DonGuard:ปริศนาดอนการ์ด-2 [PART1/2]

กระทู้สนทนา
นิยายแฟนตาซีสืบสวน
ฝากติชมเพื่อใช้ในการปรับปรุงงานเขียนด้วยคร้าบบ


ปฐมบท
http://ppantip.com/topic/30320076
ปริศนาดอนการ์ด-1 [PART1/2]
http://ppantip.com/topic/30329175
ปริศนาดอนการ์ด-1 [PART2/2]
http://ppantip.com/topic/30337051


\\\\\\\\\\\\\\\


ชีวิตของเขาเหมือนการเริ่มต้นใหม่



ชีวิตของเขาเหมือนการเริ่มต้นใหม่

ริคโทเฟ่นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง ... เปลี่ยนกลับมาใช้รูปแบบกิจวัตรประจำวันเหมือนอย่างที่เคยเป็นก่อนการพบเจอกับแทบบินส์

เด็กหนุ่มต้องกิน นอน เที่ยว รวมทั้งเลี่ยงการพบเจอกับเพื่อนแก๊งอันธพาลเก่าก่อนจะเกิดการทะเลาะวิวาทหรือทุบตีเพราะอารมณ์ร้อนๆของเขา อีกทั้งต้องใช้เวลามากขึ้นในการฝึกซ้อมศิลปะป้องกันตัว บางครั้งเขาก็เดินทางไปสำนักงานตำรวจ บุกเข้าไปท้าดวลเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งรู้จักกันดีเพื่อทดลองฝีมือของตนเอง

นั่นคือกิจวัตรเดิมๆที่ริคปฏิบัติเสมอมา

ส่วนการฝึกงานต่อวงจรไฟฟ้า เรียนรู้พื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสร้างหุ่นยนต์และเครื่องจักรซับซ้อนเพื่อการวิจัยก็ต้องหยุดลงเมื่อแทบบินส์ไม่แวะกลับมาอีกหลังจากชายหนุ่มกล่าวลาอย่างจริงจังพร้อมมอบดอนการ์ดให้แก่ริคเรียบร้อยแล้ว ... ความสนุกของการสร้างสิ่งประดิษฐ์จึงกลายเป็นเพียงความฝันในที่สุด



“เมื่อวานแกคงไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนเก่าของแกใช่ไหม?”

“โธ่!พ่อ! ผมแยกตัวออกมาจากกลุ่มของวินด์นานแล้วนะ! พ่อเชื่อผมบ้างสิ”ริคโทเฟ่นต้องกล่าวประชดบ่นตอบคุณเลมเบอสท์ทุกครั้งที่เขากลับบ้านดึกดื่นขณะทานอาหารในห้องครัว

“แกก็รู้ว่าคนในสำนักงานตำรวจเพิ่งจะได้ข่าวมาว่าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทและเสียงปืนบริเวณซอยอับใกล้วงเวียนใหญ่เกรนฮาวน์เดอร์เมื่อวานนี้”

“พ่อ ... ผมกับพรรคพวกของวินด์ไม่เกี่ยวข้องกันอีก เมื่อวานนี้ผมไม่ได้ทำร้ายใครทั้งนั้นและผมก็คงไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้วนอกเสียจากป้องกันตัว”ริคต้องวางมีดและส้อมลงก่อนจะจับตามองดูสีหน้าบึ้งตึงของบิดาบังเกิดเกล้า “ก็ได้ ... พูดให้ตายอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ ผมก็คงบังคับพ่อไม่ได้ แต่ผมไม่เคยโกหกเรื่องที่ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมคลุกคลีอยู่กับการศึกษางานทางด้านอิเล็กทรอนิกส์กับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมเจอเขาในร้านริโอที”

“แทบบินส์ มอร์นากีย์ที่แกเคยพูดถึงใช่ไหม?”พ่อของเขาต้องเลิกคิ้วสูง

“ครับ”

“เขาเป็นนักวิจัย”

ริคแทบจะสำลักอาหารในปากแล้วพ่นใส่โต๊ะ เขาเลื่อนสายตาไปมองดูปลายหนวดของพ่อกำลังกระตุก“พ่อรู้?”

“อ้อ แน่ล่ะ...แกคิดว่าฉันเป็นใคร? ที่สำคัญนะ ... ฉันรู้เรื่องนี้ช้าไปหน่อย ... ไม่อย่างนั้นลูกน้องของฉันคงสั่งจับตัวเขามาสอบสวนนานแล้ว”

“จับตัว!”เด็กหนุ่มแทบจะลุกพรวดออกจากที่นั่งอย่างตกใจ

พ่อหรี่สายตามองให้ริคกลับไปนั่งบนเก้าอี้รับประทานอาหารเงียบๆตามเดิม “เขาไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวธรรมดาๆ เขาเป็นนักวิจัยที่เราต้องการตัวมากที่สุดเพื่อข้อมูลที่สำคัญบางอย่าง ฉันไม่ควรจะบอกแก”

“เหอะ ... พ่อเคยบอกผมเรื่องราชการเสียเมื่อไหร่?”ริคบ่นพึมพำเสียงแผ่วจับจ้องมองสีหน้าขุ่นของอีกฝ่าย

“เจ้าหน้าที่สืบสวนระดับสูงอาจจะบอกแกก็ได้นะ ถ้าหากลูกน้องของฉันไว้วางใจแกสักเสี้ยวหนึ่ง”

“แน่ล่ะ เจ้าหน้าที่คงบอกผมอยู่หรอกในเมื่อผมมักจะเดินเข้าไปท้าพวกเขาต่อยบ่อยๆแบบนั้น”ริคต้องนั่งบ่นภายในใจเพียงลำพังหลังจากฟังคำตอบของผู้เป็นพ่อ



กล่าวถึงคุณเลมเบอสท์ ... สเตฟาน จอห์น เลมเบอสท์  ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ปัจจุบันขึ้นต้นด้วย พล.ต.อ. อยู่ในฐานะรองผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ เขาคือผู้ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆในวงการตำรวจครีตเชียซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่มักเรียกเขาจนติดปากว่าผู้บังคับบัญชามลฑลที่สาม(ดรัมลิงตันเซสเซ)

ก่อนหน้านี้คุณเลมเบอสท์ ใช้เวลาในห้องทำงานส่วนตัวใกล้ๆห้องเก็บของใต้บันได แต่สองปีที่แล้วเขาใช้เวลาหมดไปกับการตรวจสอบงานและการลงพื้นที่ ทำให้คุณเลมเบอสท์มีเวลาอยู่ที่บ้านน้อยเต็มที และทุกครั้งที่กลับบ้านเขาก็มักจะมีสีหน้าบูดบึ้งใส่ลูกชายอยู่เสมอ ทั้งสองจึงมักทักทายกันด้วยเสียงตะโกนทะเลาะโวยวาย ริคไม่เคยยอมน้อยหน้า เด็กหนุ่มพูดกระแทกแสกกลางกระหม่อมของผู้เป็นพ่อเสมอแล้วเขาก็ต้องเป็นฝ่ายหนีออกไปจากบ้านดื่มเบียร์สองสามแก้วตามบาร์ผิดกฎหมายหรือบาร์ใต้ดินร่วมกับเพื่อนๆในช่วงที่เขายังเป็นนักเลงโตในบริเวณเมืองหลวงดรัมลิงตัน เซสเซ แม้ว่าตอนนี้ริคจะเปลี่ยนไปแล้วและกลายเป็นคนที่มีความเคารพยำเกรงผู้เป็นพ่อ แต่น้ำเสียงและคำพูดคำจาของคุณเลมเบอสท์ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง  



ริคโทเฟ่นอาศัยอยู่ในบ้านสองชั้นและห้องใต้หลังคาหากไม่นับรวมชั้นใต้ดินสำหรับเก็บไวน์แดงรสเลิศอันเป็นของสะสมของคุณเลมเบอสท์

ทุกสิ่งในบ้านล้วนเป็นของพ่อแต่ทุกสิ่งของพ่อไม่ใช่ของเขา ... อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมแต่ริคก็พึงพอใจกับที่นอนนุ่มๆและห้องนั่งเล่นซึ่งมีเพียงเขาที่สามารถเข้าถึงได้ในยามเหงา ยกเว้นก็เพียงความเกลียดชังจากโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ซึ่งมีชื่อว่าดักลาสข้างบ้านเพียงตัวเดียวที่เป็นศัตรูคู่แค้นคู่อาฆาตกับริคมาตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้

เขายอมรับว่าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขขี้เล่น รักมนุษย์ แม้แต่โจรขโมยมันก็ต้อนรับ ...  แต่บางทีเขาก็อาจจะชั่วร้ายเกินไปสำหรับมันทำให้ดักลาสคิดว่าริคไม่ใช่เพื่อนเล่นน่าหลงใหล

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ดักลาสทำให้เด็กหนุ่มหงุดหงิดจนเขาต้องตัดสินใจหาทางลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้สุนัขนิสัยไม่ดีตัวนี้หยุดเห่าใส่เขาเสียที แล้วก็คิดได้ว่าเขาควรปาเศษขวดเบียร์ใส่ดักลาส ... วินาทีที่เด็กหนุ่มรู้สึกยินดีปรีดาเมื่อดักลาสส่งเสียงร้องเอ๋งๆ วิ่งตัวงอวนไปมาบนลานหญ้า เพื่อนบ้านก็เดินออกจากประตูก่อนจะเห็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากริคโทเฟ่น เลมเบอสท์ที่ฝากเอาไว้ให้กับสุนัขของตน ... ริคต้องถูกพ่อกักบริเวณร่วมเดือนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาถูกพ่อด่าเสียเทเสียใช้อำนาจข่มขู่จนทำให้เด็กหนุ่มเกรงกลัวแทบไม่กล้าย่างเท้าผ่านพรมเข้าไปในบ้านทุกครั้งที่เดินทางกลับมาจากโรงเรียนอยู่หลายอาทิตย์ทีเดียว

จากผลงานชิ้นโบว์แดงที่ริคมอบให้แก่ดักลาสในคราวนั้น สุนัขพันธุ์โกเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวดีก็ยังคงเห่าหอนใส่เขาเหมือนเดิมจนถึงตอนนี้



\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\



กลับมาพูดถึงเรื่องของริคในปัจจุบัน

บัดนี้ถึงเวลาใกล้สอบปลายภาคของเทอมที่หนึ่งเต็มทีแล้ว  ริคจึงต้องขยันอ่านหนังสือร่วมกับเพื่อนๆจนไม่มีเวลานึกถึงแทบบินส์ผู้ที่เอ่ยลาไปนานประมาณหนึ่งเดือนเต็มหลังจากการเจอกันครั้งสุดท้าย

ทันทีที่ทีมบาสเกตบอลเรียกซ้อมหนักในช่วงแข่งขันระดับภาค  ริคก็รีบถอนรายชื่อทันทีแล้วอาจารย์ก็ต้องโทรศัพท์ตามหาเขา ติดต่อกันหลายวันเพื่อเรียกเขากลับคืนสู่สนามแต่ริคไม่ใช่คนขยันในกีฬาประเภทใดประเภทหนึ่งนอกเสียจากศิลปะการต่อสู้ เขาจึงทำท่าทีไม่รู้ไม่ชี้และเดินหนีทุกครั้งที่เห็นเสื้อทีมบาสเกตบอลจากนักกีฬารุ่นน้องเดินผ่านตนเองไป

ริคมีอีกหนึ่งปัญหาซึ่งก่อกวนจิตใจในช่วงการเตรียมตัวสอบ นั่นก็คือ ... เพื่อนๆกลุ่มอันธพาลเก่า ...

ริคเป็นผู้แยกตัวออกมาจากพวกเขา

บนชั้นดาดฟ้าของตึกที่สองภายในโรงเรียนเบลเฟอร์เรต์มักเป็นสถานที่ที่อดีตกลุ่มอันธพาลของเขานัดเจอกันเพื่อทิ้งเวลาว่างไปให้เปล่าประโยชน์ บางครั้งก็ลากนักเรียนสักคนภายในโรงเรียนที่กล้าแหย่หนวดเสือขึ้นมารุมซ้อม บางครั้งก็นั่งทอดสายตาออกไปไกลๆ รับลมเย็นๆบนชั้นดาดฟ้า สนทนานินทาอาจารย์กับนักเรียนไปเรื่อยเปื่อย พวกเขาสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าดื่มเบียร์กันตั้งแต่สมัยเกรดเก้า

ริคจำได้ดีว่าเขาเคยมีความสุขกับสิ่งเหล่านี้มากแค่ไหน ทว่านับตั้งแต่วันที่เพื่อนๆด่าว่าเหยียดหยามอีกทั้งตะเพิดไล่เมื่อเขาขอออกจากกลุ่มโดยไม่ฟังเหตุผล ริคก็รังเกียจความสุขจอมปลอมเหล่านี้มากยิ่งกว่าความเกลียดชังที่เคยมีต่อสิ่งอื่นๆเสียทั้งหมด

ปีสุดท้าย ปีแห่งการสนุกเฮฮาสุดเหวี่ยง อาจจะไม่มีอีกแล้วก็ได้  ริคเคยคิดว่าสิ่งที่เขาเสพสุขอยู่คือเรื่องถูกต้อง แต่ในเวลานี้ ... เขามองย้อนกลับไปยังจุดเดิมที่เคยยืนอยู่เมื่อสองสามปีก่อน เขามองเห็นรอยเปื้อนดำตรงนั้นอย่างชัดเจน รอยเปื้อนของความน่าละอาย ริคโทเฟ่นยินดีที่จะละทิ้งทุกอย่างไปครั้นตระหนักได้ว่าการเป็นนักเลงไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมในสายตาของใครเลยแม้เพียงสักนิดและแม่ของเขาก็คงไม่หวนกลับมาหาเขาอีกแล้ว

เพื่อนร่วมก๊วนเก่าของริคมีห้าคนคือ วินด์, วิลเลี่ยม, แมกซ์, ทิม, และฟรานซิส  ทั้งห้ามีนิสัยป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์ดุร้าย แทบจะไม่มีใครจินตนาการออกเลยว่าพวกเขามาจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและบางคนในกลุ่มก็เป็นลูกหลานของเจ้าของบริษัทใหญ่โตและมีชื่อเสียงในประเทศครีตเชีย คงเป็นเพราะการอบรมเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมที่น่าอึดอัดซึ่งทำให้ทั้งห้าตัดสินใจกล้ำกลืนดำดิ่งสู่สิ่งที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดในเวลานี้


To Be Continued.........
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่