หลายท่านอาจมีคำถามว่า เอางั้นเลยเหรอ จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือเปล่า
ประเทศยังไม่ถึงทางตันไม่เข้าตาจนขนาดนั้นนะ และอีกหลายคำถาม ฯลฯ
ทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติผู้นำวิกฤติรัฐบาล หรือวิกฤติชาติซึ่งรวมทั้งการเมือง
เศรษฐกิจและสังคม ก็จะมีคนพูดถึงการ “ถวายคืนพระราชอำนาจ” ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงว่า
แม้ประเทศเราจะปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ความจริง
ในทางพฤตินัย เรายังชอบที่จะอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าอยู่หัวเหมือนการปกครอง
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่นะครับ
วันนี้บ้านเมืองเราวิกฤติแล้ว นั้นหมายถึง วิกฤติทางการเมือง ที่นักการเมืองแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว
ละเลยกฎหมาย จริยธรรม รัฐบาลแสวงหาประโยชน์ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติอันเป็นพวกเดียวกัน ละเมิด
หลักนิติธรรมในการปกครองประเทศ
เหตุนี้จึงสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจชาติ และส่งผลให้ประชาชนเกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่ง
ฝ่ายเหมือนในอดีตกาล ประชาชนเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงพร้อมที่จะถืออาวุธเข้าประหัตประหาร
กันเพียงแค่มีนักการเมืองเป่านกหวีดหรือออกคำสั่ง
หากปล่อยให้เกิดสภาพเช่นนี้ต่อไปอีก ประเทศไทยจะสิ้นชาติ
ผมไม่ได้พูดเกินเลย หากมองลึกลงไปจริงๆ สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว มีวิกฤติทุกอย่างที่บ้านเมือง
ไร้ทางออกฉะนั้นการแก้รัฐธรรมนูญ การตั้งสภาปฏิรูป หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่สามารถหาทางออก
ให้กับประเทศได้
นึกดูหากบ้านเมืองไม่มีทางออก แล้วทุกอย่างจะเดินไปถึงทางตัน
เราจึงได้ยินเรื่อง การถวายคืนพระราชอำนาจ หนาหูยิ่งขึ้น แม้นหลายคนกังวลว่า จะระคายเคือง
เบื้องพระยุคลบาทแต่ก็เป็นทางออกทางเดียวที่มองเห็นในขณะนี้
เพราะทางออกที่นักการเมืองมีส่วนร่วม ก็ล้วนแต่ออกทางที่ตัวเองได้ประโยชน์ จึงไม่มีทางที่
นักการเมืองจะแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาที่เกิดอยู่นี้เกิดจากตัวนักการเมืองเอง
ผมไปเปิดดูรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ซึ่งบัญญัติว่า“อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและศาล
ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงาน
ของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม”
ย้ำนะครับว่าหลักนิติธรรม แต่ปัจจุบันนี้ถูกละเลย
และมาตรา 7 บัญญัติว่า “ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณี
นั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
รัฐบาล สส. สว. จึงสมควรถวายคืนพระราชอำนาจเพื่อให้ทรงใช้อำนาจผ่านคณะองคมนตรีภายใต้
รัฐธรรมนูญ เพื่อมิให้บ้านเมืองบอบช้ำมากไปกว่านี้
เพราะมีบางคนอยากเป็นประธานาธิบดีอยู่
http://www.naewna.com/politic/columnist/8301
ยังไม่เข็ด นายกฯ ม. 7 ก็เคยมีรับสั่งตอบมาแล้ว วันนี้ยังบังอาจมาอ้างอีก
หมดท่าจริงๆแล้ว ก็ตามเคย นะ ไม่ต้องบอกซ้ำ เอาคิดอะไร
นี่มาจากสื่อ "แนวหน้า" ที่บ.ก. เป็นส.ส. ปชป. บทความก็ต้องผ่านการกรั่นกรอง
จากบ.ก.แล้ว เห็นกันหรือยัง ถามคนรัก คนชอบ ปชป. พูดไม่ออก บอกไม่ได้
น้ำท่วมปาก อีกละสิ
แบบนี้แล้ว ยังจะเชียร์ใคร เชียร์ ประชาฺปัตย์ รักใคร...รัก อภิสิทธิ์ ต่อไปไหม ?
ถวายคืนพระราชอำนาจ ...... ประชาไท ธนณรงค์ ....... แนวหน้าออนไลน์
ประเทศยังไม่ถึงทางตันไม่เข้าตาจนขนาดนั้นนะ และอีกหลายคำถาม ฯลฯ
ทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติผู้นำวิกฤติรัฐบาล หรือวิกฤติชาติซึ่งรวมทั้งการเมือง
เศรษฐกิจและสังคม ก็จะมีคนพูดถึงการ “ถวายคืนพระราชอำนาจ” ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงว่า
แม้ประเทศเราจะปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ความจริง
ในทางพฤตินัย เรายังชอบที่จะอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าอยู่หัวเหมือนการปกครอง
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่นะครับ
วันนี้บ้านเมืองเราวิกฤติแล้ว นั้นหมายถึง วิกฤติทางการเมือง ที่นักการเมืองแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว
ละเลยกฎหมาย จริยธรรม รัฐบาลแสวงหาประโยชน์ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติอันเป็นพวกเดียวกัน ละเมิด
หลักนิติธรรมในการปกครองประเทศ
เหตุนี้จึงสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจชาติ และส่งผลให้ประชาชนเกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่ง
ฝ่ายเหมือนในอดีตกาล ประชาชนเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงพร้อมที่จะถืออาวุธเข้าประหัตประหาร
กันเพียงแค่มีนักการเมืองเป่านกหวีดหรือออกคำสั่ง
หากปล่อยให้เกิดสภาพเช่นนี้ต่อไปอีก ประเทศไทยจะสิ้นชาติ
ผมไม่ได้พูดเกินเลย หากมองลึกลงไปจริงๆ สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว มีวิกฤติทุกอย่างที่บ้านเมือง
ไร้ทางออกฉะนั้นการแก้รัฐธรรมนูญ การตั้งสภาปฏิรูป หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่สามารถหาทางออก
ให้กับประเทศได้
นึกดูหากบ้านเมืองไม่มีทางออก แล้วทุกอย่างจะเดินไปถึงทางตัน
เราจึงได้ยินเรื่อง การถวายคืนพระราชอำนาจ หนาหูยิ่งขึ้น แม้นหลายคนกังวลว่า จะระคายเคือง
เบื้องพระยุคลบาทแต่ก็เป็นทางออกทางเดียวที่มองเห็นในขณะนี้
เพราะทางออกที่นักการเมืองมีส่วนร่วม ก็ล้วนแต่ออกทางที่ตัวเองได้ประโยชน์ จึงไม่มีทางที่
นักการเมืองจะแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาที่เกิดอยู่นี้เกิดจากตัวนักการเมืองเอง
ผมไปเปิดดูรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ซึ่งบัญญัติว่า“อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและศาล
ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงาน
ของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม”
ย้ำนะครับว่าหลักนิติธรรม แต่ปัจจุบันนี้ถูกละเลย
และมาตรา 7 บัญญัติว่า “ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณี
นั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
รัฐบาล สส. สว. จึงสมควรถวายคืนพระราชอำนาจเพื่อให้ทรงใช้อำนาจผ่านคณะองคมนตรีภายใต้
รัฐธรรมนูญ เพื่อมิให้บ้านเมืองบอบช้ำมากไปกว่านี้
เพราะมีบางคนอยากเป็นประธานาธิบดีอยู่
http://www.naewna.com/politic/columnist/8301
ยังไม่เข็ด นายกฯ ม. 7 ก็เคยมีรับสั่งตอบมาแล้ว วันนี้ยังบังอาจมาอ้างอีก
หมดท่าจริงๆแล้ว ก็ตามเคย นะ ไม่ต้องบอกซ้ำ เอาคิดอะไร
นี่มาจากสื่อ "แนวหน้า" ที่บ.ก. เป็นส.ส. ปชป. บทความก็ต้องผ่านการกรั่นกรอง
จากบ.ก.แล้ว เห็นกันหรือยัง ถามคนรัก คนชอบ ปชป. พูดไม่ออก บอกไม่ได้
น้ำท่วมปาก อีกละสิ
แบบนี้แล้ว ยังจะเชียร์ใคร เชียร์ ประชาฺปัตย์ รักใคร...รัก อภิสิทธิ์ ต่อไปไหม ?