หลังจากเอาคุณฟะ..แอน มาหากินเป็นกระทู้ที่สี่ เสียงจากจิตใต้สำนึกก็บอกว่า พอได้แล้วเฟ้ย!!! คนอ่านเค้าเบื่อกันหมดแล้ว ฮาาาา
ช่วงนี้ จขกท มีเรื่องกลุ้มใจค่ะ เหตุเกิดมาจากพี่สาวที่รักของนายสนูปี้บอยนั่นแล
อย่างที่ว่าไปในกระทู้ที่แล้ว เราเจอกับมิสะ พี่สาวของตาสนูปี้ที่โรงเรียน หลังจากได้ไปดูคลาสบัลเล่ต์ด้วยกัน ก็เลยทำให้ดีกรีความสนิทสนมเพิ่มขึ้นแบบงงๆโดยไม่รู้ตัว
มิสะเป็นนักบัลเล่ต์สาวตัวบ๊างบางเหมือนตุ๊กตา หน้าตาก็น่ารัก เวลาเราแอบมองเค้าเต้นในคลาสจะรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยเลย ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะอายุเกือบสามสิบแล้ว อีกไม่กี่วันเท่านั้นเอง...
ทีนี้ ประเด็นมันก็เกิด เมื่อเรามีคำถามที่ว่า มิสะรู้เรื่องระหว่างเรากับน้องชายเค้าหรือยัง?
นี่เป็นคำถามค้างคาใจมาตั้งแต่ตอนคุณแม่แล้ว แต่ในเมื่อตอนนั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่แอบชอบกันไปแอบชอบกันมา จนกระทั่งตอนนี้ พี่สาวเค้าก็มาที่นี่อีกคน แล้วไอ้ความเฟรนด์ลี่จ๋าของเรา ก็ทำให้เราเข้าไปหนิดหนมกับเค้าจนได้
เรื่องนี้ จริงๆเริ่มตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกับมิสะนั่นแล
จำได้ไหมคะ วันนั้นเราถูกเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันโดยบังเอิญ และทันทีที่ซาคิเอะพูดว่า นี่คือพี่สาวของตาสนูปี้ เราก็เกิดอาการตาเหลือก อ้าปากค้าง เดินหนีไปนั่งทำใจอยุ่มุมห้อง ก่อนที่จะเดินกลับมาและถูกนายเคย์จิจับกดหัวลง บอกว่า ยินดีที่ได้รู้จักค่าาาาาา
มารู้จากมายุจัง เพื่อนสาวที่นั่งอยุ่แถวนั้น ว่าพอหลังจากเรารีบชิ่งหนีออกไปนอกห้อง มิสะก็ถามซาคิเอะว่า ระหว่างแพนจังกับน้องชายเค้านี่ มันมีอะไรหรือเปล่า ทำไมรีแอคของชีมันแปลกๆ ซาคิเอะก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี ก็เลยบอกปัดไปว่า ไปถามน้องชายเธอดูเอาดีกว่า ซึ่งตอนนั้น มายุบอกว่า มิสะก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วก็เลยบอก อืมมมมม ชั้นว่า ชั้นอาจจะกลับไปถามล่ะ ซึ่งเรื่องนี้ มายุจังบอกว่า เชื่อเถอะ มิสะน่าจะพอเข้าใจว่าอะไรเป้นอะไรตั้งแต่ตอนนั้นแน่ๆ (นี่คือปลอบใจชั้นใช่มะ!!)
ทีนี้...วันถัดมา เราก็ไปเจอเค้าในคลาสของ ABT ซึ่งมันเลยทให้เรากับเค้าอยู่ด้วยกันจนบ่ายโมงคลาสเลิก ก็เลยชวนกันไปชอปปิ้ง ซึ่งเราก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว สรุปว่าวันนั้นเราเลยใช้เวลาทั้งวันอยู่กับมิสะ ได้คุยกันเยอะมาก และมิสะก็แสนจะเป้นพี่สาวที่ดี (ของเรา) เมื่อไม่ได้ของที่นี่ ก็ไปเดินที่อื่นกัน จนได้ของที่เค้าต้องการ หลังจากนั้นเลยมองหน้ากัน แล้วมิสะก็บอกว่า หิวจัง (เป็นภาษาญี่ปุ่น ="= ซึ่งเราไม่เข้าใจหรอก แต่พอเดาได้ ฮาาาา) เราก็เลยถามว่า อยากกินอะไรก๊ะ แน่นอน คุณพี่สาวผู้น่ารักก็เลยบอกว่า ไปกินอาหารไทยกันเถอะ เย้
อีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เราสองคนก็เลยมานั่งกันอยู่ในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งราคาไม่แพงโหดร้ายต่อการะเป๋าตังค์มากนัก เราสั่งส้มตำ ผัดไทย และแกงเขียวหวาน เมนูสุดคลาสสิคที่เวลาพาชาวต่างชาติเข้าร้านไทยแล้วจะต้องสั่ง ไ่ม่มีพลาดค่ะ
แน่นอนว่าทันทีที่ท่านพี่กินเข้าไปคำแรก ก็แทบจะกรี๊ดออกมา บอกว่า อร่อยมากกกก ชั้นอยากไปเมืองไทยแล้วอ่ะ เย่ ^^"
อันที่จริง ระหว่างเดินด้วยกัน ท่านพี่สาวก็คุยกับเราหลายเรื่อง ถามเรื่องเกี่ยวกับตัวเรา แลกเปลี่ยนความคิดกัน และ้ราก็เอาหวีสับดอกกุหลาบที่เรานั่งทำเองให้เค้าไป เพราะเค้าบอกว่า น่ารักม้ากมาก (เอาใจสุดๆ) และสักพักก็เอารูปบัลเล่ต์โปรดัคชั่นที่โรงเรียนเค้าทำมาให้เราดู โปรดัคชั่นใหญ่จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นงานโรงเรียนเลยค่ะ แถมยังสวยมาก และที่เด็ดกว่าคือ ท่านพี่โชว์รูปตาสนูปี้บอยเต้นให้เราดูด้วย หุหุหุ โชว์แล้วก็บอกว่า ตานี่เต้นสวยเนอะ...ส่วนเรา ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ละลายลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว เท่อ้ะ ช้อบชอบ แฟนใครก็ไม่รู้ กรี๊ดดดดดดดดดด(ออกนอกหน้ามากหล่อน)
แต่ในเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สาว จขกท ก็ได้แต่มองแล้วเก็บอาการ บอก อื้อ เต้นสวยจัง ชั้นทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆเลยง่ะ ซึ่งท่านพี่ก็ปลอบว่า เอาน่า ยังมีเวลา ไม่สายไปหรอก สู้ๆ โอเคมั้ยจ๊ะ แล้วก็ยิ้มละลายใจหนึ่งที....โอย เปลี่ยนใจมาชอบมิสะแทนได้มั้ยอะ ทำไมคนบ้านนี้ยิ้มน่ารักทุกคนเลยฟะ
แต่สิ่งที่ฮากว่าคือ มิสะบอกว่า แพนจังนี่แมนจังเลย แถมตอนแต่งตัวแมนๆ เท่ๆก็ล้อหล่อ เนี่ย ถ้าเธอเป็นผู้ชายนะ ชั้นชอบไปแล้ว เอิ๊กๆ...
คำพูดของเค้ามันช่างคลุมเครือ ตกลงพี่จะรู้หรือไม่รู้คะ ว่าหนูเป็นแฟนน้องชายพี่ ถามตาแห้ง ตาแห้งก็บอกว่า ไม่รู้สิ เราไม่ได้คุยกะพี่สาวเราเลย เอาเข้าไปสิ
เย็นนั้น น้องที่อยู่คอนเนคติกัตตามมาสมทบที่ร้าน เลยกินข้าวด้วยกันสี่คน และหลังจากนั้นน้องก็เลยชวนไปชอปปิ้งต่อ ซึ่งเราก็เกาะแขนมิสะ ทำตาปริ๊บๆ บอกว่า ไปกันนะ น๊าาาา เดินหลายคนสนุกดีออก พี่อยู่คนเดียวเหงานะค้าาาาาา และมิสะก็ขำก๊ากออกมา บอกว่า ทำหน้าแบบนี้ใครจะปฏิเสธลงล่ะจ๊ะ แล้วก็เลยเป้นอันตกลง เราสี่คนก็เลยยกขวบนกันไปเดินเล่นแถว 5th Avenue ซึ่งน้องอยากไปซื้อเสื้อผ้าหน้าหนาวพอดี
แต่กว่าจะเดินไปถึง พวกเราก็โดนดึงดูดเข้าหาร้านเครื่องสำอางค์อย่างเซโฟร่าซะก่อน และเมื่อไปถึง เราก็มองหน้ามิสะ มองมือ แล้วก็เลยลากท่านพี่เดินดุ่มๆไปที่แผนกเล็บทันที แล้วบอกว่า เล็บโล้งโล่ง เอามาเป้นเหยื่อน้องซะเถิดค่ะคุณพี่ขา...แน่นอน ท่านพี่ก็ยิ้ม บอก ตามสบายเลยจ้า
ตอนนั้นเราก็ได้แต่ยิ้มแป้นแล้น แล้วบอกท่านพี่ไปว่า มีพี่สาวนี่ดีจังเนอะ TT^TT (หมายเหตุ เราสองคนเหมือนกันม้ากมาก เพราะเป้นลูกสาวคนโต มีน้องชายหึ่งคนที่อายุห่างกันห้าปี แถมตอนนี้ยังเป็นพวกรักทางไกลเหมือนกันอีกด้วย เพราะแฟนท่านพี่สาวเป้นนักเรียนเปียโนอยู่บอสตันค่ะ)
ทำเล็บเสร์จ ท่านพี่ก็กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปเป็นการใหญ่ เราก็สนุกสิ จับน้องทำเล็บบ้างจนเล็บสวยวิ้งออกมากันทุกคน และที่สำคัญ ฟรี!! (ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะคะ เด็กพวกนี้ไปใช้เทสเตอร์ร้านตลอดๆ)
ระหว่างเดิน มิสะก็บอกเราว่า ชอบจังเลย เนี่ย ชั้นไม่เคยทำเลยนะ ขอบคุณมากนะแพนจัง...ลอยค่า อิน้องแพนจังลอยไปถึงยอดตึกเอมไพร์สเตททันที
หลังจากนั้นเราก็เดินกันไปเรื่อยๆ ไปซื้อของให้น้อง ไปกินสตาร์บัค แล้วสุดท้ายก็ถ่ายรูปกันเยอะแยะ ก่อนจะแยกกลับบ้าน
วันอังคาร เราทำพานาคอตต้าไปแจกที่โรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งมิสะก็ช้อบชอบ แล้วก็นั่งเล่นกันหนุงหนิงตามประสาสาวน้อย จนเราเข้าคลาส เจ็บขา ออกมานั่งหง่าวรอด้านนอก จนแยกกันกลับบ้าน
คืนนั้นมิสะส่งข้อความมาตุยกับเรา
เรา : ดีใจที่ท่านพี่ชอบพานาคอตต้านะฮ้า
มิสะ : ชอบมากเลย ขอบคุณนะแพนจัง
เรา : อ้อ นี่รูปที่ถ่ายๆกัน(ส่งรูป)
มิสะ : ขอบคุณจ้า ชอบมากกกก สนุกดีนะ
เรา : ยินดีค่า
มิสะ : แต่จริงๆนะ ชอบพานาคอตต้ามากเลย เดี๋ยวจะไปเที่ยวเมืองไทยด้วย
เรา : มาจริงนะ เดี๋ยวทำอาหารไทยให้ชิม แบบไท้ยยยย ไทยยยยย
มิสะ : เอาๆ ไปเที่ยวกัน
เรา : อื้อ เนี่ย แพลนว่าอาจจะกลับไปช่วงเดือนกุมภาล่ะ ว่าจะไปหาหมอด้วย
มิสะ : แวะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยสิ เดี๋ยวเราไปเที่ยวกัน แล้วก็ไปกินอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆกันด้วย
เรา : ไปแน่ๆ อยากไปๆๆๆๆ
มิสะ : ว่าแต่ทำไมขาเจ็บล่ะ ตั้งแต่ตอนไหน
เรา : ล้มก้ะ ไม่เป็นไร มันเคยเกิดอุบัติเหตุแล้วหลังจากนั้นก็เจ็บเป็นพักๆแบบนี้แหละ เวลาเต้นหรือกระโดดเยอะๆ
มิสะ : ดูแลตัวเองด้วยนะ
เรา : กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะหยุดเต้นดีไหม
มิสะ : ไม่เอา หยุดเลยไม่ดีหรอก เต้นต่อไปแหละ แต่ค่อยๆ อย่าหัดโหมมากนัก(หนูขี้เกียจจะตายท่านพี่ ฮ่าๆ)
เรา : แล้วท่านพี่จะกลับวันไหนหรอ
มิสะ : วันศุกร์จ้า แล้วก็ไปบอสตันอีกสองสามวัน กลับญี่ปุนวันพุธ วันพฤหัสไปเรียน เจอกันนะๆ
เรา : อื้อ เดี๋ยวมีอะไรจะให้ด้วย
มิสะ : จริงเหรอ ไอเลิฟแพนจังงงงงง ขอบคุณนะจ๊ะ
เรา : เลิฟท่านพี่เหมือนกันนนนน จุ๊บๆ
ดูเถิด...คุยกันยังกะเป็นแฟนมาแต่ชาติปางก่อน ^^"
แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจ จขกท เหลือเกิน ก็คือจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าท่านพี่จะรู้เรื่องเรากับตาสนูปี้แห้งหรือยัง ซึ่งมันก็เลยทำให้เรารู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่คุยกับท่านพี่ เพราะเหมือนเราเองแอบปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่คุยเล่น กอดกะท่านพี่ ก็แอบรู้สึกผิด เฮ้ออออออออ
ส่วนตาสนูปี้เองก็สบายดีค่ะ เราเพิ่งบอกไปว่า ชั้นเอาเธอมาเขียนนินทาในเวบบอร์ดล่ะ ตอนนี้มีคนเค้ากรี๊ดเธออยู่หลายคนนะจ๊ะ ฮีก็เลยฝากสวัสดีทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วยค่า ^^
เมื่อคืน จขกท ก็เลยวากรูปนางฟ้า(แบบไม่มีปีก)ให้ท่านพี่ พร้อมกับเอาสร้อยจี้คริสตัลที่ร้อยเองแถมไปให้อีกเส้นด้วย คิดว่าท่านพี่ใส่คงน่ารักมิใช่น้อย แล้วก็หวังว่า ถ้าท่านพี่รู้ว่าหนูเป้นแฟนกะน้องชายท่านพี่อยู่ ก็อย่าโกรธเก๊าเลยนะก๊ะ TT^TT
จบทู้นี้ ไม่มีเรื่องผิน ตอนนี้ จขกท แอบดราม่าค่ะ เพราะกังวลใจสุดๆ แถมวันนี้ป่วยด้วย ฮือๆๆๆ ต้องหยุดงาน นอนไข้ขึ้นคนเดียวมาทั้งคืน ขาดคนดูเล เช้อมาตาสนูปี้ก็เลยโทรมาถามอาการ แล้วก็พยายามเล่านู่นนี่ให้ฟังด้วยภาษาอังกฤษอันกระท่อนกระแท่นของฮี ก่อนที่ จขกท จะงอแง และส่งฮีเข้านอนในที่สุด แล้วก็ขุดสังขารตัวเองคลานลงจากเตียง มาเขียนกระทู้ แล้วเดี๋ยวจะอาบน้ำไปโรงเรียนนี่แหละค่ะ อยู่ห้องไปก็อึดอัดเปล่าๆ จะได้ไปเจอท่านพี่ก่อนกลับด้วย ฮิ้ววววววว
วันนี้ขอโทษจริงๆนะคะ ไม่ฟินอย่างแรง ไม่มีอะไรให้กรี๊ดเลย TT^TT
ปล. หลายคนที่เจอเฟสบุคของ จขกท แล้ว อาจเห็นรูปสนูปี้บอยแล้วผิดหวังไปตามๆกัน ก็เก๊าบอกแล้วว่าไม่หล่อ 555555
ปล.2 นิวยอร์คหนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ใครช่วยบริจาคถุงร้อน เสื้อโค้ท สเวเตอร์มาให้หน่อยสิคะ เค้าจนกรอบ ไม่มีตังค์ค่าตั๋วกลับไทย แงๆ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อย่าป่วยเหมือน จขกท ล่ะ แล้วครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่อง ร.ร. และคลาสบัลเล่ต์สุดโหดให้ฟังค่า ^^
เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: เมื่อดอกรักบานบนลานบัลเล่ต์ (ฉบับพี่สาวสนูปี้บอย)
ช่วงนี้ จขกท มีเรื่องกลุ้มใจค่ะ เหตุเกิดมาจากพี่สาวที่รักของนายสนูปี้บอยนั่นแล
อย่างที่ว่าไปในกระทู้ที่แล้ว เราเจอกับมิสะ พี่สาวของตาสนูปี้ที่โรงเรียน หลังจากได้ไปดูคลาสบัลเล่ต์ด้วยกัน ก็เลยทำให้ดีกรีความสนิทสนมเพิ่มขึ้นแบบงงๆโดยไม่รู้ตัว
มิสะเป็นนักบัลเล่ต์สาวตัวบ๊างบางเหมือนตุ๊กตา หน้าตาก็น่ารัก เวลาเราแอบมองเค้าเต้นในคลาสจะรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยเลย ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะอายุเกือบสามสิบแล้ว อีกไม่กี่วันเท่านั้นเอง...
ทีนี้ ประเด็นมันก็เกิด เมื่อเรามีคำถามที่ว่า มิสะรู้เรื่องระหว่างเรากับน้องชายเค้าหรือยัง?
นี่เป็นคำถามค้างคาใจมาตั้งแต่ตอนคุณแม่แล้ว แต่ในเมื่อตอนนั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่แอบชอบกันไปแอบชอบกันมา จนกระทั่งตอนนี้ พี่สาวเค้าก็มาที่นี่อีกคน แล้วไอ้ความเฟรนด์ลี่จ๋าของเรา ก็ทำให้เราเข้าไปหนิดหนมกับเค้าจนได้
เรื่องนี้ จริงๆเริ่มตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกับมิสะนั่นแล
จำได้ไหมคะ วันนั้นเราถูกเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันโดยบังเอิญ และทันทีที่ซาคิเอะพูดว่า นี่คือพี่สาวของตาสนูปี้ เราก็เกิดอาการตาเหลือก อ้าปากค้าง เดินหนีไปนั่งทำใจอยุ่มุมห้อง ก่อนที่จะเดินกลับมาและถูกนายเคย์จิจับกดหัวลง บอกว่า ยินดีที่ได้รู้จักค่าาาาาา
มารู้จากมายุจัง เพื่อนสาวที่นั่งอยุ่แถวนั้น ว่าพอหลังจากเรารีบชิ่งหนีออกไปนอกห้อง มิสะก็ถามซาคิเอะว่า ระหว่างแพนจังกับน้องชายเค้านี่ มันมีอะไรหรือเปล่า ทำไมรีแอคของชีมันแปลกๆ ซาคิเอะก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี ก็เลยบอกปัดไปว่า ไปถามน้องชายเธอดูเอาดีกว่า ซึ่งตอนนั้น มายุบอกว่า มิสะก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วก็เลยบอก อืมมมมม ชั้นว่า ชั้นอาจจะกลับไปถามล่ะ ซึ่งเรื่องนี้ มายุจังบอกว่า เชื่อเถอะ มิสะน่าจะพอเข้าใจว่าอะไรเป้นอะไรตั้งแต่ตอนนั้นแน่ๆ (นี่คือปลอบใจชั้นใช่มะ!!)
ทีนี้...วันถัดมา เราก็ไปเจอเค้าในคลาสของ ABT ซึ่งมันเลยทให้เรากับเค้าอยู่ด้วยกันจนบ่ายโมงคลาสเลิก ก็เลยชวนกันไปชอปปิ้ง ซึ่งเราก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว สรุปว่าวันนั้นเราเลยใช้เวลาทั้งวันอยู่กับมิสะ ได้คุยกันเยอะมาก และมิสะก็แสนจะเป้นพี่สาวที่ดี (ของเรา) เมื่อไม่ได้ของที่นี่ ก็ไปเดินที่อื่นกัน จนได้ของที่เค้าต้องการ หลังจากนั้นเลยมองหน้ากัน แล้วมิสะก็บอกว่า หิวจัง (เป็นภาษาญี่ปุ่น ="= ซึ่งเราไม่เข้าใจหรอก แต่พอเดาได้ ฮาาาา) เราก็เลยถามว่า อยากกินอะไรก๊ะ แน่นอน คุณพี่สาวผู้น่ารักก็เลยบอกว่า ไปกินอาหารไทยกันเถอะ เย้
อีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เราสองคนก็เลยมานั่งกันอยู่ในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งราคาไม่แพงโหดร้ายต่อการะเป๋าตังค์มากนัก เราสั่งส้มตำ ผัดไทย และแกงเขียวหวาน เมนูสุดคลาสสิคที่เวลาพาชาวต่างชาติเข้าร้านไทยแล้วจะต้องสั่ง ไ่ม่มีพลาดค่ะ
แน่นอนว่าทันทีที่ท่านพี่กินเข้าไปคำแรก ก็แทบจะกรี๊ดออกมา บอกว่า อร่อยมากกกก ชั้นอยากไปเมืองไทยแล้วอ่ะ เย่ ^^"
อันที่จริง ระหว่างเดินด้วยกัน ท่านพี่สาวก็คุยกับเราหลายเรื่อง ถามเรื่องเกี่ยวกับตัวเรา แลกเปลี่ยนความคิดกัน และ้ราก็เอาหวีสับดอกกุหลาบที่เรานั่งทำเองให้เค้าไป เพราะเค้าบอกว่า น่ารักม้ากมาก (เอาใจสุดๆ) และสักพักก็เอารูปบัลเล่ต์โปรดัคชั่นที่โรงเรียนเค้าทำมาให้เราดู โปรดัคชั่นใหญ่จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นงานโรงเรียนเลยค่ะ แถมยังสวยมาก และที่เด็ดกว่าคือ ท่านพี่โชว์รูปตาสนูปี้บอยเต้นให้เราดูด้วย หุหุหุ โชว์แล้วก็บอกว่า ตานี่เต้นสวยเนอะ...ส่วนเรา ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ละลายลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว เท่อ้ะ ช้อบชอบ แฟนใครก็ไม่รู้ กรี๊ดดดดดดดดดด(ออกนอกหน้ามากหล่อน)
แต่ในเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สาว จขกท ก็ได้แต่มองแล้วเก็บอาการ บอก อื้อ เต้นสวยจัง ชั้นทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆเลยง่ะ ซึ่งท่านพี่ก็ปลอบว่า เอาน่า ยังมีเวลา ไม่สายไปหรอก สู้ๆ โอเคมั้ยจ๊ะ แล้วก็ยิ้มละลายใจหนึ่งที....โอย เปลี่ยนใจมาชอบมิสะแทนได้มั้ยอะ ทำไมคนบ้านนี้ยิ้มน่ารักทุกคนเลยฟะ
แต่สิ่งที่ฮากว่าคือ มิสะบอกว่า แพนจังนี่แมนจังเลย แถมตอนแต่งตัวแมนๆ เท่ๆก็ล้อหล่อ เนี่ย ถ้าเธอเป็นผู้ชายนะ ชั้นชอบไปแล้ว เอิ๊กๆ...
คำพูดของเค้ามันช่างคลุมเครือ ตกลงพี่จะรู้หรือไม่รู้คะ ว่าหนูเป็นแฟนน้องชายพี่ ถามตาแห้ง ตาแห้งก็บอกว่า ไม่รู้สิ เราไม่ได้คุยกะพี่สาวเราเลย เอาเข้าไปสิ
เย็นนั้น น้องที่อยู่คอนเนคติกัตตามมาสมทบที่ร้าน เลยกินข้าวด้วยกันสี่คน และหลังจากนั้นน้องก็เลยชวนไปชอปปิ้งต่อ ซึ่งเราก็เกาะแขนมิสะ ทำตาปริ๊บๆ บอกว่า ไปกันนะ น๊าาาา เดินหลายคนสนุกดีออก พี่อยู่คนเดียวเหงานะค้าาาาาา และมิสะก็ขำก๊ากออกมา บอกว่า ทำหน้าแบบนี้ใครจะปฏิเสธลงล่ะจ๊ะ แล้วก็เลยเป้นอันตกลง เราสี่คนก็เลยยกขวบนกันไปเดินเล่นแถว 5th Avenue ซึ่งน้องอยากไปซื้อเสื้อผ้าหน้าหนาวพอดี
แต่กว่าจะเดินไปถึง พวกเราก็โดนดึงดูดเข้าหาร้านเครื่องสำอางค์อย่างเซโฟร่าซะก่อน และเมื่อไปถึง เราก็มองหน้ามิสะ มองมือ แล้วก็เลยลากท่านพี่เดินดุ่มๆไปที่แผนกเล็บทันที แล้วบอกว่า เล็บโล้งโล่ง เอามาเป้นเหยื่อน้องซะเถิดค่ะคุณพี่ขา...แน่นอน ท่านพี่ก็ยิ้ม บอก ตามสบายเลยจ้า
ตอนนั้นเราก็ได้แต่ยิ้มแป้นแล้น แล้วบอกท่านพี่ไปว่า มีพี่สาวนี่ดีจังเนอะ TT^TT (หมายเหตุ เราสองคนเหมือนกันม้ากมาก เพราะเป้นลูกสาวคนโต มีน้องชายหึ่งคนที่อายุห่างกันห้าปี แถมตอนนี้ยังเป็นพวกรักทางไกลเหมือนกันอีกด้วย เพราะแฟนท่านพี่สาวเป้นนักเรียนเปียโนอยู่บอสตันค่ะ)
ทำเล็บเสร์จ ท่านพี่ก็กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปเป็นการใหญ่ เราก็สนุกสิ จับน้องทำเล็บบ้างจนเล็บสวยวิ้งออกมากันทุกคน และที่สำคัญ ฟรี!! (ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะคะ เด็กพวกนี้ไปใช้เทสเตอร์ร้านตลอดๆ)
ระหว่างเดิน มิสะก็บอกเราว่า ชอบจังเลย เนี่ย ชั้นไม่เคยทำเลยนะ ขอบคุณมากนะแพนจัง...ลอยค่า อิน้องแพนจังลอยไปถึงยอดตึกเอมไพร์สเตททันที
หลังจากนั้นเราก็เดินกันไปเรื่อยๆ ไปซื้อของให้น้อง ไปกินสตาร์บัค แล้วสุดท้ายก็ถ่ายรูปกันเยอะแยะ ก่อนจะแยกกลับบ้าน
วันอังคาร เราทำพานาคอตต้าไปแจกที่โรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งมิสะก็ช้อบชอบ แล้วก็นั่งเล่นกันหนุงหนิงตามประสาสาวน้อย จนเราเข้าคลาส เจ็บขา ออกมานั่งหง่าวรอด้านนอก จนแยกกันกลับบ้าน
คืนนั้นมิสะส่งข้อความมาตุยกับเรา
เรา : ดีใจที่ท่านพี่ชอบพานาคอตต้านะฮ้า
มิสะ : ชอบมากเลย ขอบคุณนะแพนจัง
เรา : อ้อ นี่รูปที่ถ่ายๆกัน(ส่งรูป)
มิสะ : ขอบคุณจ้า ชอบมากกกก สนุกดีนะ
เรา : ยินดีค่า
มิสะ : แต่จริงๆนะ ชอบพานาคอตต้ามากเลย เดี๋ยวจะไปเที่ยวเมืองไทยด้วย
เรา : มาจริงนะ เดี๋ยวทำอาหารไทยให้ชิม แบบไท้ยยยย ไทยยยยย
มิสะ : เอาๆ ไปเที่ยวกัน
เรา : อื้อ เนี่ย แพลนว่าอาจจะกลับไปช่วงเดือนกุมภาล่ะ ว่าจะไปหาหมอด้วย
มิสะ : แวะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยสิ เดี๋ยวเราไปเที่ยวกัน แล้วก็ไปกินอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆกันด้วย
เรา : ไปแน่ๆ อยากไปๆๆๆๆ
มิสะ : ว่าแต่ทำไมขาเจ็บล่ะ ตั้งแต่ตอนไหน
เรา : ล้มก้ะ ไม่เป็นไร มันเคยเกิดอุบัติเหตุแล้วหลังจากนั้นก็เจ็บเป็นพักๆแบบนี้แหละ เวลาเต้นหรือกระโดดเยอะๆ
มิสะ : ดูแลตัวเองด้วยนะ
เรา : กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะหยุดเต้นดีไหม
มิสะ : ไม่เอา หยุดเลยไม่ดีหรอก เต้นต่อไปแหละ แต่ค่อยๆ อย่าหัดโหมมากนัก(หนูขี้เกียจจะตายท่านพี่ ฮ่าๆ)
เรา : แล้วท่านพี่จะกลับวันไหนหรอ
มิสะ : วันศุกร์จ้า แล้วก็ไปบอสตันอีกสองสามวัน กลับญี่ปุนวันพุธ วันพฤหัสไปเรียน เจอกันนะๆ
เรา : อื้อ เดี๋ยวมีอะไรจะให้ด้วย
มิสะ : จริงเหรอ ไอเลิฟแพนจังงงงงง ขอบคุณนะจ๊ะ
เรา : เลิฟท่านพี่เหมือนกันนนนน จุ๊บๆ
ดูเถิด...คุยกันยังกะเป็นแฟนมาแต่ชาติปางก่อน ^^"
แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจ จขกท เหลือเกิน ก็คือจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าท่านพี่จะรู้เรื่องเรากับตาสนูปี้แห้งหรือยัง ซึ่งมันก็เลยทำให้เรารู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่คุยกับท่านพี่ เพราะเหมือนเราเองแอบปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่คุยเล่น กอดกะท่านพี่ ก็แอบรู้สึกผิด เฮ้ออออออออ
ส่วนตาสนูปี้เองก็สบายดีค่ะ เราเพิ่งบอกไปว่า ชั้นเอาเธอมาเขียนนินทาในเวบบอร์ดล่ะ ตอนนี้มีคนเค้ากรี๊ดเธออยู่หลายคนนะจ๊ะ ฮีก็เลยฝากสวัสดีทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วยค่า ^^
เมื่อคืน จขกท ก็เลยวากรูปนางฟ้า(แบบไม่มีปีก)ให้ท่านพี่ พร้อมกับเอาสร้อยจี้คริสตัลที่ร้อยเองแถมไปให้อีกเส้นด้วย คิดว่าท่านพี่ใส่คงน่ารักมิใช่น้อย แล้วก็หวังว่า ถ้าท่านพี่รู้ว่าหนูเป้นแฟนกะน้องชายท่านพี่อยู่ ก็อย่าโกรธเก๊าเลยนะก๊ะ TT^TT
จบทู้นี้ ไม่มีเรื่องผิน ตอนนี้ จขกท แอบดราม่าค่ะ เพราะกังวลใจสุดๆ แถมวันนี้ป่วยด้วย ฮือๆๆๆ ต้องหยุดงาน นอนไข้ขึ้นคนเดียวมาทั้งคืน ขาดคนดูเล เช้อมาตาสนูปี้ก็เลยโทรมาถามอาการ แล้วก็พยายามเล่านู่นนี่ให้ฟังด้วยภาษาอังกฤษอันกระท่อนกระแท่นของฮี ก่อนที่ จขกท จะงอแง และส่งฮีเข้านอนในที่สุด แล้วก็ขุดสังขารตัวเองคลานลงจากเตียง มาเขียนกระทู้ แล้วเดี๋ยวจะอาบน้ำไปโรงเรียนนี่แหละค่ะ อยู่ห้องไปก็อึดอัดเปล่าๆ จะได้ไปเจอท่านพี่ก่อนกลับด้วย ฮิ้ววววววว
วันนี้ขอโทษจริงๆนะคะ ไม่ฟินอย่างแรง ไม่มีอะไรให้กรี๊ดเลย TT^TT
ปล. หลายคนที่เจอเฟสบุคของ จขกท แล้ว อาจเห็นรูปสนูปี้บอยแล้วผิดหวังไปตามๆกัน ก็เก๊าบอกแล้วว่าไม่หล่อ 555555
ปล.2 นิวยอร์คหนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ใครช่วยบริจาคถุงร้อน เสื้อโค้ท สเวเตอร์มาให้หน่อยสิคะ เค้าจนกรอบ ไม่มีตังค์ค่าตั๋วกลับไทย แงๆ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อย่าป่วยเหมือน จขกท ล่ะ แล้วครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่อง ร.ร. และคลาสบัลเล่ต์สุดโหดให้ฟังค่า ^^