนทนาในวันแรก และครั้งแรกที่เจอกันจึงเกิดขึ้น

พี่ทอม : โอ๊ย นึกว่าจะได้น้องนักศึกษาสวยๆ เห็นแบบนี้ไม่มีอารมณ์งานเลย
พี่ A (สมมุติ) : หน้าตาแบบนี้จะทำอะไรได้เนี้ย resume ที่ส่งมาโกหกหรือเปล่าเนี้ย
พี่ B : น้องรู้ไหมว่าปีที่แล้วนะ นักศึกษาฝึกงานใส่กระโปรงสั้นมาก แค่คืบเดียว ใส่เสื้อรัดแทบปริ พี่ C ถึงขนาดต้องเอากระจกมาส่องดูขาเลยนะ ขาเค้าสวยมาก

          คุยกันได้เท่านี้ หัวหน้าแผนกก็มาเรียกเราไปเริ่มงาน บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นโคตรเสียความมั่นใจเลย นี่พี่เค้าไม่ได้ดูที่สมองฉันเหรอ เค้าพิจารณาน้องที่หน้าตาใช่มั้ย หรือว่าพี่เค้าจะทดสอบความอดทนของเราอยู่ วันแรกเราก็เลยปล่อยผ่านค่ะ เพราะคิดว่าพี่เค้าคงจะทดสอบเราทั้งอาทิตย์ คิดในใจว่าไมไ่ด้แอ้มฉันหรอก ฉันศึกษามาหมดแล้ว ว่าน้องฝึกงานจะต้องเจออะไรบ้าง
          1 อาทิตย์ที่ผ่านมา หน้าที่ของฉันคือการเดินส่งเอกสารไปตามแผนกต่างๆ เขียนข่าว อ่านข่าว ไม่มีการรับน้องเหมือนบริษัทอื่นๆที่เพื่อนเค้าไปกัน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะที่แผนกงานยุ่งมาก จะมามัวรอให้พี่เค้าเลี้ยงก็คงไม่ได้ ทุกคนต่างทำงาน รวมทั้งเราด้วย เสมือนพนักงานอีกคนนึง แล้ววันนึงหัวหน้าแผนกก็เรียกเราไปคุยด้วย ไม่ไ่ด้คุยเป็นการส่วนตัวนะคะ เพราะโต๊ะทำงานของหัวหน้าก็อยู่ที่เดียวกันกับพนักงานทั้งหมด ไม่มีการแยกห้อง

หัวหน้า : เราทำอะไรได้บ้าง
เรา : พิธีกร ดีเจ ตัดต่อ ผลิตหนังสั้น งานละคร เขียนข่าว สันทนาการ เขียนโปรแกรมได้นิดหน่อยค่ะ
หัวหน้า : ที่ว่ามาทั้งหมดพี่ยังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะ แต่ที่เราเขียนมาใน resume พี่ชอบอย่างเดียวคือใช้โปรแกรม Microsoft Word ได้ จะได้มาช่วยงานเอกสาร
(ณ บัดนั้นเรางงตาแตกค่ะ เพราะเรามาฝึกงานประชาสัมพันธ์ ไอ้ที่ว่าไม่ชอบหน่อยเลยเหรอ**ตอนนั้นมีเราเป็นนักศึกษาฝึกงานคนเดียวค่ะ ต่างสถาบันจะเริ่มตามมาทีหลัง)
ระหว่างที่เราคุยกับหัวหน้า พี่ในแผนกก็แทรกขึ้นมา
พี่ทอม : หน้าตาอย่างนี้ทำงานหน้ากล้องไม่ได้หรอกนะ มันต้องสวยกว่านี้
เรา : หนูว่าเรื่องหน้าตามันแต่งมันเสริมกันได้นะคะ ถ้าเรามีความสามารถ หนูเชื่อว่าหนูทำได้ค่ะ (ตอบไปตามภาษาซื่อ ตอนเราเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เราได้รับการยอมรับจากนักศึกษาด้วยกัน รวมทั้งครูบาอาจารย์ก็ชื่นชมในผลงานของเรามาก)
พี่ A : น้องต้องใส่กระโปรงให้สั้นกว่านี้ ผ่าขึ้นมาสูงๆ พวกพี่จะได้มีกำลังใจในการทำงาน
ผ่านมาตั้งหนึ่งอาทิตย์พี่เค้ายังไม่วิจารณ์เรื่องการแต่งกายเราไม่จบ เราก็เลยทำหูทวนลมไป คิดในใจว่าเรามาฝึกงาน มาหาความรู้ หาประสบการณ์ใส่ตัว

หัวหน้า : น้องต้องทำตัวให้เหมือนเป็ด ต้องเป็นเป็ด ที่นี่มีคนเก่งเยอะพอแล้ว พี่ A เค้าจบเกียรตินิยมอันดับ 1 เลยนะ พี่ B กำลังต่อโท ทุกคนมีความเก่งเฉพาะทางหมดแล้ว พี่เลยอยากได้เป็ด
เรา : เป็นเป็ดเหรอคะ
หัวหน้า : ไม่ต้องเก่งทุกเรื่อง แต่ต้องรู้ทุกเรื่อง
เรา : เออ..ค่ะ หนูจะพยายาม (ตอบไปแบบไม่เต็มเสียง เพราะตอนสมัยเรียนใครๆต่างก็อยากโดดเด่น ทุกคนต้องดึงจุดเด่นตัวเองออกมา แต่ในขณะนี้ฉันต้องเก็บความสามารถที่มีทั้งหมด เพื่อที่จะเป็นเป็ด เพื่อที่จะให้พี่เค้าพอใจ)

ในช่วงที่ฝึกงาน เราก็เลยมีหน้าที่หลักๆคือ เป็นมือขวาให้หัวหน้า (ดูดีมาก) พิมพ์เอกสาร  และส่งเอกสาร หน้าที่มีแค่นั้นจริงๆค่ะ

**พอแค่นี้ก่อนนะคะ พิมพ์ต่อไม่ไหว ยิ่งนึกถึงยิ่งปวดใจ เรื่องที่มันจะเกิดต่อจากนี้ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่หนักมากสำหรับเรา
***ตอนนี้เราเลยอยากรู้ว่านักศึกษาฝึกงานแบบไหนถึงจะเป็นที่พึงพอใจ เพื่อที่เราจะได้เคลียร์กับปัญหาที่มันค้างอยู่ในใจของเราค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่