ก่อนที่จะกล่าวในรายละเอียด อยากให้ทุกคนไปดูหนังเรื่อง
The Conspirator (
http://en.wikipedia.org/wiki/The_Conspirator ) กำกับโดย Robert Redford ซึ่งเป็นหนังอิงเรื่องจริงที่สะท้อนถึงความผิดพลาดกระบวนการยุติธรรมในสหรัฐฯ จากการตัดสินประหารชีวิต แมรี่ เซอร์ราท (Marry Surrat
http://en.wikipedia.org/wiki/Mary_Surratt ) หญิงวัยกลางคนในการมีส่วนร่วมสังหารประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำ สิ่งหนึ่งที่ได้สะท้อนคือ กระบวนการยุติธรรม มีความล้มเหลวตั้งแต่กระบวนการสอบสวนที่ผู้สอบมีการใช้พยานเท็จ การยับยั้งการสืบพยาน การพิจารณาคดีที่ศาลมีอคติลำเอียงภายใต้ศาลทหาร ขั้นตอนการเบิกพยานไม่เป็นธรรม การตัดสินคดีก็มีการแทรกแซงและเปลี่ยนผลการตัดสินนำมาซึ่งการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่สะท้อนภาพลบในกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ ได้ปรับปรุงในเวลาต่อมา เช่น การตัดสินลูกชาย ซึ่งเป็นคนวางแผนลักพาตัวประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น แต่ศาลพลเรือนตัดสินว่า ไม่มีผิดและไม่มีส่วนการฆ่าประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น
วันนี้ไทยยังมีปัญหาด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม หลายคนชอบพูดว่า ตำรวจยัดใส่ คือ โดยกล่าวหาไม่เป็นธรรม หรือกรณีที่ดังเช่นเสื้อแดงบางคนไม่ได้รับการประกันตัว หรือบางคนถูกตัดสินจากเหตุจูงใจทางการเมือง จนรับโทษเกินกว่าความผิด เช่น บางคนทำผิดคือ ปิดถนนปี 53 แต่ถูกจำคุกเป็นสิบปี หรือแม้คดีอภิสิทธิ์และสุเทพเองก็ได้รับสิทธิว่ากระบวนการชอบหรือไม่ หรือแม้กรณีดังคือ คุณทักษิณที่ถูกตัดสินจากกระบวนการที่มา คตส หรือแม้อ้างได้ว่า ปปช เอง ศาล เอง มีอคติต่อการพิจารณากระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ถ้ามี ประชาชนจะมีสิทธิอะไรในการเรียกร้องความยุติธรรม เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ระบุชัดในมาตรา 39-40 แต่กลับไม่มีกระบวนที่เหมาะสมในการให้ความเป็นธรรม
เราต้องเข้าใจก่อนในกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่แค่การพิจารณาคดีของศาล แต่รวมขั้นตอนตั้งแต่การสืบสวนถึงการพิพากษาคดี (
http://en.wikipedia.org/wiki/Lawsuit#Rules_of_procedure_and_complications ) ถ้าส่วนใดไม่เป็นธรรม ทำโดยมีอคติ มีการหมกเม็ด มันย่อมเปลี่ยนรูปคดีได้ หรือแม้กระทั่งบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมถ้ามีอคติ ตั้งแต่พนักงานสอบสวน ผู้พิจารณาคดี ทุกส่วน ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลของคดีได้
ปัญหาที่ทำไมคนเสื้อแดงออกมาขอ พรบ นิรโทษกรรม เพราะเขามองว่า กระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่มันไม่ยุติธรรม หลายคนไม่ได้ประกันตัว หลายคนถูกจำคุกลืม ถูกลงโทษมากกว่าความผิดที่ทำ อย่างไรก็ตาม หลายคนก็มองว่าการนิรโทษกรรม มันล้างผิด ไม่ถูกต้อง วันนี้เพื่อไทยคงไม่สามารถผลักดัน พรบ นิรโทษกรรมได้อีก และถ้าทำนอกจากมีการคัดค้านแล้ว ยังมีความล้าช้าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 149 เองและผิดตามมาตรา 30 เรื่องความเท่าเทียม
การผลักดัน พรบ สิทธิในกระบวนการยุติธรรมจะเหมาะสมที่สุด เพราะไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง เท่าเทียมกับประชาชนทุกคน ไม่ได้เลือกว่าเป็นความผิดการชุมนุม ทุจริต หรือฆ่าประชาชน แต่ความผิดุกรณี โดยพิจารณาว่าการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่า ถ้ากระบวนการยุติธรรมส่วนไหนบกพร่อง ก็ควรมีคณะกรรมการมาตัดสินว่า บกพร่อง หรือใครมีอคติ ก็ควรมีคณะกรรมการมาดู ถ้าจริง อยู่ระหว่างการตัดสินก็ควรเปลี่ยนแปลงบุคคลนั้น แต่ถ้าตัดสินไปแล้ว ก็ควรได้รับการพิจารณาคดีใหม่ โดยปราศจากความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมดังกล่าว คณะกรรมการนั้น อาจต้องตั้งใหม่เป็นคณะกรรมการศาลฎีกาสูงสุด หรือคณะกรรมการสิทธิกระบวนการยุติธรรม
ในฐานะประชาชน ขอว่า
อย่าให้กระบวนการยุติธรรมไทยได้ฆ่า ทำร้ายคนบริสุทธิ์ เหมือนอย่างกรณีสหรัฐฯ ที่ฆ่าแมรี่ เซอร์ราท ซึ่งเอาชีวิตเธอคืนมาไม่ได้ แต่ถ้าได้ตัดสินทำร้ายคนบริสุทธิ์แล้ว ก็ขอคืนความเป็นธรรมให้เขา สิ่งนี้จะตอบโจทย์คือทุกสี คนไทยทุกคน เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องการ คือ ความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และศาลเองก็ต้องการ เพราะจะได้เลิกพูดเรื่องตุลาการภิวัฒน์ซะที การคานอำนาจตุลาการและการให้สิทธิประชาชนก็จะได้ถูกละเมิดได้
คนไทยควรจบกับเรื่องนี้ได้แล้วด้วยการสร้างกฎหมายที่เป็นธรรมต่อกระบวนการยุติธรรม
เพื่อไทยควรเสนอ พรบ สิทธิในกระบวนการยุติธรรม แทนการนิรโทษกรรม สิ่งนี้จะตอบโจทย์กับประชาชนทุกคน ความขัดแย้งจะได้จบ
วันนี้ไทยยังมีปัญหาด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม หลายคนชอบพูดว่า ตำรวจยัดใส่ คือ โดยกล่าวหาไม่เป็นธรรม หรือกรณีที่ดังเช่นเสื้อแดงบางคนไม่ได้รับการประกันตัว หรือบางคนถูกตัดสินจากเหตุจูงใจทางการเมือง จนรับโทษเกินกว่าความผิด เช่น บางคนทำผิดคือ ปิดถนนปี 53 แต่ถูกจำคุกเป็นสิบปี หรือแม้คดีอภิสิทธิ์และสุเทพเองก็ได้รับสิทธิว่ากระบวนการชอบหรือไม่ หรือแม้กรณีดังคือ คุณทักษิณที่ถูกตัดสินจากกระบวนการที่มา คตส หรือแม้อ้างได้ว่า ปปช เอง ศาล เอง มีอคติต่อการพิจารณากระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ถ้ามี ประชาชนจะมีสิทธิอะไรในการเรียกร้องความยุติธรรม เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ระบุชัดในมาตรา 39-40 แต่กลับไม่มีกระบวนที่เหมาะสมในการให้ความเป็นธรรม
เราต้องเข้าใจก่อนในกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่แค่การพิจารณาคดีของศาล แต่รวมขั้นตอนตั้งแต่การสืบสวนถึงการพิพากษาคดี (http://en.wikipedia.org/wiki/Lawsuit#Rules_of_procedure_and_complications ) ถ้าส่วนใดไม่เป็นธรรม ทำโดยมีอคติ มีการหมกเม็ด มันย่อมเปลี่ยนรูปคดีได้ หรือแม้กระทั่งบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมถ้ามีอคติ ตั้งแต่พนักงานสอบสวน ผู้พิจารณาคดี ทุกส่วน ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลของคดีได้
ปัญหาที่ทำไมคนเสื้อแดงออกมาขอ พรบ นิรโทษกรรม เพราะเขามองว่า กระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่มันไม่ยุติธรรม หลายคนไม่ได้ประกันตัว หลายคนถูกจำคุกลืม ถูกลงโทษมากกว่าความผิดที่ทำ อย่างไรก็ตาม หลายคนก็มองว่าการนิรโทษกรรม มันล้างผิด ไม่ถูกต้อง วันนี้เพื่อไทยคงไม่สามารถผลักดัน พรบ นิรโทษกรรมได้อีก และถ้าทำนอกจากมีการคัดค้านแล้ว ยังมีความล้าช้าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 149 เองและผิดตามมาตรา 30 เรื่องความเท่าเทียม การผลักดัน พรบ สิทธิในกระบวนการยุติธรรมจะเหมาะสมที่สุด เพราะไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง เท่าเทียมกับประชาชนทุกคน ไม่ได้เลือกว่าเป็นความผิดการชุมนุม ทุจริต หรือฆ่าประชาชน แต่ความผิดุกรณี โดยพิจารณาว่าการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่า ถ้ากระบวนการยุติธรรมส่วนไหนบกพร่อง ก็ควรมีคณะกรรมการมาตัดสินว่า บกพร่อง หรือใครมีอคติ ก็ควรมีคณะกรรมการมาดู ถ้าจริง อยู่ระหว่างการตัดสินก็ควรเปลี่ยนแปลงบุคคลนั้น แต่ถ้าตัดสินไปแล้ว ก็ควรได้รับการพิจารณาคดีใหม่ โดยปราศจากความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมดังกล่าว คณะกรรมการนั้น อาจต้องตั้งใหม่เป็นคณะกรรมการศาลฎีกาสูงสุด หรือคณะกรรมการสิทธิกระบวนการยุติธรรม
ในฐานะประชาชน ขอว่า อย่าให้กระบวนการยุติธรรมไทยได้ฆ่า ทำร้ายคนบริสุทธิ์ เหมือนอย่างกรณีสหรัฐฯ ที่ฆ่าแมรี่ เซอร์ราท ซึ่งเอาชีวิตเธอคืนมาไม่ได้ แต่ถ้าได้ตัดสินทำร้ายคนบริสุทธิ์แล้ว ก็ขอคืนความเป็นธรรมให้เขา สิ่งนี้จะตอบโจทย์คือทุกสี คนไทยทุกคน เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องการ คือ ความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และศาลเองก็ต้องการ เพราะจะได้เลิกพูดเรื่องตุลาการภิวัฒน์ซะที การคานอำนาจตุลาการและการให้สิทธิประชาชนก็จะได้ถูกละเมิดได้ คนไทยควรจบกับเรื่องนี้ได้แล้วด้วยการสร้างกฎหมายที่เป็นธรรมต่อกระบวนการยุติธรรม