ที่มา
http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=195955
“อุกฤษ” เตือนศาล รธน ระวังละเมิดพระราชอำนาจ
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ห้องประชุมสุรเกียรติ์ เสถียรไทย คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเสวนาวิชาการเรื่อง “บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญกับทางรอดของประเทศไทย” โดย ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองจะอยู่รอดหรือไม่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน การปกครองของประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบรัฐสภา ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรในรัฐธรรมนูญ เป็นเสารอง ไม่ใช่เสาหลัก แม้คำตัดสินจะผูกพันทุกองค์กร แต่คำตัดสินต้องชอบด้วยกฎหมาย
“ฉะนั้นขอให้ระวังให้ดี การรับวินิจฉัยนั้นศาลรัฐธรรมนูญรับไม่ได้ แต่ถ้าวินิจฉัยขอเตือนเรื่องนี้อยู่ในพระราชอำนาจ ท่านกล้าวินิจฉัยหรือ ถ้าบอกว่ามีอำนาจระวังละเมิดพระราชอำนาจ อาจมีความผิดตามมาตรา 112 ก็ได้ บ้านเมืองจะเสียหายมาก ผมขอแนะนำทางออกที่ไม่มีใครเสียหน้า ท่านไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว สมมุติถ้าจะวินิจฉัย เดินหน้าต่อไป ท่านรับผิดชอบไหวหรือ ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่พระราชทานกลับมาใน 90 วัน ก็ต้องมาคิดกันใหม่ ผมไม่เชื่อสภาจะยืนยันเสียง 2 ใน 3 ขอเตือนด้วยความหวังดีอย่าทำ ถ้าทำเท่ากับละเมิดพระราชอำนาจ และอาจเป็นเหยื่อของ 2 ฝ่ายมาฆ่าฟันกัน ถ้าเกิดปะทะกันท่านจะต้องรับผิดชอบในความตายที่เป็นเหยื่อการเมือง ท่านรับผิดชอบไหวหรือ ผมให้ข้อแนะนำว่าท่านสามารถทำได้ ไม่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายรัฐบาล เขาบอกเขาไม่รับคำวินิจฉัย ท่านตัดสินแต่คำตัดสินไม่ชอบ ท่านจะทำอย่างไร 9 คนจะอยู่ต่อไปไหวไหม มีบทบังคับอะไรมาบังคับสมาชิกรัฐสภา 312 คน ถ้าไม่มีอะไรไปบังคับจะอยู่ต่อไปอย่างไร”ศ.ดร.อุกฤษ กล่าว
ศ.ดร.อุกฤษ กล่าวว่า สำหรับท่านที่มารวมตัวอยู่ถนนราชดำเนินขอให้รวมตัวด้วยความสงบ อย่าฆ่าฟันกันเลย เราคนไทยด้วยกัน ทำอะไรขอให้นึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัว อย่าเป็นบ่างช่างยุ อย่าเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารไม่เอาด้วยจะมีอะไรไปบังคับ การใช้วิธีตอบโต้อารยะขัดขืนตนไม่เห็นด้วย ประชาชนอย่าใช้วิธีนี้ ให้ไปดูมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญ กรณีมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาประชาชนให้นายกฯปรึกษา ครม. ประธานสภา ประธานวุฒิสภา และจัดให้มีการออกเสียงลงประชามติ เพื่อให้รู้ว่า รัฐบาล และฝ่ายนิติบัญญัติไม่ทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากออกมาในทางไม่เป็นผลดี แล้วเอาเสียงข้างมากมาเป็นคำปรึกษา เป็นทางออก ไม่ใช่วิธีอารยะขัดขืน
ศ.ดร.กระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมามีการถกเถียงกันมากว่าเราจะมีทางออกอย่างไร หรือจะทำให้บ้านเมืองอยู่รอดได้อย่างไร โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ ตนอายุ 80 ปีแล้ว ไม่เคยเห็นประเทศไทยแบ่งฝ่ายกันอย่างนี้ มองหาทางออกไม่ได้ ถ้าเราปล่อยให้ความขัดแย้งยืดเยื้อไม่มี การแก้ไขบ้านเมืองต้องล้าหลังไป เราจะรบกันไปทำไม ถ้ามัวทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง ดังนั้นต้องรีบหาทางระงับความขัดแย้งให้ได้ โดยหาสาเหตุให้ได้ว่ามาจากไหน ตนเข้าใจว่าความขัดแย้งในขณะนี้ที่แบ่งฝ่าย แบ่งสี ดังนั้นต้องทำให้สีหายไป จะได้ไม่ต้องปะทะกัน ถ้าปะทะกันเราคงจะต้องเสียใจ ตนขอเรียนที่ประชุมว่าช่วยกันหาทางออกว่าเราจะทำอย่างไรให้ทางตันมีทางออกให้ได้อาจเป็นทางออกเล็ก ๆ แล้วค่อยขยายไปทางใหญ่ ๆ ตนเชื่อว่าความขัดแย้งที่เกิดทุกวันนี้เกิดจากอัตตาแต่ละคน ไปคิดว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายผิด ดังนั้นต้องลดอัตตาลงให้เหลือน้อยลง
ตลก.รธน. พวกท่านกำลังละเมิดพระราชอำนาจ
“อุกฤษ” เตือนศาล รธน ระวังละเมิดพระราชอำนาจ
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ห้องประชุมสุรเกียรติ์ เสถียรไทย คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเสวนาวิชาการเรื่อง “บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญกับทางรอดของประเทศไทย” โดย ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองจะอยู่รอดหรือไม่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน การปกครองของประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบรัฐสภา ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรในรัฐธรรมนูญ เป็นเสารอง ไม่ใช่เสาหลัก แม้คำตัดสินจะผูกพันทุกองค์กร แต่คำตัดสินต้องชอบด้วยกฎหมาย
“ฉะนั้นขอให้ระวังให้ดี การรับวินิจฉัยนั้นศาลรัฐธรรมนูญรับไม่ได้ แต่ถ้าวินิจฉัยขอเตือนเรื่องนี้อยู่ในพระราชอำนาจ ท่านกล้าวินิจฉัยหรือ ถ้าบอกว่ามีอำนาจระวังละเมิดพระราชอำนาจ อาจมีความผิดตามมาตรา 112 ก็ได้ บ้านเมืองจะเสียหายมาก ผมขอแนะนำทางออกที่ไม่มีใครเสียหน้า ท่านไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว สมมุติถ้าจะวินิจฉัย เดินหน้าต่อไป ท่านรับผิดชอบไหวหรือ ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่พระราชทานกลับมาใน 90 วัน ก็ต้องมาคิดกันใหม่ ผมไม่เชื่อสภาจะยืนยันเสียง 2 ใน 3 ขอเตือนด้วยความหวังดีอย่าทำ ถ้าทำเท่ากับละเมิดพระราชอำนาจ และอาจเป็นเหยื่อของ 2 ฝ่ายมาฆ่าฟันกัน ถ้าเกิดปะทะกันท่านจะต้องรับผิดชอบในความตายที่เป็นเหยื่อการเมือง ท่านรับผิดชอบไหวหรือ ผมให้ข้อแนะนำว่าท่านสามารถทำได้ ไม่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายรัฐบาล เขาบอกเขาไม่รับคำวินิจฉัย ท่านตัดสินแต่คำตัดสินไม่ชอบ ท่านจะทำอย่างไร 9 คนจะอยู่ต่อไปไหวไหม มีบทบังคับอะไรมาบังคับสมาชิกรัฐสภา 312 คน ถ้าไม่มีอะไรไปบังคับจะอยู่ต่อไปอย่างไร”ศ.ดร.อุกฤษ กล่าว
ศ.ดร.อุกฤษ กล่าวว่า สำหรับท่านที่มารวมตัวอยู่ถนนราชดำเนินขอให้รวมตัวด้วยความสงบ อย่าฆ่าฟันกันเลย เราคนไทยด้วยกัน ทำอะไรขอให้นึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัว อย่าเป็นบ่างช่างยุ อย่าเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารไม่เอาด้วยจะมีอะไรไปบังคับ การใช้วิธีตอบโต้อารยะขัดขืนตนไม่เห็นด้วย ประชาชนอย่าใช้วิธีนี้ ให้ไปดูมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญ กรณีมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาประชาชนให้นายกฯปรึกษา ครม. ประธานสภา ประธานวุฒิสภา และจัดให้มีการออกเสียงลงประชามติ เพื่อให้รู้ว่า รัฐบาล และฝ่ายนิติบัญญัติไม่ทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากออกมาในทางไม่เป็นผลดี แล้วเอาเสียงข้างมากมาเป็นคำปรึกษา เป็นทางออก ไม่ใช่วิธีอารยะขัดขืน
ศ.ดร.กระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมามีการถกเถียงกันมากว่าเราจะมีทางออกอย่างไร หรือจะทำให้บ้านเมืองอยู่รอดได้อย่างไร โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ ตนอายุ 80 ปีแล้ว ไม่เคยเห็นประเทศไทยแบ่งฝ่ายกันอย่างนี้ มองหาทางออกไม่ได้ ถ้าเราปล่อยให้ความขัดแย้งยืดเยื้อไม่มี การแก้ไขบ้านเมืองต้องล้าหลังไป เราจะรบกันไปทำไม ถ้ามัวทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง ดังนั้นต้องรีบหาทางระงับความขัดแย้งให้ได้ โดยหาสาเหตุให้ได้ว่ามาจากไหน ตนเข้าใจว่าความขัดแย้งในขณะนี้ที่แบ่งฝ่าย แบ่งสี ดังนั้นต้องทำให้สีหายไป จะได้ไม่ต้องปะทะกัน ถ้าปะทะกันเราคงจะต้องเสียใจ ตนขอเรียนที่ประชุมว่าช่วยกันหาทางออกว่าเราจะทำอย่างไรให้ทางตันมีทางออกให้ได้อาจเป็นทางออกเล็ก ๆ แล้วค่อยขยายไปทางใหญ่ ๆ ตนเชื่อว่าความขัดแย้งที่เกิดทุกวันนี้เกิดจากอัตตาแต่ละคน ไปคิดว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายผิด ดังนั้นต้องลดอัตตาลงให้เหลือน้อยลง