หยุดสภาและขี้ข้าโจร

กระทู้สนทนา
เสียงข้างมากของสภาขี้ข้าได้กระทำการข่มขืนย่ำยีระบบนิติรัฐ-นิติธรรม เหยียบหยามหัวใจวิญญูชนคนไทย รวบรัดตัดตอน ลักหลับ ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับเหมาโหลยกเข่ง ล้างผิดคนฆ่า-เผา-โกง ตอนตี 4 เสมือนหนึ่งถือฤกษ์โจร

ยังไม่พอ สภาขี้ข้ายังหน่วงเหนี่ยวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เล่นแง่ เล่นเกม ไม่ยอมบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและพวก ไม่สนใจความรู้สึกของคนไทยที่ต้องการเห็นกลไกการตรวจสอบตามระบบรัฐสภาทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

อย่าว่าแต่จะปฏิรูปเลย ถ้าประเทศไทยยังตกอยู่ใต้อุ้งตีนของระบอบทักษิณเยี่ยงนี้ สภาขี้ข้ายังรับใช้โจรอยู่ต่อไปอย่างนี้ ประเทศไทยคงต้องฌาปนกิจสถานเดียว



1) วันที่ 20 พ.ย. 2556 ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยชี้ขาด กรณีเสียงข้างมากของรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของ สว.

การปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยน พลิกผันโฉมหน้าการเมืองไทยเลยก็เป็นได้

2) ระบอบทักษิณต้องการจะให้มี สว.จำนวน 200 คน มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ตามสัดส่วนจำนวนประชากร ทับซ้อนกับ สส. เพื่อใช้ฐานเสียงเดียวกัน

แถมยกเลิกเงื่อนไขข้อกำหนดเรื่องคุณสมบัติ เปิดช่องให้บุพการีคู่สมรส หรือบุตรของ สส.รัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง สามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็น สว.ได้ จะเป็นสภาหมอนข้าง สภาผัวเมีย ตามสบาย

เคยเป็นรัฐมนตรี หรือสมาชิกพรรคการเมือง ลาออกและลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทันที ไม่ต้องรอห้าปี

แถมพ่วงท้ายให้ สว.ชุดปัจจุบันสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งต่อไปได้อีก โดยไม่ต้องเว้นวรรคตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ซื้อเสียง สว.บางส่วนที่ต้องการสืบทอดอำนาจตัวเองต่อไป

3) ระบอบทักษิณต้องการจะใช้วุฒิสภาเป็นฐานอำนาจในการ“ตีเมืองขึ้น” องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย ผ่านกระบวนการสรรหาของวุฒิสภา ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ฯลฯ

หากยึดตำรวจ ดีเอสไอ อัยการ ต้นธารกระบวนการยุติธรรมได้หมดแล้ว ยังจะยึดองค์กรอิสระเอาไว้ได้หมด ต่อไป รัฐบาลจะโกงกิน ทุจริต กระทำการใช้อำนาจผิดทำนองคลองธรรม ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างไร ก็จะไม่มีกลไกตรวจสอบที่สามารถดุลและคานอำนาจได้เลย

4) การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของ สว. โดยเสียงข้างมากของรัฐสภา ด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างระบอบทักษิณกับ สว.จำนวนหนึ่งนั้น มีปัญหาหลายประเด็น

คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ที่มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน ให้ความเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ สว.นั้น คณะกรรมาธิการได้แก้ไขเกินกว่าหลักการที่รัฐสภาได้มีมติไว้ในวาระ 1 ซึ่งเข้าข่ายเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขัดกับข้อบังคับการประชุมและขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากหลักการแก้ไขให้ สว.มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ปรากฏว่า กมธ.ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไขให้คู่สมรส บุพการีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง สว.ได้ มีการแก้ไขให้ สว.ลงสมัครรับเลือกตั้งต่อไปได้ไม่จำกัด เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังน่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ สว.มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบ ถอดถอน เห็นชอบการสรรหาองค์กรอิสระต่างๆ สว.จึงต้องมีความเป็นอิสระจากพรรคการเมือง

น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่กำหนดให้ สส.และสว.ปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือห้ามมีส่วนได้ส่วนเสียในการทำหน้าที่ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของ สว.ครั้งนี้ปรากฏว่า ได้เอื้อประโยชน์แก่ สว.ในขณะนี้โดยตรง โดยเฉพาะการแก้ไขเพื่อเอื้อให้ สว.ที่กำลังจะหมดวาระลงในเดือนมีนาคม 2557 สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สว.ต่อไปได้อีก

ประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช ยังเคยให้สัมภาษณ์ยอมรับกับสื่อมวลชนว่า อยากให้การแก้ไขเสร็จก่อนหมดวาระ เพื่อจะได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สว.ต่ออีกสมัย

ความอัปยศยังไม่หมดแค่นั้น กระบวนการแก้ไขยังน่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกระบวนขั้นตอนการพิจารณา โดยในวาระที่ 1พิจารณายังไม่แล้วเสร็จ สส.ฝ่ายค้านเสนอญัตติขอให้ขั้นกรรมาธิการแปรญัตติ 60 วันค้างอยู่ แต่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กลับชิงปิดการประชุมเพราะไม่ครบองค์ประชุม หลังจากนั้น ได้กำหนดกรอบการแปรญัตติ 15 วัน ซึ่งในภายหลังได้ตัดสิทธิ สส.หลายคน อาทิ นายชวน หลีกภัย เป็นต้น

ยิ่งกว่านั้น ในการพิจารณาแก้ไข ยังได้มีการตัดสิทธิของ สส. และ สว.ที่ใช้สิทธิแปรญัตติจำนวนมาก

ทำกันถึงขนาดว่า มีการกดบัตรลงคะแนนแทนกัน โดยปรากฏหลักฐานเป็นวีดีโอคลิปชัดเจน ถือเป็นการทุจริตการลงคะแนนกลางสภา

5) ในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 20 พ.ย.นี้ หากศาลวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ และขัดต่อมาตรา 68 ก็อาจจะมีผลกระทบต่อพรรคการเมืองของ สส.ที่ลงมติไปนั้น โดย “อาจสั่งยุบพรรคการเมือง” ก็เป็นได้ เพราะถือเป็นการกระทำผิดร้ายแรง เกี่ยวข้องกับกฎหมายสูงสุดของแผ่นดิน

ขณะเดียวกัน เมื่อมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว นายกฯ ก็ยุบสภาไม่ได้

6) นอกสภาก็น่าเป็นห่วง

ล่าสุด นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี ผู้ที่เคยระดมมวลชนไปกดดันศาลมาแล้ว ออกมาเปิดเผยว่า ในวันที่ 18 พ.ย. กลุ่มเสื้อแดงปทุมธานีจะเดินทางไปปักหลักชุมนุมที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งหากผลคำวินิจฉัยออกมาในทางลบ ก็จะดำเนินการมาตรการโต้ตอบอย่างรุนแรงทันที รวมถึงก็จะมีการดำเนินการตอบโต้กลุ่มมวลชนต่างๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลในขณะนี้ด้วย

“ตอนนี้เราได้เปิดรับสมัครนักรบคนเสื้อแดงเพื่อร่วมเคลื่อนไหววันที่ 20 พ.ย. โดยใบสมัครหมดไปแล้วกว่า 3 พันใบ รวมถึงมีการเตรียมข้อมูลบ้านพักของแกนนำกลุ่มต่างๆ ไว้หมดแล้ว” นายวุฒิพงศ์ระบุ

เตือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์เอาไว้ว่า หากปล่อยให้บริวารออกมาข่มขู่ศาล คุกคามประชาชนที่คิดเห็นต่างจากตนด้วยท่าทีรุนแรงเยี่ยงนี้ สงครามกลางเมืองอยู่ไม่ไกล!

และคนบางตระกูลอาจจะต้องกลายเป็นสัมภเวสี เร่ร่อนอยู่ต่างแดนกันทั้งโคตร!

ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/9677


ปล.ล้างสิ่งชั่วร้ายให้หมดไปจากประเทศไทย...เอิ๊ก ๆ ๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่