นิยายแฟนตาซีสืบสวน
ฝากคอมเมนท์ติชมเพื่อใช้ในการปรับปรุงงานเขียนด้วยคร้าบบ
ปฐมบท
http://ppantip.com/topic/30320076
\\\\\\\\\\\\\\\\\\\
บทที่หนึ่ง
ห้องทดลอง
“ที่นี่หรือครับ”ริคโทเฟ่นถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว”
เด็กหนุ่มต้องชะเง้อมองประตูรั้วเตี้ยๆและกองหญ้ารกบริเวณลานหน้าบ้านก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจมาก่อนเลยว่าแทบบินส์ มอร์นากีย์อาศัยอยู่ที่ไหนตลอดหลายเดือนที่พวกเขาต่างรู้จักกันในร้านริโอทีและใช้เวลาแลกเปลี่ยนความคิดกันที่นั่น จนกระทั่งวันนี้ที่แทบบินส์เสนอให้เขาได้ชมบ้านเช่าชั้นเดียวหลังเล็กๆอันไม่น่าพิสมัย
ชายวัยกลางคนกระแอมเบาๆเรียกให้ริคเดินตามลงไปในห้องชั้นใต้ดิน
ทันทีที่แทบบินส์เหยียดมือเปิดประตู หลอดไฟบนเส้นทางระหว่างบันไดพลันสว่างขึ้น
ริคโทเฟ่นหลุดหัวเราะด้วยความตื่นเต้นระคนประหลาดใจยิ่งเมื่อพบว่าพื้นที่ชั้นใต้ดินของแทบบินส์กลายเป็นห้องทดลองขนาดย่อมซึ่งมีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์มากมาย มีเครื่องแก้วและสารเคมีบางส่วนที่ริคเคยเห็นจากห้องทดลองในชั้นเรียนเกรดเก้าจนถึงเกรดสิบสองวางกองอยู่
“เหลือเชื่อ”เขากวาดสายตามองไปรอบๆอย่างตะลึงพรึงเพริด ขณะที่แทบบินส์หันไปทักทายเครื่องจักรกลซึ่งกำลังชงกาแฟร้อนๆมอบให้หนึ่งถ้วยพร้อมกล่าวสวัสดีตอบด้วยการปรากฏของอักษรสีขาวภาษาครีตชีนาเดียนบนหน้าจอเล็กๆว่า ‘ทีซีดดัสกี’
“ทุกอย่างที่นี่ไม่มีชีวิตแต่ฉันทำให้มีชีวิต จริงไหมล่ะ?”
“ให้ตายเถอะแทบบินส์!”ริคว่า “มันเจ๋งมาก! เหมือนนักวิทยาศาสตร์หลุดโลกในหนังภาพยนตร์สักเรื่องที่ผมชื่นชอบ!”
“หลุดโลก?”
“ใช่! หลุดโลก! หลุดโลกก็คือความผิดแผกแตกต่างไปจากปกติ”
แทบบินส์ต้องหัวเราะให้กับคำตอบของเด็กหนุ่มก่อนจะรีบเดินออกไปเปลี่ยนชุดสูทที่ตนเองสวมใส่กลายเป็นเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตาพร้อมถุงมือสองคู่ ส่วนริคก็ต้องจับจ้องมองดูบรรดาหุ่นยนต์ลักษณะคล้ายมนุษย์เดินทำความสะอาดรอบห้องทดลอง
“เหมือนผมกำลังฝัน”
“โอ้! มันคงเป็นฝันที่ยาวนานมากของเธอเลยล่ะ!”
“ถ้าหากเพื่อนของผมมาเห็นที่นี่เขาคงชอบมากๆ”
“เพื่อนหรือ? ใครล่ะ?”แทบบินส์อยากรู้ เขาเดินไปสำรวจวงจรไฟฟ้าซึ่งตนเองกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดอนุภาคพลังงานสูงขนาดย่อม
“เขาชื่อว่าแฮบบี้”ริคบอก “น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาย้ายไปเรียนในสาธารณรัฐวอร์ทอคส์ แฮบบี้หลงใหลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ในเชิงกายภาพ”
“เชิงกายภาพ? เอ้อ ... มันคง ... จะเป็นวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งสินะ ช่างมันเถอะ”แทบบินส์มักจะสงสัยคำศัพท์แปลกๆของชาวครีตชายเสมอ “เธอคงกำลังหมายถึงแฮบินอส เฮอร์กินส์สินะ”
“ใช่ครับ ... คุณรู้? แปลกดี ... แต่ช่างเถอะ ผมมีเพื่อนสนิทแค่สามคน อย่างที่ผมเคยชี้ให้คุณดูคนหนึ่งตอนที่นั่งอยู่ในสนามกีฬากลาง ... เด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่ผมสีน้ำตาลเข้มหวีผมเรียบแปล้นั่นคืออัลเบิร์ต เดเลอร์ มอร์แกนแล้วก็เพื่อนอีกคนที่คุณคงไม่เคยเจอเขาคือแฮริสัน นิลบาเล็ต”
“แฮริสัน”แทบบินส์หันไปขมวดคิ้วมองก่อนจะเรียกให้ริคช่วยซ่อมแซมต่อแผงวงจรไฟฟ้าใหม่ “นิลบาเล็ต ...”
“คุณก็รู้จักตระกูลนี้สินะ?”
แทบบินส์ต้องยักไหล่ตอบ
“ตระกูลเก่าแก่นี้โด่งดังมากในครีตเชีย ... ตอนนี้รูดซึ่งเป็นพี่ชายของแฮริสกำลังคัดสรรผู้ที่จะมาช่วยเหลืองานนิลบาเล็ตในฐานะนามสกุลที่สอง”
แทบบินส์ฟังพลางใคร่ครวญภายในใจ “นามสกุลที่สอง ... มันคงจะหมายถึงการแต่งตั้งให้บุคคลภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมให้กับนิลบาเล็ตและเชื้อพระวงศ์ของครีตเชียสินะ”
“ใช่ครับ ... นามสกุลที่สองถือว่าเป็นที่จับตามองของประชากรชาวครีตชายเป็นอย่างมากเพราะมันหมายถึงการได้รับการแต่งตั้งยศสูงที่สุดซึ่งสามัญชนพึงมีได้จากกษัตริย์ แต่ดูเหมือนแฮริสซึ่งเป็นลูกหลานในตระกูลนิลบาเล็ตจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เสียเท่าไหร่”
“รู้ดีจังเลยนะ พวกเธอคงสนิทกันมาก”
“ครับ”ริคบอก “ผมไปเยี่ยมบ้านพักตากอากาศของรูดบ่อยๆด้วยนะ อันที่จริงในช่วงหน้าร้อนซึ่งกำลังจะถึงนี้ผมก็วางแผนกับอัลและแฮริสเอาไว้ว่าจะไปพักผ่อนในเมืองท่าชินซูรีด้วยกัน”
“โอ้!เป็นจังหวะเหมาะเหม็ง!”แทบบินส์พูดพลางปล่อยให้ริคช่วยทดลองงานขณะที่ตนเองเดินไปเก็บจานเพาะเชื้อมาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ “ฉันมีเพื่อนร่วมเชื้อชาติเดียวกันอาศัยอยู่ที่ชินซูรีมาสักพักใหญ่ๆแล้ว บางครั้งก็ติดต่องานกับฉันผ่านระบบสื่อสารส่วนตัวที่พวกเราสร้างขึ้นมาเอง แต่เรื่องนี้เธอห้ามบอกแก่ใครเด็ดขาดเชียวนะ”เขาหันมาส่งสายตาออกคำสั่งแก่ริคอย่างจริงจังทำให้เด็กหนุ่มประหลาดใจยิ่ง
“ก็ ... ครับ”เด็กหนุ่มตอบพลางหันไปปิดสวิตช์วงจรไฟฟ้าตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์
แทบบินส์มองดูแววตาใสซื่อของริคโทเฟ่นซึ่งกล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วจึงยิ้มพราย เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มแกะเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยไม่กล่าวห้ามแต่อย่างใด “เธอทำให้ฉันนึกถึงเขา”
“ครับ?”ริคขานถามพลางกดปุ่มบนแผงควบคุม
“ลูกชายของฉันน่ะ”
เด็กหนุ่มต้องหันขวับกลับมามองอย่างตกใจจนแทบจะอ้าปากค้าง “คุณมี … !?”
แทบบินส์ต้องรีบส่ายหน้าโดยไว “ลูกชายทูนหัวน่ะ ... ลักษณะนิสัยการพูดจาของเขาคล้ายคลึงกับเธอในบางเรื่อง”
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณก็รักเด็ก ผมนึกว่าคุณจะรักห้องทดลองนี้มากกว่าเสียอีก”
(ต่อด้านล่าง)
DonGuard:ปริศนาดอนการ์ด-1 [PART1/2]
ฝากคอมเมนท์ติชมเพื่อใช้ในการปรับปรุงงานเขียนด้วยคร้าบบ
ปฐมบท
http://ppantip.com/topic/30320076
\\\\\\\\\\\\\\\\\\\
บทที่หนึ่ง
ห้องทดลอง
“ที่นี่หรือครับ”ริคโทเฟ่นถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว”
เด็กหนุ่มต้องชะเง้อมองประตูรั้วเตี้ยๆและกองหญ้ารกบริเวณลานหน้าบ้านก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจมาก่อนเลยว่าแทบบินส์ มอร์นากีย์อาศัยอยู่ที่ไหนตลอดหลายเดือนที่พวกเขาต่างรู้จักกันในร้านริโอทีและใช้เวลาแลกเปลี่ยนความคิดกันที่นั่น จนกระทั่งวันนี้ที่แทบบินส์เสนอให้เขาได้ชมบ้านเช่าชั้นเดียวหลังเล็กๆอันไม่น่าพิสมัย
ชายวัยกลางคนกระแอมเบาๆเรียกให้ริคเดินตามลงไปในห้องชั้นใต้ดิน
ทันทีที่แทบบินส์เหยียดมือเปิดประตู หลอดไฟบนเส้นทางระหว่างบันไดพลันสว่างขึ้น
ริคโทเฟ่นหลุดหัวเราะด้วยความตื่นเต้นระคนประหลาดใจยิ่งเมื่อพบว่าพื้นที่ชั้นใต้ดินของแทบบินส์กลายเป็นห้องทดลองขนาดย่อมซึ่งมีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์มากมาย มีเครื่องแก้วและสารเคมีบางส่วนที่ริคเคยเห็นจากห้องทดลองในชั้นเรียนเกรดเก้าจนถึงเกรดสิบสองวางกองอยู่
“เหลือเชื่อ”เขากวาดสายตามองไปรอบๆอย่างตะลึงพรึงเพริด ขณะที่แทบบินส์หันไปทักทายเครื่องจักรกลซึ่งกำลังชงกาแฟร้อนๆมอบให้หนึ่งถ้วยพร้อมกล่าวสวัสดีตอบด้วยการปรากฏของอักษรสีขาวภาษาครีตชีนาเดียนบนหน้าจอเล็กๆว่า ‘ทีซีดดัสกี’
“ทุกอย่างที่นี่ไม่มีชีวิตแต่ฉันทำให้มีชีวิต จริงไหมล่ะ?”
“ให้ตายเถอะแทบบินส์!”ริคว่า “มันเจ๋งมาก! เหมือนนักวิทยาศาสตร์หลุดโลกในหนังภาพยนตร์สักเรื่องที่ผมชื่นชอบ!”
“หลุดโลก?”
“ใช่! หลุดโลก! หลุดโลกก็คือความผิดแผกแตกต่างไปจากปกติ”
แทบบินส์ต้องหัวเราะให้กับคำตอบของเด็กหนุ่มก่อนจะรีบเดินออกไปเปลี่ยนชุดสูทที่ตนเองสวมใส่กลายเป็นเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตาพร้อมถุงมือสองคู่ ส่วนริคก็ต้องจับจ้องมองดูบรรดาหุ่นยนต์ลักษณะคล้ายมนุษย์เดินทำความสะอาดรอบห้องทดลอง
“เหมือนผมกำลังฝัน”
“โอ้! มันคงเป็นฝันที่ยาวนานมากของเธอเลยล่ะ!”
“ถ้าหากเพื่อนของผมมาเห็นที่นี่เขาคงชอบมากๆ”
“เพื่อนหรือ? ใครล่ะ?”แทบบินส์อยากรู้ เขาเดินไปสำรวจวงจรไฟฟ้าซึ่งตนเองกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดอนุภาคพลังงานสูงขนาดย่อม
“เขาชื่อว่าแฮบบี้”ริคบอก “น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาย้ายไปเรียนในสาธารณรัฐวอร์ทอคส์ แฮบบี้หลงใหลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ในเชิงกายภาพ”
“เชิงกายภาพ? เอ้อ ... มันคง ... จะเป็นวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งสินะ ช่างมันเถอะ”แทบบินส์มักจะสงสัยคำศัพท์แปลกๆของชาวครีตชายเสมอ “เธอคงกำลังหมายถึงแฮบินอส เฮอร์กินส์สินะ”
“ใช่ครับ ... คุณรู้? แปลกดี ... แต่ช่างเถอะ ผมมีเพื่อนสนิทแค่สามคน อย่างที่ผมเคยชี้ให้คุณดูคนหนึ่งตอนที่นั่งอยู่ในสนามกีฬากลาง ... เด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่ผมสีน้ำตาลเข้มหวีผมเรียบแปล้นั่นคืออัลเบิร์ต เดเลอร์ มอร์แกนแล้วก็เพื่อนอีกคนที่คุณคงไม่เคยเจอเขาคือแฮริสัน นิลบาเล็ต”
“แฮริสัน”แทบบินส์หันไปขมวดคิ้วมองก่อนจะเรียกให้ริคช่วยซ่อมแซมต่อแผงวงจรไฟฟ้าใหม่ “นิลบาเล็ต ...”
“คุณก็รู้จักตระกูลนี้สินะ?”
แทบบินส์ต้องยักไหล่ตอบ
“ตระกูลเก่าแก่นี้โด่งดังมากในครีตเชีย ... ตอนนี้รูดซึ่งเป็นพี่ชายของแฮริสกำลังคัดสรรผู้ที่จะมาช่วยเหลืองานนิลบาเล็ตในฐานะนามสกุลที่สอง”
แทบบินส์ฟังพลางใคร่ครวญภายในใจ “นามสกุลที่สอง ... มันคงจะหมายถึงการแต่งตั้งให้บุคคลภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมให้กับนิลบาเล็ตและเชื้อพระวงศ์ของครีตเชียสินะ”
“ใช่ครับ ... นามสกุลที่สองถือว่าเป็นที่จับตามองของประชากรชาวครีตชายเป็นอย่างมากเพราะมันหมายถึงการได้รับการแต่งตั้งยศสูงที่สุดซึ่งสามัญชนพึงมีได้จากกษัตริย์ แต่ดูเหมือนแฮริสซึ่งเป็นลูกหลานในตระกูลนิลบาเล็ตจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เสียเท่าไหร่”
“รู้ดีจังเลยนะ พวกเธอคงสนิทกันมาก”
“ครับ”ริคบอก “ผมไปเยี่ยมบ้านพักตากอากาศของรูดบ่อยๆด้วยนะ อันที่จริงในช่วงหน้าร้อนซึ่งกำลังจะถึงนี้ผมก็วางแผนกับอัลและแฮริสเอาไว้ว่าจะไปพักผ่อนในเมืองท่าชินซูรีด้วยกัน”
“โอ้!เป็นจังหวะเหมาะเหม็ง!”แทบบินส์พูดพลางปล่อยให้ริคช่วยทดลองงานขณะที่ตนเองเดินไปเก็บจานเพาะเชื้อมาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ “ฉันมีเพื่อนร่วมเชื้อชาติเดียวกันอาศัยอยู่ที่ชินซูรีมาสักพักใหญ่ๆแล้ว บางครั้งก็ติดต่องานกับฉันผ่านระบบสื่อสารส่วนตัวที่พวกเราสร้างขึ้นมาเอง แต่เรื่องนี้เธอห้ามบอกแก่ใครเด็ดขาดเชียวนะ”เขาหันมาส่งสายตาออกคำสั่งแก่ริคอย่างจริงจังทำให้เด็กหนุ่มประหลาดใจยิ่ง
“ก็ ... ครับ”เด็กหนุ่มตอบพลางหันไปปิดสวิตช์วงจรไฟฟ้าตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์
แทบบินส์มองดูแววตาใสซื่อของริคโทเฟ่นซึ่งกล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วจึงยิ้มพราย เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มแกะเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยไม่กล่าวห้ามแต่อย่างใด “เธอทำให้ฉันนึกถึงเขา”
“ครับ?”ริคขานถามพลางกดปุ่มบนแผงควบคุม
“ลูกชายของฉันน่ะ”
เด็กหนุ่มต้องหันขวับกลับมามองอย่างตกใจจนแทบจะอ้าปากค้าง “คุณมี … !?”
แทบบินส์ต้องรีบส่ายหน้าโดยไว “ลูกชายทูนหัวน่ะ ... ลักษณะนิสัยการพูดจาของเขาคล้ายคลึงกับเธอในบางเรื่อง”
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณก็รักเด็ก ผมนึกว่าคุณจะรักห้องทดลองนี้มากกว่าเสียอีก”
(ต่อด้านล่าง)