เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: เมื่อดอกรักบานบนลานบัลเล่ต์#2

[code]กลับมา(อีก)แล้วค่า ดีใจจังที่มีคนฟินและรออ่านไปด้วย ฮี่ๆๆๆ ขอบคุณจริงๆที่ยังรอกันอยู่น้า เพราะช่วงก่อนหน้าติดซ้อมแทบทุกวันเลยค่ะ กลับบ้านก็สลบแล้ว อีกส่วนนึงก็คือตอนนั้นกำลังพีคๆเรื่องอีตาคุณชายที่จะเป็นเป้านินทาในวันนี้นี่แหละค่ะ จะได้มีวัตถุดิบในการเขียนต่อไป แฮ่..

สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่1นะคะ http://ppantip.com/topic/31202537 ตามไปโลดดดดดดดดดดด


คราวที่แล้ว จขกท เล่าค้างไว้ถึงคืนวันเสาร์ วันนี้เรามาต่อเช้าวันอาทิตย์กันค่ะ

วันอาทิตย์ จขกท ตื่นไปทำงานที่ร้านแทนเพื่อน ก็ได้แต่วังว่าฮีจะมา แต่มองออกไปหน้าร้านตั้งแต่เที่ยง ก็ไม่มีวี่แววอีตาผอมก้างคุ้นตาที่ไหนจะเดินมา จนถอดใจไปแล้ว แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์จะเมตตา เพราะตอน จขกท เดินไปเอาของจากในครัว เดินกลับมาที่ประตูหน้าร้าน...ก็เจอฮียืนยิ้มเขินๆอยู่แล้ว

...เดินกลับไปกรี๊ดสลบในครัว!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เสร็จแล้วก็ทำมาดนิ่ง เดินกลับออกมาทักทายประหนึ่งว่ารับลูกค้าปกติ ทั้งๆที่ในใจนี่ไปไหนไม่เป็นไปเรียบร้อยแล้วค่ะ หุหุหุ โคดีที่ช่วงเวลาบ่ายสองเป็นเวลาที่ร้านคนไม่เยอะแล้วหลังมื้อกลางวัน จขกท ก็เลยใช้อภิสิทธิ์ความเป็นโฮส จับฮีนั่งที่เคาท์เตอร์ที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็ใกล้ชนิดที่สามารถรินน้ำไปมือนึง อีกมือนึงหยิกแก้มฮีได้เลยนั่นแหละค่ะ (แต่เก๊าไม่ได้ทำนะตัว เก๊าเขิน) อมยิ้ม02

เหมือนเพื่อนในร้านจะรู้เห็นเป็นใจกันทุกคน เพราะดูแล้วอาการยัยนี่มันคงชัดเจนมากกกกกก ก็เลยรวมหัวกันปล่อยให้เราดูแลฮีเอง ตั้งกะรับออเดอร์ยันเสิร์ฟอาหาร แม้แต่อีตาคู่กัดเราในร้าน ซึ่งต่อไปเราจะเอามานินทาให้ฟังแน่ๆ ก็ยังแอบกวนประสาท แต่ก็ปล่อยให้เราเทคแคร์แขกวีไอพีต่อไปโดยสวัสดิภาพ

หลังกินเสร็จ เราเอาการ์ดที่นั่งวาดเองเมื่อคืนมาให้ฮี ซึ่งห่ออยู่ในกระดาษสามชั้น ฮีทำท่าจะแะออกจนเราต้องร้องห้าม...แหม่ ไปแกะที่อื่นได้มั้ยอะ ข้างในนั้นเค้าเขียน"อะไรๆ"เอาไำว้เยอะนะเคอะ พ่อคุณก็พยักหน้า เก็บลงกระเป๋าแต่โดยดี ก่อนจะล้วงเอาของบางอย่างออกมาให้เรา

...มันคือกระเป๋าใส่เศษสตางค์รูปสนูปี้สีขาว ซึ่งก็เลยเป็นที่มาของชื่อฮีที่เราใช้เรียกหลังจากนั้นว่า Snoopy Boy และมันกก็ช่างคิกขุจนต้องถามว่า เธอใช้ของแบบนี้จริงๆเรอะเนี่ย ซึ่งแน่นอน ฮีก็แค่พยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็บอกว่า"อือ"

กินเสร็จก็ตบตีกันเรื่องเช็ค ซึ่งเราก็ยืนยันหัวชนฝาว่ามื้อนี้เราเลี้ยง อย่าเรื่องมาก ไม่งั้นแม่จะชาร์จเพิ่ม20%เลยคอยดู จนหลังจากถลึงตาใส่ไปเป้นรอบที่5 ฮีก็เลยยอมแพ้ แล้วบอกว่าจะต้องไปโรงเรียนแล้ว วันนี้วันสุดท้าย เราก็เลยเดินออกไปส่งที่ประตู ตอนนั้นเพื่อนที่ทำแคชเชียร์ก็เลยไล่เราออกไปหน้าร้าน บอกว่า เบรคได้เลย ให้เวลา5นาที(ปกติโฮสจะไม่มีเบรค5นาทีค่ะ อันนี้เป้นกรณีพิเศษ) เดี๋ยวในร้านเค้าช่วยดูแลเอง ไปชิ่วๆ ชั้นรู้นะว่าเธออยากออกไปคุย (ชิ รู้ทัน)


และแล้วเราก็เลยออกมายืนพิงกำแพงร้านข้างๆด้วยกัน เพื่อนสาวแคชเชียร์วิ่งตามเอาทิชชู่มาให้ บอกว่า เผื่อไว้..อืม...โวะ!!!

เงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เราจะเริ่มก่อน

เรา : จะกลับพรุ่งนี้กี่โมงเหรอ
ฮี : บ่ายโมงน่ะ
เรา : อยากไปส่งจัง แต่ต้องทำงานอะ
ฮี : อื้อ ไม่เป็นไร เข้าใจ
เรา : เดี๋ยวจะอยู่ที่โรงเรียนอีกกนานมั้ย
ฮี : ก็น่าจะสักพักนะ คงออกจากโรงเรียนหกโมง ทุ่มนึง
เรา : รอเรานะ เดี๋ยวไปเดินเล่นกันก่อนกลับ
ฮี : ....เธอร้องคอนเสิร์ตของจัสตินป่ะ (เพื่อนที่เป้นไดเรคเตอร์คอนเสิร์ตครั้งที่ผ่านมา)
เรา : ร้อง ทำไมเหรอ
ฮี : เธอมีซ้อมทุ่มนึงไม่ใช่เหรอ ="=
เรา : เออว่ะ งั้นทำไงดีอะ รอเรานะ เดี๋ยวเลิกงานแล้วเรารีบไป
ฮี : อือ
เรา : อื้อ เออใช่ มะคืนเธอบอกจะจุ๊บเรานี่ เดี๋ยวจะไปทวง ฮ่าๆๆ I'm not kidding นะ
ฮี : Me too

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย หมายความว่าไง!?!?!?!?!?!?!
คุยเสร็จฮีก็เดินลอยชายจากไปอย่างน่าถีบเป็นที่สุด ปล่อยให้เรากลับไปทำงานแบบเหวอๆ จนกระทั่งห้าโมงเย็น เรารีบยัดราเมงใส่ปากแล้วเผ่นไปโรงเรียนอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยค่ะ

...หลังจากทำทุกวิถีทาง เราก็ได้ตัวฮีเดินไปซื้อของกินด้วย...พร้อมเพื่อนอีกสองคน จะตามมากันทำม้ายยยยยยยยยยยยยยยยย ฮือออ

ระหว่างทาง เราก็เล่นกันด้วยการกระโดดขี่หลังแบบหนังเกาหลี เราขี่หลังเค้า...และเค้าก็ขี่หลังเรา (ขอโทษนะคะ จขกท เป้นผู้หญิงถึก หรือฮีจะผอมเกินก็สุดรู้ รู้แต่เราอุ้มฮีแบบช้อนตัวขึ้นได้สบายๆง่ะ) เมื่อซื้อของเสร็จ กลับมาหน้าประตูโรงเรียน เพื่อนคนนึงก็บอกลาเพื่อจะกกลับบ้าน เราก็เลยทำปากจู๋ บอก จุ๊บๆหน่อยก่อนกลับบ้าน เร้วววว แล้วก็ทำใส่เพื่อนสาวอีกคน ก่อนจะหันมาแกล้งฮีด้วยการทำปากจุ๊บใส่บ้าง

ในขณะที่เพื่อนสาวอีกสองคนกำลังร่ำลากัน ฮีก็ทำในสิ่งที่ทุกคนคงคาดไว้ นั่นคือ โน้มตัวลงมาจุ๊บเราทันที อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เหวอค่ะ เหวอจริงๆ เราเดินกลับขึ้นตึกไปพร้อมเพื่อนและอีตานั่น จนถึงหน้าสตูดิโอ เราก็ปล่อยให้เพื่อนเดินเข้าไปก่อน ส่วนเราเองกระตุกคอเสื้อฮีเอาไว้ แล้วลากให้เดินถอยหลังออกมาคุยกันก่อน

เรา : เมื่อกี้ทำไร
ฮี : หือ ป่าวนิ
เรา : เดี๋ยวจะโดน เธอนี่มัน Bad boy ชัดๆ
ฮี : I know (หมายความว่าไงฟะ อี่ตานี่)

เรามองหน้าฮี ส่ายหัว แล้วเดินกลับเข้าสตูดิโอไปด้วยความปั่นป่วน ไม่ไหวแล้วเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยย

แล้วเราก็เดินกลับออกมา ผลักฮีไปจนติดกำแพงอีกด้าน แล้วยื่นหน้าไปกระซิบข้างหู "เราชอบเธออะ" แล้วก็วิ่งหนีเข้าสตูไปเลยโดยไม่มองหน้าฮีอีก เขินง่า แง้วววววว

แต่เมื่อต้องเดินกลับมาเอาของ เราก็เห็นฮีนั่งอยู่ที่โซฟาที่ลอบบี้ และฮีก็กำลังมองมาทางเราด้วย ก่อนจะยิ้มนิดๆแล้วพยักหน้าช้าๆ...แปลว่าอะไรยะ อย่ามาทำกำกวมแบบนี้นะยะ เดี๋ยวแม่ก็ชกให้เลย!!!!!!!! (ช่างเป็นผู้หญิงฮาร์ดคอร์เสียจริง)


และแล้ว ฮีก็กลับบ้านไประหว่างที่เรากำลังซ้อม และโดยที่เพื่อนหลายคนจะไปบ้านฮีกันคืนนั้นเพื่อให้กำลังใจตอนแพคของ เราก็เลยฝากพวงกุญแจสุดรักสุดหวงที่ใช้อยู่ไปให้ฮี บอกว่า เก็บไว้ใช้นะ จะได้นึกถึงกันทุกครั้งที่เห็น (ฮิ้ววว) แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้จริงๆว่าหลังจากบอกไปแบบนั้น(ด้วยการกระตุกคอเสื้อและผลักติดผนัง) คุณชายเธอจะยังอยากนึกถึงกันอยู่หรือเปล่า เฮ้อ

คืนนั้นเราส่งข้อความไปหาฮี บอกว่าเดินทางดีๆนะ และส่งข่าวมาด้วยพอไปถึงแล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมาคือหน้ายิ้มหนึ่งอัน...TT^TT สงงสัยจะไม่รอดแฮะ


วันจันทร์ สิ่งที่เข้มแข็งมาตลอดก็เลยพัง เรานั่งร้องไห้กระซิกๆเพราะเศร้ามากที่แม้แต่จะไปส่งก็ยังทำไม่ได้ ได้แต่หวังว่าฮีจะตอบอะไรกลับมา คืนนั้นหลังเลิกงาน เราก็เลยตัดสินใจร้องเพลงนึงให้ฮี คือเพลง For Good จากเรื่อง Wicked แถมแกะเนื้อเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยความช่วยเหลือจากน้องสาวที่รักจากเมืองไทยในการช่วยหาเนื้อเพลง ซึ่งก็ร้องไว้แบบง้องแง้งๆเพราะอ่านเนื้อไม่ทันค่ะ แหะๆ แต่คุณน้องรักบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะพี่ เค้าต้องเห็นความพยายามของพี่แน่นอน...โอเคจ้ะ T^T

เช้าวันถัดมา ฮีก็ทักมา บอกว่าถึงญี่ปุ่นแล้วนะ เหนื่อยมากกกกก เนี่ย เดี๋ยวจะนอนแล้ว บลาๆๆๆ เราก็เลยบอกว่า เอาไลน์มา คุยกันๆ ก็คุยกันไป เราไปทำงาน กลับบ้าน ฮีตื่นพอดี คุยกันอีกรอบ แล้วฮีก็เอาแต่ส่งหน้าิยิ้มมาจนเราเริ่มเซ็ง

เรา : เธอเอาแต่ส่งหน้ายิ้มมา เราไม่เคยรู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่
ฮี : อือ
เรา : ตั้งแต่แรกแล้ว เธอควรพูดอะไรบ้างนะื เวลาเธอรู้สึกดี ไม่ดี เธอก็เอาแต่นิ่ง เราเดาใจไม่ออกหรอก
ฮี : Sukiyade...
เรา : ห๊ะ
ฮี : And you?
เรา : แปลว่าอะไรล่ะนั่น
ฮี : วันนี้เป้นยังไงบ้าง?

เรามั่นใจว่ามันไม่น่าใช่ความหมายนั้นแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้จะคาดคั้นยังไง ก็เลยไปถามน้องรักคนเดิม น้องก็ฮาก๊าก แล้วบอกว่า เขาบอกพี่เหรอ เขาเป็นคนโอซาก้าใช่ปะคะ เขาขี้อายด้วยใช่ปะ...เราบอกว่า ใช่ รู้ได้ไงอะ น้องก็เลยเฉลยว่า เพราะคำนี้เป็นสำเนียงท้องถิ่นไง เขาคงขี้อาย ก็เลยบอกแบบนั้น และเขาบอกว่า เขาชอบพี่น่ะ

ตึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

พอรู้ เราก็เลยไปคาดคั้นเอากับฮีโดยการโทรไปจิกทันที

เรา : เรารู้นะ ว่าคำนั้นหมายความว่ายังไง
ฮี : รู้ได้ยังไงล่ะ
เรา : รอบตัวเรามีคนพูดญี่ปุ่นได้เยอะน่ะสิยะ
ฮี : แล้ว?
เรา : นี่มันบ้าบออะไรระหว่างเราเนี่ย งงไปหมดแล้ว
ฮี : (เงียบไปนานมาก จนเราต้องแว้กใส่อีกรอบ ฮีเลยเหมือนนึกได้) I love you
เรา : (เงียบ ช๊อคไปเรียบร้อย) เอ่อะ
ฮี : เรารู้ มันยาก ตอนนี้เธออยู่นิวยอร์ค เราอยู่ญี่ปุ่น เราไม่รู้จะทำยังไงดี
เรา : (แอบด่า แล้วเริ่มทำไม อิตูด) เอางี้ นี่คือส่วนของเรา...เราชอบเธอนะ แล้วเราก็ไม่แคร์ด้วยว่าเธอจะไปทำบ้าอะไรอยู่ที่ไหน เคนะ

จะเพราะช๊อคกับความเถื่อนหรือเปล่าก็สุดรู้ แต่ฮีก็หุบปาก และก้มหน้ารับคำเทศนาอีกยาวหลังจากนั้นค่ะ

และใครจะว่าไงไม่รู้ แต่หลังจากนั้นเราก็คุยกันทุกวัน ผ่านวีดีโอคอลล์บ้าง โทรไลน์บ้าง และเราก็รู้สึกด ที่อย่างน้อยๆเลย เราก็ได้ทำให้คนคนนึงที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษเลย ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะคุยกันรู้เรื่องได้ และเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ ทั้งโรงเรียนก็รู้กันหมดเรียบร้อย ช่างแสนจะเพอร์เฟ็คท์!! เม่าโศกเม่าโศก


จะแฮปปี้เอ็นดิ้งไหมก็สุดรู้ แต่เราก็คุยกันทุกวันค่ะ 5555 และเมื่อเร็วๆนี้ ฮีก็เพิ่งบอกว่า เป้นแฟนกันมั้ย ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาย


...ไปนอนดีกว่า หวังว่าจะปิดท้ายถูกใจหลายๆคนนะฮ้า ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่