เรื่องนี้ตีพิมพ์แล้ว อาจจะอัพได้ถึงประมาณ 140 หน้านะคะ
นิยายแฟนตาซีสืบสวน
ฝากติชมเพื่อใช้ในการปรับปรุงงานเขียนด้วยคร้าบบ
ปฐมบท
http://ppantip.com/topic/30320076
ปริศนาดอนการ์ด-1 [PART1/2]
http://ppantip.com/topic/30329175
ปริศนาดอนการ์ด-1 [PART2/2]
http://ppantip.com/topic/30337051
ปริศนาดอนการ์ด-2 [PART1/2]
http://ppantip.com/topic/30362607
\\\\\\\\\\\\\\\
ปริศนาดอนการ์ด-2 [PART2/2]
ในวันที่ริคโทเฟ่นนัดเจอกับแฮริสและอัลเบิร์ตในร้านริโอที ริคก็ไม่วายเจอเหล่าเพื่อนอันธพาลเก่าระหว่างทางเดินออกจากโรงเรียน
“ริค ริคกี้ ริคโทเฟ่น”เสียงเย้าแหย่เรียกไล่หลังในยามเย็นเมื่อเขาเดินผ่านประตูรั้วโรงเรียน ริคพยายามไม่หันไปมอง มีใครบางคนปาบุหรี่มวนย่นไฟยังคุกรุ่นอุ่นๆใส่ไหล่ของเด็กหนุ่ม ริคหันขวับถลึงตาด้วยความโมโห
“ไอ้ขี้ขลาด ไอ้
!”เพื่อนคนหนึ่งตะโกนเสียงใส่ อาจจะเป็นวิลเลี่ยมหรือทิม
“ด่าสิ! อยากฟังคำด่าของนายจังเลยริคกี้!”
เพื่อนทั้งห้าหัวเราะกราว เยาะเย้ย ถากถางต่างๆนานา ริคข่มใจไม่เดินปึงปังเข้าไปชกหน้า เขาหันหลังและเดินไปยังลานจอดรถยนต์ก่อนจะขับมินิคูเปอร์คันสุดรักของพ่อไปบนถนนพรามสตรีทอย่างรวดเร็ว
ริคโทเฟ่นต้องบ่นเรื่องเหล่านี้ให้แก่แฮริสและอัลเบิร์ตฟังอย่างไม่พึงพอใจทันทีที่เจอพวกเขาในร้านริโอที
“พวกมันไม่เคยเลิกรังควานฉัน”เด็กหนุ่มกล่าว “บอกตามตรงเลยว่าถ้าหากฉันไม่ต้องไปนั่งฟังพ่อด่าและถูกกักบริเวณสักอาทิตย์หนึ่งล่ะก็ฉันคงอัดพวกมันเละ”
“ไม่เอาน่าริคกี้”อัลเบิร์ตเลื่อนมือตบบ่าเพื่อนเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววแห่งความเห็นใจ“พวกมันก็แค่พยายามยั่วโมโหให้นายต้องสร้างปัญหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นายรู้จักกันดีอีกสักหนสองหน”
“แต่สำหรับฉัน ฉันคิดว่าคราวหน้าคราวหลังหากนายเจอพวกมัน นายจะต้องโทรศัพท์เรียกฉัน”แฮริสพยักพเยิดหน้าก่อนจะต่อยกำปั้นของริคเบาๆ “ฉันคลื่นไส้หน้าวินด์กับวิลเลี่ยมชะมัด อยากจะชกพวกมันให้ลงไปนอนกองบนพื้นถนนสกปรกๆแถวๆเชเลส”
“แหงล่ะ ...”อัลเบิร์ตต้องถอนหายใจยาวๆระหว่างดื่มบลูกามิกาเซ่ “ให้ตายเถอะ ... พวกนายน่ะ! พวกนายก็รู้ดีว่าหากเกิดเหตุทะเลาะวิวาทล่ะก็พวกเราต้องถูกไล่ออก”
“ไม่หรอก ... เจ้าหน้าที่รู้จักฉันดี พวกเขาตามติดฉันแจตลอดเวลาอยู่แล้วนี่”ริคบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเขาเกรงใจพ่อของฉันจะตายไป”
“ใช่อัล นายกลัวพวกมันหรือยังไง? ฉันเองก็เป็นลูกหลานตระกูนิลบาเล็ต ... ไม่มีทางที่อาจารย์จะไล่ฉันออกจากโรงเรียนหรอก”
“เห็นแก่ชื่อเสียงของตระกูลบ้างเถอะ”อัลหรี่ตาใช้ปลายหลอดชี้หน้าเพื่อน
“ฉันมันนอกคอกนี่นา ... ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษเหมือนบรรดานิลบาเล็ตคนอื่นๆ พวกนายก็รู้ดี ... ยิ่งคิดถึงท่าทีอันอ่อนช้อยและคำพูดคำจาที่ได้รับมาจากคนรับใช้ในวังหลวงทีไร ฉันก็อยากจะคลื่นไส้!”
ริคฟังพลางเหยียดยิ้มส่ายหน้า
“รูดต้องทะเลาะกับนายเพราะนายคิดแบบนี้แน่ๆ”
แฮริสย่นคิ้วพลางเป่าลมผ่านหลอดมองฟองเบียร์เหลืองๆในแก้วเบียดม้วนผ่านขอบ “พวกนายคิดว่ารูดี้จะสั่งสอนฉันได้อย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! ... ถ้าหากฉันเกลียดใคร เขาก็ไม่มีทางห้ามความคิดของฉันได้หรอก”
ทั้งอัลเบิร์ตและริคโทเฟ่นต่างรู้ดีว่าแฮริส นิลบาเล็ตและวินด์ มิชคินเป็นคู่อริกันเนื่องด้วยพ่อแม่ของพวกเขามักมีข้อโต้เถียงแข่งขันกันทางการเมืองและแฮริสกับวินด์ก็ไม่เคยสนทนากันด้วยวาจาดีๆอีกเลยนับตั้งแต่การประชุมระหว่างครอบครัวของนิลบาเล็ตกับมิชคินครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนจนถึงวาระการประชุมในปัจจุบัน
ริคเปลี่ยนประเด็นถามในทันทีนั้น“แล้วรูดเป็นอย่างไรบ้าง?”
แฮริสปรายสายตามองอย่างมีเลศนัย “นั่นไงล่ะ! ฉันรออยู่เชียวว่านายจะไม่ถามได้อย่างไร รูดี้เป็นยอดฮีโร่ยิ่งกว่าซุปเปอร์แมนซะอีก” ริคปาเศษขนมปังทอดใส่เพื่อนเมื่อแฮริสไม่เลิกนอกเรื่อง
โดยความจริงแล้วรูด กรินน์ นิลบาเล็ตเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสาธารณรัฐครีตชาย (แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ทราบเรื่องนี้เลยก็ตามที) รูดมีความสามารถทั้งในด้านการเรียนและหน้าที่การงาน ตอนนี้เขามีอายุยี่สิบสี่ปี เรียนต่อระดับปริญญาเอกในสาขาการบริหาร ณ มหาวิทยาลัยที่โด่งดังที่สุดในประเทศซึ่งแฮริสกำลังจะเจริญรอยตาม(มหาวิทยาลัยดิเอนเซอร์) รูดเป็นตัวแทนประธานบริษัท ทำงานร่วมกับพ่อตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง เขามีไหวพริบที่ดีมากสามารถอ่านการตลาดออกอย่างทะลุปรุโปร่งและที่สำคัญเขาถนัดอ่านใจคนด้วย
“รูดี้ยังอยู่ที่วอร์ทอคส์ล่ะ คงจะกลับมาในอีกสองสามวันนี้ วันที่เขากลับมาก็แวะไปหาสิ บางทีเขาอาจจะเปิดปากพะเยิบพะยาบพูดอะไรออกมาบ้าง”แฮริสถือขนมห่อใหญ่ ดันตัวขึ้นนั่งยองๆบนโซฟา ใช้มือหนึ่งทำท่าทางแสดงประกอบ “อ้อ ฉันเกือบลืมบอกพวกนายไปเลยล่ะว่าอีกไม่นานนี้รูดี้จะมีงานเลี้ยงจัดที่บ้านบนเชิงเขาในหมู่บ้านใกล้ฟาร์มม้ามลฑลเฮลเพนเบิร์ก พวกนายจะไปด้วยกันหรือเปล่า?” ถามพลางยัดมันฝรั่งเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ
ริคนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่
“ไม่เอาน่าริคกี้ นายพลาดงานเลี้ยงที่ทางบ้านของฉันจัดขึ้นเสมอเลย”
“ไม่ใช่ไม่อยากไป” ริคพึมพำ“ฉันไม่รู้ว่าควรจะไปหรือไม่”
“นายก็คิดอย่างนี้ทุกที นายก็เลยไม่เคยไปงานเลี้ยงเลยน่ะสิ”
ริคเหยียดยิ้มไม่ตอบ เขาไม่รังเกียจงานเลี้ยงแต่เขาไม่ชอบเดินทางไกลต่างหากล่ะ
ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เจ้าของร้านริโอทีก็หันมามองดูริคโทเฟ่นจากหน้าเคาท์เตอร์แล้วจึงตระเบ็งเสียงทักทาย “สวัสดีหนุ่มน้อย วันนี้เพื่อนวิชาการของเธอไม่มาด้วยหรือ?”
อัลเบิร์ตและแฮริสต่างเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย
“อ้อ ไม่หรอกครับ เขาบอกว่าเขาอยากเดินทางออกจากเมืองหลวง ผมไม่ได้ติดต่อเขามาสักพักใหญ่แล้ว”ริคโทเฟ่นตอบอย่างรู้ดี
“น่าเสียดายนะ ฉันคงไม่ได้เจอเขาอีกนาน”
“ครับ ผมก็คิดอย่างนั้น”ริคตอบพลางหันมามองแววตาเต็มไปด้วยคำถามของผู้เป็นเพื่อนทั้งสอง
“เขาที่นายพูดถึงคือใครน่ะ?”
“ชายคนที่ฉันเคยบอกพวกนายอย่างไรล่ะว่าเจอกันที่นี่เกือบทุกเย็นแล้วก็คุยกันเรื่องของสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ พวกนายรู้ไหมว่าความคิดของเขาเจ๋งมาก! แล้วฉันก็เคยเดินทางไปเยี่ยมบ้านเช่าของเขาช่วงเย็นหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยนะ แต่ก็น่าเสียดายเพราะตอนนี้เขาย้ายออกไปแล้ว”
อัลเบิร์ตพยักหน้ารับระหว่างนึก “ฉันไม่แปลกใจที่นายดูเนือยๆขึ้นทุกครั้งที่นั่งเรียน”
“ไม่รู้สิ”ริคโทเฟ่นยักไหล่ตอบ
“เขาชื่ออะไรนะ?”แฮริสสงสัย
“แทบบินส์น่ะ ... แทบบินส์ มอร์นากีย์ เป็นชาวต่างประเทศ เขาเก่งมากๆและฉันเชื่อด้วยว่าหากแฮบบี้เจอแทบบินส์ล่ะก็พวกเขาคงผลิตงานประหลาดๆที่น่าทึ่งออกมาได้แน่ๆ แต่ปัญหาก็คือแทบบินส์คงไม่กลับมาดรัมลิงตัน เซสเซอีกแล้ว”
“แทบบินส์”แฮริสต้องขมวดคิ้วแทบจะเป็นปม เขาจับจ้องมองผู้เป็นเพื่อนก่อนจะเบิกตากว้าง
“ทำไมหรือ?”ริคถาม
“เขาอยู่ในดรัมลิงตัน เซสเซมานานแค่ไหน?”
“ไม่รู้สิ”
“เขาเคยพยายามบอกอะไรกับนายบ้างหรือเปล่า?”
“...หืม?”
“เขาเป็นนักวิจัยนี่นา ... ฉันรู้มาแค่นั้น”
“อ้อ” ริคกระพริบตามองเพื่อนปริบๆ “ใช่ เขาเป็นนักวิจัย เขาสอนฉันต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ... แค่นั้นล่ะ”ริคพยายามเลี่ยงบอกสิ่งที่เขาพบเจอในห้องทดลองของแทบบินส์ “ว่าแต่นายรู้ว่าเขาเป็นใครได้อย่างไร? รูดบอก?”
“ฉันรู้แค่นั้น ... เอาเถอะ ฉันรู้มาก็แล้วกัน”
ริคเดาได้ไม่ยากนักหรอกว่าต้องเป็นความลับของรูด นิลบาเล็ตซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบงานของเจ้าหน้าที่ รูดคงถ่ายทอดเรื่องนี้บอกต่อแก่น้องชายอย่างไม่ต้องสงสัย
แฮริสเงียบกริบ รีบเบือนหน้ามองผ่านกระจกสังเกตรถยนต์บนถนนแล่นผ่านไปมาระหว่างใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่างเพียงลำพัง
“นายรู้จักเขาหรือแฮริส?”อัลสงสัย
“เปล่า”
“นายเคยเจอเขา?”ริคแปลกใจ
“ไม่ ไม่เคยหรอก”แฮริสรีบก้มหน้าทานอาหารต่อโดยไม่สนใจคำถามของทั้งสองอีก “ฉันไม่รู้จักเขา ช่างมันเถอะ! เขาเป็นตัวอะไรก็ช่าง ... ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่แล้วนี่จริงไหม?”
อัลเบิร์ตต้องเอียงคอแล้วจึงเลิกสนใจในวินาทีนั้น ส่วนริคกลับสังเกตสีหน้าไม่สบายใจของแฮริสด้วยความฉงนสงสัย ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่แฮริสพยายามปกปิดเป็นความลับเอาไว้ ... และแน่นอนว่าบางทีเพื่อนของเขาผู้นี้คงจะล่วงรู้การดำเนินงานเบื้องลึกเบื้องหลังของสาธารณรัฐครีตชายไม่มากก็น้อยทีเดียวเพราะอำนาจของรูด นิลบาเล็ตบวกกับชื่อเสียงของตระกูลนั้นทำให้เขามีบทบาทแทรกแซงการทำงานแทบทุกหน่วยของรัฐเลยทีเดียว
บางทีแฮริสและรูดอาจจะรู้ ...
อาจจะรู้จักแทบบินส์
ริคโทเฟ่นจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เหมือนอัลเบิร์ตอีกหากเขาไม่รู้มาก่อนว่าแทบบินส์กำลังหลบหนีจากการตามล่าของใครสักคน ... บางทีอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ครีตชาย ... ไม่สิ ... บางทีอาจจะเป็นลูกชายของแทบบินส์ มอร์นากีย์ที่มีชื่อว่าชามัลลี เยเรเอสก็ได้
ทันทีที่แฮริสหันมาสบตามองด้วย ริคก็แสร้งยิ้มหน้าระรื่นและเบี่ยงประเด็นอย่างรวดเร็ว
... จริงสินะ ... ริคมีดอนการ์ดซึ่งยังไม่เคยแตะต้องเลยหลังจากได้รับมันมา
บางทีดอนการ์ดอาจจะช่วยไขคำถามที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในสมองเช่นนี้ได้โดยไม่ยากเย็นนัก
เขาควรจะลองสวมดอนการ์ดสักครั้ง ...
To Be Continued .....
เป็นไงกันบ้าง อ่านแล้วรู้สึกยังไง ฝากคอมเมนท์เพื่อพัฒนางานต่อไปด้วยจ้า
DonGuard: ปริศนาแห่งดอนการ์ด ตอน2 [Part2/2]
นิยายแฟนตาซีสืบสวน
ฝากติชมเพื่อใช้ในการปรับปรุงงานเขียนด้วยคร้าบบ
ปฐมบท
http://ppantip.com/topic/30320076
ปริศนาดอนการ์ด-1 [PART1/2]
http://ppantip.com/topic/30329175
ปริศนาดอนการ์ด-1 [PART2/2]
http://ppantip.com/topic/30337051
ปริศนาดอนการ์ด-2 [PART1/2]
http://ppantip.com/topic/30362607
\\\\\\\\\\\\\\\
ปริศนาดอนการ์ด-2 [PART2/2]
ในวันที่ริคโทเฟ่นนัดเจอกับแฮริสและอัลเบิร์ตในร้านริโอที ริคก็ไม่วายเจอเหล่าเพื่อนอันธพาลเก่าระหว่างทางเดินออกจากโรงเรียน
“ริค ริคกี้ ริคโทเฟ่น”เสียงเย้าแหย่เรียกไล่หลังในยามเย็นเมื่อเขาเดินผ่านประตูรั้วโรงเรียน ริคพยายามไม่หันไปมอง มีใครบางคนปาบุหรี่มวนย่นไฟยังคุกรุ่นอุ่นๆใส่ไหล่ของเด็กหนุ่ม ริคหันขวับถลึงตาด้วยความโมโห
“ไอ้ขี้ขลาด ไอ้!”เพื่อนคนหนึ่งตะโกนเสียงใส่ อาจจะเป็นวิลเลี่ยมหรือทิม
“ด่าสิ! อยากฟังคำด่าของนายจังเลยริคกี้!”
เพื่อนทั้งห้าหัวเราะกราว เยาะเย้ย ถากถางต่างๆนานา ริคข่มใจไม่เดินปึงปังเข้าไปชกหน้า เขาหันหลังและเดินไปยังลานจอดรถยนต์ก่อนจะขับมินิคูเปอร์คันสุดรักของพ่อไปบนถนนพรามสตรีทอย่างรวดเร็ว
ริคโทเฟ่นต้องบ่นเรื่องเหล่านี้ให้แก่แฮริสและอัลเบิร์ตฟังอย่างไม่พึงพอใจทันทีที่เจอพวกเขาในร้านริโอที
“พวกมันไม่เคยเลิกรังควานฉัน”เด็กหนุ่มกล่าว “บอกตามตรงเลยว่าถ้าหากฉันไม่ต้องไปนั่งฟังพ่อด่าและถูกกักบริเวณสักอาทิตย์หนึ่งล่ะก็ฉันคงอัดพวกมันเละ”
“ไม่เอาน่าริคกี้”อัลเบิร์ตเลื่อนมือตบบ่าเพื่อนเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววแห่งความเห็นใจ“พวกมันก็แค่พยายามยั่วโมโหให้นายต้องสร้างปัญหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นายรู้จักกันดีอีกสักหนสองหน”
“แต่สำหรับฉัน ฉันคิดว่าคราวหน้าคราวหลังหากนายเจอพวกมัน นายจะต้องโทรศัพท์เรียกฉัน”แฮริสพยักพเยิดหน้าก่อนจะต่อยกำปั้นของริคเบาๆ “ฉันคลื่นไส้หน้าวินด์กับวิลเลี่ยมชะมัด อยากจะชกพวกมันให้ลงไปนอนกองบนพื้นถนนสกปรกๆแถวๆเชเลส”
“แหงล่ะ ...”อัลเบิร์ตต้องถอนหายใจยาวๆระหว่างดื่มบลูกามิกาเซ่ “ให้ตายเถอะ ... พวกนายน่ะ! พวกนายก็รู้ดีว่าหากเกิดเหตุทะเลาะวิวาทล่ะก็พวกเราต้องถูกไล่ออก”
“ไม่หรอก ... เจ้าหน้าที่รู้จักฉันดี พวกเขาตามติดฉันแจตลอดเวลาอยู่แล้วนี่”ริคบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเขาเกรงใจพ่อของฉันจะตายไป”
“ใช่อัล นายกลัวพวกมันหรือยังไง? ฉันเองก็เป็นลูกหลานตระกูนิลบาเล็ต ... ไม่มีทางที่อาจารย์จะไล่ฉันออกจากโรงเรียนหรอก”
“เห็นแก่ชื่อเสียงของตระกูลบ้างเถอะ”อัลหรี่ตาใช้ปลายหลอดชี้หน้าเพื่อน
“ฉันมันนอกคอกนี่นา ... ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษเหมือนบรรดานิลบาเล็ตคนอื่นๆ พวกนายก็รู้ดี ... ยิ่งคิดถึงท่าทีอันอ่อนช้อยและคำพูดคำจาที่ได้รับมาจากคนรับใช้ในวังหลวงทีไร ฉันก็อยากจะคลื่นไส้!”
ริคฟังพลางเหยียดยิ้มส่ายหน้า
“รูดต้องทะเลาะกับนายเพราะนายคิดแบบนี้แน่ๆ”
แฮริสย่นคิ้วพลางเป่าลมผ่านหลอดมองฟองเบียร์เหลืองๆในแก้วเบียดม้วนผ่านขอบ “พวกนายคิดว่ารูดี้จะสั่งสอนฉันได้อย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! ... ถ้าหากฉันเกลียดใคร เขาก็ไม่มีทางห้ามความคิดของฉันได้หรอก”
ทั้งอัลเบิร์ตและริคโทเฟ่นต่างรู้ดีว่าแฮริส นิลบาเล็ตและวินด์ มิชคินเป็นคู่อริกันเนื่องด้วยพ่อแม่ของพวกเขามักมีข้อโต้เถียงแข่งขันกันทางการเมืองและแฮริสกับวินด์ก็ไม่เคยสนทนากันด้วยวาจาดีๆอีกเลยนับตั้งแต่การประชุมระหว่างครอบครัวของนิลบาเล็ตกับมิชคินครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนจนถึงวาระการประชุมในปัจจุบัน
ริคเปลี่ยนประเด็นถามในทันทีนั้น“แล้วรูดเป็นอย่างไรบ้าง?”
แฮริสปรายสายตามองอย่างมีเลศนัย “นั่นไงล่ะ! ฉันรออยู่เชียวว่านายจะไม่ถามได้อย่างไร รูดี้เป็นยอดฮีโร่ยิ่งกว่าซุปเปอร์แมนซะอีก” ริคปาเศษขนมปังทอดใส่เพื่อนเมื่อแฮริสไม่เลิกนอกเรื่อง
โดยความจริงแล้วรูด กรินน์ นิลบาเล็ตเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสาธารณรัฐครีตชาย (แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ทราบเรื่องนี้เลยก็ตามที) รูดมีความสามารถทั้งในด้านการเรียนและหน้าที่การงาน ตอนนี้เขามีอายุยี่สิบสี่ปี เรียนต่อระดับปริญญาเอกในสาขาการบริหาร ณ มหาวิทยาลัยที่โด่งดังที่สุดในประเทศซึ่งแฮริสกำลังจะเจริญรอยตาม(มหาวิทยาลัยดิเอนเซอร์) รูดเป็นตัวแทนประธานบริษัท ทำงานร่วมกับพ่อตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง เขามีไหวพริบที่ดีมากสามารถอ่านการตลาดออกอย่างทะลุปรุโปร่งและที่สำคัญเขาถนัดอ่านใจคนด้วย
“รูดี้ยังอยู่ที่วอร์ทอคส์ล่ะ คงจะกลับมาในอีกสองสามวันนี้ วันที่เขากลับมาก็แวะไปหาสิ บางทีเขาอาจจะเปิดปากพะเยิบพะยาบพูดอะไรออกมาบ้าง”แฮริสถือขนมห่อใหญ่ ดันตัวขึ้นนั่งยองๆบนโซฟา ใช้มือหนึ่งทำท่าทางแสดงประกอบ “อ้อ ฉันเกือบลืมบอกพวกนายไปเลยล่ะว่าอีกไม่นานนี้รูดี้จะมีงานเลี้ยงจัดที่บ้านบนเชิงเขาในหมู่บ้านใกล้ฟาร์มม้ามลฑลเฮลเพนเบิร์ก พวกนายจะไปด้วยกันหรือเปล่า?” ถามพลางยัดมันฝรั่งเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ
ริคนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่
“ไม่เอาน่าริคกี้ นายพลาดงานเลี้ยงที่ทางบ้านของฉันจัดขึ้นเสมอเลย”
“ไม่ใช่ไม่อยากไป” ริคพึมพำ“ฉันไม่รู้ว่าควรจะไปหรือไม่”
“นายก็คิดอย่างนี้ทุกที นายก็เลยไม่เคยไปงานเลี้ยงเลยน่ะสิ”
ริคเหยียดยิ้มไม่ตอบ เขาไม่รังเกียจงานเลี้ยงแต่เขาไม่ชอบเดินทางไกลต่างหากล่ะ
ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เจ้าของร้านริโอทีก็หันมามองดูริคโทเฟ่นจากหน้าเคาท์เตอร์แล้วจึงตระเบ็งเสียงทักทาย “สวัสดีหนุ่มน้อย วันนี้เพื่อนวิชาการของเธอไม่มาด้วยหรือ?”
อัลเบิร์ตและแฮริสต่างเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย
“อ้อ ไม่หรอกครับ เขาบอกว่าเขาอยากเดินทางออกจากเมืองหลวง ผมไม่ได้ติดต่อเขามาสักพักใหญ่แล้ว”ริคโทเฟ่นตอบอย่างรู้ดี
“น่าเสียดายนะ ฉันคงไม่ได้เจอเขาอีกนาน”
“ครับ ผมก็คิดอย่างนั้น”ริคตอบพลางหันมามองแววตาเต็มไปด้วยคำถามของผู้เป็นเพื่อนทั้งสอง
“เขาที่นายพูดถึงคือใครน่ะ?”
“ชายคนที่ฉันเคยบอกพวกนายอย่างไรล่ะว่าเจอกันที่นี่เกือบทุกเย็นแล้วก็คุยกันเรื่องของสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ พวกนายรู้ไหมว่าความคิดของเขาเจ๋งมาก! แล้วฉันก็เคยเดินทางไปเยี่ยมบ้านเช่าของเขาช่วงเย็นหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยนะ แต่ก็น่าเสียดายเพราะตอนนี้เขาย้ายออกไปแล้ว”
อัลเบิร์ตพยักหน้ารับระหว่างนึก “ฉันไม่แปลกใจที่นายดูเนือยๆขึ้นทุกครั้งที่นั่งเรียน”
“ไม่รู้สิ”ริคโทเฟ่นยักไหล่ตอบ
“เขาชื่ออะไรนะ?”แฮริสสงสัย
“แทบบินส์น่ะ ... แทบบินส์ มอร์นากีย์ เป็นชาวต่างประเทศ เขาเก่งมากๆและฉันเชื่อด้วยว่าหากแฮบบี้เจอแทบบินส์ล่ะก็พวกเขาคงผลิตงานประหลาดๆที่น่าทึ่งออกมาได้แน่ๆ แต่ปัญหาก็คือแทบบินส์คงไม่กลับมาดรัมลิงตัน เซสเซอีกแล้ว”
“แทบบินส์”แฮริสต้องขมวดคิ้วแทบจะเป็นปม เขาจับจ้องมองผู้เป็นเพื่อนก่อนจะเบิกตากว้าง
“ทำไมหรือ?”ริคถาม
“เขาอยู่ในดรัมลิงตัน เซสเซมานานแค่ไหน?”
“ไม่รู้สิ”
“เขาเคยพยายามบอกอะไรกับนายบ้างหรือเปล่า?”
“...หืม?”
“เขาเป็นนักวิจัยนี่นา ... ฉันรู้มาแค่นั้น”
“อ้อ” ริคกระพริบตามองเพื่อนปริบๆ “ใช่ เขาเป็นนักวิจัย เขาสอนฉันต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ... แค่นั้นล่ะ”ริคพยายามเลี่ยงบอกสิ่งที่เขาพบเจอในห้องทดลองของแทบบินส์ “ว่าแต่นายรู้ว่าเขาเป็นใครได้อย่างไร? รูดบอก?”
“ฉันรู้แค่นั้น ... เอาเถอะ ฉันรู้มาก็แล้วกัน”
ริคเดาได้ไม่ยากนักหรอกว่าต้องเป็นความลับของรูด นิลบาเล็ตซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบงานของเจ้าหน้าที่ รูดคงถ่ายทอดเรื่องนี้บอกต่อแก่น้องชายอย่างไม่ต้องสงสัย
แฮริสเงียบกริบ รีบเบือนหน้ามองผ่านกระจกสังเกตรถยนต์บนถนนแล่นผ่านไปมาระหว่างใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่างเพียงลำพัง
“นายรู้จักเขาหรือแฮริส?”อัลสงสัย
“เปล่า”
“นายเคยเจอเขา?”ริคแปลกใจ
“ไม่ ไม่เคยหรอก”แฮริสรีบก้มหน้าทานอาหารต่อโดยไม่สนใจคำถามของทั้งสองอีก “ฉันไม่รู้จักเขา ช่างมันเถอะ! เขาเป็นตัวอะไรก็ช่าง ... ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่แล้วนี่จริงไหม?”
อัลเบิร์ตต้องเอียงคอแล้วจึงเลิกสนใจในวินาทีนั้น ส่วนริคกลับสังเกตสีหน้าไม่สบายใจของแฮริสด้วยความฉงนสงสัย ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่แฮริสพยายามปกปิดเป็นความลับเอาไว้ ... และแน่นอนว่าบางทีเพื่อนของเขาผู้นี้คงจะล่วงรู้การดำเนินงานเบื้องลึกเบื้องหลังของสาธารณรัฐครีตชายไม่มากก็น้อยทีเดียวเพราะอำนาจของรูด นิลบาเล็ตบวกกับชื่อเสียงของตระกูลนั้นทำให้เขามีบทบาทแทรกแซงการทำงานแทบทุกหน่วยของรัฐเลยทีเดียว
บางทีแฮริสและรูดอาจจะรู้ ...
อาจจะรู้จักแทบบินส์
ริคโทเฟ่นจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เหมือนอัลเบิร์ตอีกหากเขาไม่รู้มาก่อนว่าแทบบินส์กำลังหลบหนีจากการตามล่าของใครสักคน ... บางทีอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ครีตชาย ... ไม่สิ ... บางทีอาจจะเป็นลูกชายของแทบบินส์ มอร์นากีย์ที่มีชื่อว่าชามัลลี เยเรเอสก็ได้
ทันทีที่แฮริสหันมาสบตามองด้วย ริคก็แสร้งยิ้มหน้าระรื่นและเบี่ยงประเด็นอย่างรวดเร็ว
... จริงสินะ ... ริคมีดอนการ์ดซึ่งยังไม่เคยแตะต้องเลยหลังจากได้รับมันมา
บางทีดอนการ์ดอาจจะช่วยไขคำถามที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในสมองเช่นนี้ได้โดยไม่ยากเย็นนัก
เขาควรจะลองสวมดอนการ์ดสักครั้ง ...
To Be Continued .....
เป็นไงกันบ้าง อ่านแล้วรู้สึกยังไง ฝากคอมเมนท์เพื่อพัฒนางานต่อไปด้วยจ้า