ความร่ำรวยนั้นเกิดได้จากหลายเหตุปัจจัยเกื้อหนุนกัน รวมทั้งเรื่องของ
จังหวะการลงทุน
เรื่องของ จังหวะการลงทุน เป็นสิ่งที่ห้ามมองข้าม เพราะ หนึ่งในหลายๆเหตุผล ที่ทำให้นักธุรกิจ
หลายๆท่านเหล่านั้นประสบความสำเร็จในกิจการได้ เพราะ
จับธุรกิจถูกจังหวะ
ในโลกธุรกิจนั้นล้วนมีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักรใครจับจังหวะเข้าลงทุนแต่เนิ่นๆก็ได้เปรียบคู่แข่ง
เข้าไปตอนกลางๆก็พอไปได้ถ้ามือถึงแต่ถ้าเข้าไปเมื่อตลาดใกล้วายแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าจะขาดทุน ...
ภาพตัวอย่างวงจรวัฏจักรธุรกิจที่มีแนวโน้มทางบวกแบบง่ายๆ
วัฏจักรวงจรธุรกิจนี้ จะมีรอบเดียวแล้วจบ หรือ วนซ้ำไปซ้ำมา วนขึ้นหรือวนลง
วนเป็นแบบรอบสั้นๆรายเดือน หรือ วนกันรอบยาวๆเป็นสิบๆปีก็ว่ากันไปตามเนื้อธุรกิจ
ตัวอย่างวัฏจักรวนซ้ำๆ เช่น ธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขายมายาวนาน แต่ก็ยังขายได้เสมอ
ธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเองก็มีขึ้นๆลงๆเหมือนกัน เช่น เมื่อเศรษฐกิจดียอดขายตก
แต่เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ตกต่ำ ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลับดีเป็นเทน้ำเทท่า
จนหลายๆคนนำยอดขายบะหมี่มาเรียกกันว่า
“ดัชนีมาม่า” เพื่อดูแนวโน้มของเศรษฐกิจ
หลายๆกรณีที่วัฏจักรนี้มาเป็นแบบกระแส เป็นแนวโน้มที่เกิดจากความนิยม
เช่น กระแส
“ตุ๊กตาเฟอร์บี้” ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นวัฏจักรมารอบเดียว มาแล้วไปลับไม่กลับมาเลย
พ่อค้าแม่ค้าตาถึงหรือมีช่องทางนำเข้าตอนต้นของกระแส สามารถหาของมาได้ช่วงต้น
แน่นอนต้องขายดิบขายดีตามๆกันไปมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ มาเป็นหมด ขายกันเหมือนไปเททิ้ง
แต่กระแสก็อยู่ได้ไม่นาน มาเร็วไปเร็ว ปานสายฟ้า ... พ่อค้าแม่ค้าที่เข้ากลางเนินวัฏจักร
ก็ยังพอมีกำไรบ้าง แต่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่มาหลังๆก็เจ็บตัวกันไปตามๆกัน
เพราะผมเชื่อว่ามีร้านค้าหลายร้านที่ยังคงมีเจ้าเฟอร์บี้เหลืออยู่ในตู้ตอนนี้ ...
การจับจังหวะวัฎจักรธุรกิจเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ผสมโรงกับคำว่าโชคช่วยเข้าไปด้วย
ในบทนี้ ผมจึงนำตัวอย่างนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการจับจังหวะมาเล่าสู่กันฟัง
ราวสิบกว่าปีก่อน คุณอาชัยซึ่งเป็นช่างซ่อมเครื่องจักรในโรงงานงานแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก
จากภาระทางครอบครัว ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวคงไม่พอกิน ที่อยู่ได้เพราะมีโอทีให้ทำ
ต่อมางานนอกเวลากลับลดลงเรื่อยๆ รายได้แกจึงลดลงเรื่อยๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเห็นที่จะแย่
สบช่องที่ช่วงนั้นเพื่อนแกชวนแกมาออกมาวิ่งรถรับส่งคนงานด้วยกัน รายได้ดีกว่าโรงงาน
อาชัยเลยตัดสินใจออกแล้วนำรถกระบะของตัวที่มีอยู่คันหนึ่งไปใส่หลังคาแล้วไปวิ่งรับส่งพนักงาน
รายได้มีต่อเนื่องมีงานเข้ามาตลอดต่อเนื่อง จากการขยายตัวของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม
วิ่งไปวิ่งมาเก็บเงินได้นิดหน่อยก็ไปซื้อรถยนต์มาเพิ่มอีก หาทางซื้อรถเพิ่ม
ช่วงนั้นเห็นว่าไปชวนญาติพี่น้องออกมาวิ่งงานด้วยกันหลายคน
งานเพิ่มเรื่อยๆ จนในที่สุดแกตัดสินใจเปิดบริษัทของตัวเอง
วันนี้บริษัทของอาชัยมีรถบัสสิบกว่าคัน มีรถตู้ของตัวเองอีกกว่ายี่สิบคัน
แน่นอนว่าอาชัยต้องมีครบทั้งบู้ทั้งบุ๋นในการทำธุรกิจ
แต่ผมมองว่าอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มีส่วนดันให้แกมาถึงจุดนี้ คือ
“เรื่องของจังหวะ”
อาชัยเข้าถูกจังหวะ ... จับธุรกิจนี้ในตอนที่มันกันลังจะขึ้น ... ขึ้นจากอะไร
จากโรงงานอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างมโหฬารในละแวกนี้ นิคมอุตสาหกรรมขึ้นกันมากกมาย
เมื่อสิบกว่าปีก่อนมีโรงงานมีเพียง 100 โรง แต่ถ้านับตอนนี้อาชัยว่าน่าจะถึง 1,000 โรง
ธุรกิจรับส่งพนักงานจึงมีความต้องการมากขึ้นตามลำดับ ตามการขยายตัวของโรงงานเหล่านี้
ไม่เฉพาะกิจการของคุณอาชัยเท่านั้นที่จับกระแสโรงงานอุตสาหกรรมในบริเวณนี้แล้วรุ่งมีอีกหลายกิจการ เช่น
เมื่อสิบกว่าปีก่อนเช่นกัน พ่อเพื่อนผมท่านหนึ่งเปิดร้านขายอุปกรณ์ไฮดรอลิคและนิวเมติคเล็กๆ ข้างนิคมฯ
จากห้องเล็กๆในตอนนั้กลายเป็นร้านขนาดใหญ่สามสาขา ทำยอดขายรวมหลักร้อยล้านบาทต่อปี
รอบวงจรของการเติบโตของจำนวนโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนี้มันกว้างยาวนาน กินเวลาเป็นสิบๆปี
สิบกว่าปีผ่านไปวงจรยังไม่ถึงจุดสูงสุดน่าจะยังใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะตกลงมา ซึ่งเพียงพอให้ทำกำไรได้
ถามว่า สมมติว่า ยังเข้าไปลงในธุรกิจนี้ได้มั้ย ตอบว่าได้ แต่ต้องมีความสามารถที่มากพอ
เพราะ สมมติถ้าทำกิจการวิ่งรับส่งคนงานตอนนี้ แน่นอนว่าอาจจะต้องเสนอราคาสู้คุณอาชัย
หรือ จะเป็นกิจการร้านไฮดรอลิคและนิวเมติค คงต้องสู้กับพ่อเพื่อนผมที่มีสามสาขา
อีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน เพื่อนผมท่านหนึ่ง ลาออกจากงานออกมา
“จับกระแสของเล่น” มาแรงชนิดหนึ่ง
เริ่มต้นจาก 0 ด้วยความเก่ง บวกเฮงที่สามารถเกาะเกี่ยวกระแสของเล่นนี้ขึ้นไปได้
จนในปัจจุบันมีทรัพย์สินรวมมากกว่า 10 ล้าน โดยใช้เวลาเพียงห้าปีจากธุรกิจตัวนี้
ถึงแม้ว่าของเล่นนี้กระแสจะแผ่วลงมาบ้างก็ตาม แต่เงินที่ได้มาจากกิจการตัวนี้
ก็ทำให้เพื่อนผมมีฐาน มีเงินทุนที่มากพอที่จะไปจับกระแสอื่นต่อไป ...
(ถ้าสนใจสามารถติดตามเวอร์ชั่นเต็มที่เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://goo.gl/sgEVze
หรือในลิงค์นี้ครับ
http://ppantip.com/topic/30481340)
และแน่นอนว่าต่อไป กระแสของเล่น กระแสโรงงานอุตสาหกรรม หรือ กิจการเกี่ยวเนื่องเหล่านี้
จะต้องตกต่ำซบเซาลงในท้ายที่สุด แต่กว่าจะถึงวันนั้นกระแสนี้ก็คงจะสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ที่จับกระแสได้ตั้งแต่ต้นๆมามากแล้ว
แนวโน้มหรือกระแสทั้งหลายแล่นั้น ล้วนมีวัฏจักร มีวงจรของมัน มีขึ้น มีลง
ถ้าเราจับถูกจังหวะได้ตั้งแต่ต้น ... ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะพุ่งไปได้เร็วและแรง
ถ้าเราจับถูกจังหวะ กระแสเหล่านั้นอาจจะเป็นเชือกที่พาเราขึ้นไปสู่ความมั่งคั่งก็เป็นได้
ดังนั้น .... จงอย่าหยุดที่จะมองหากระแสครับ
…[^_^]…
ทำธุรกิจ ... ถ้าจับจังหวะได้ จับจังหวะเป็นก็รวยกันยาวๆ
เรื่องของ จังหวะการลงทุน เป็นสิ่งที่ห้ามมองข้าม เพราะ หนึ่งในหลายๆเหตุผล ที่ทำให้นักธุรกิจ
หลายๆท่านเหล่านั้นประสบความสำเร็จในกิจการได้ เพราะ จับธุรกิจถูกจังหวะ
ในโลกธุรกิจนั้นล้วนมีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักรใครจับจังหวะเข้าลงทุนแต่เนิ่นๆก็ได้เปรียบคู่แข่ง
เข้าไปตอนกลางๆก็พอไปได้ถ้ามือถึงแต่ถ้าเข้าไปเมื่อตลาดใกล้วายแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าจะขาดทุน ...
ภาพตัวอย่างวงจรวัฏจักรธุรกิจที่มีแนวโน้มทางบวกแบบง่ายๆ
วัฏจักรวงจรธุรกิจนี้ จะมีรอบเดียวแล้วจบ หรือ วนซ้ำไปซ้ำมา วนขึ้นหรือวนลง
วนเป็นแบบรอบสั้นๆรายเดือน หรือ วนกันรอบยาวๆเป็นสิบๆปีก็ว่ากันไปตามเนื้อธุรกิจ
ตัวอย่างวัฏจักรวนซ้ำๆ เช่น ธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขายมายาวนาน แต่ก็ยังขายได้เสมอ
ธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเองก็มีขึ้นๆลงๆเหมือนกัน เช่น เมื่อเศรษฐกิจดียอดขายตก
แต่เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ตกต่ำ ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลับดีเป็นเทน้ำเทท่า
จนหลายๆคนนำยอดขายบะหมี่มาเรียกกันว่า “ดัชนีมาม่า” เพื่อดูแนวโน้มของเศรษฐกิจ
หลายๆกรณีที่วัฏจักรนี้มาเป็นแบบกระแส เป็นแนวโน้มที่เกิดจากความนิยม
เช่น กระแส “ตุ๊กตาเฟอร์บี้” ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นวัฏจักรมารอบเดียว มาแล้วไปลับไม่กลับมาเลย
พ่อค้าแม่ค้าตาถึงหรือมีช่องทางนำเข้าตอนต้นของกระแส สามารถหาของมาได้ช่วงต้น
แน่นอนต้องขายดิบขายดีตามๆกันไปมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ มาเป็นหมด ขายกันเหมือนไปเททิ้ง
แต่กระแสก็อยู่ได้ไม่นาน มาเร็วไปเร็ว ปานสายฟ้า ... พ่อค้าแม่ค้าที่เข้ากลางเนินวัฏจักร
ก็ยังพอมีกำไรบ้าง แต่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่มาหลังๆก็เจ็บตัวกันไปตามๆกัน
เพราะผมเชื่อว่ามีร้านค้าหลายร้านที่ยังคงมีเจ้าเฟอร์บี้เหลืออยู่ในตู้ตอนนี้ ...
การจับจังหวะวัฎจักรธุรกิจเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ผสมโรงกับคำว่าโชคช่วยเข้าไปด้วย
ในบทนี้ ผมจึงนำตัวอย่างนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการจับจังหวะมาเล่าสู่กันฟัง
ราวสิบกว่าปีก่อน คุณอาชัยซึ่งเป็นช่างซ่อมเครื่องจักรในโรงงานงานแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก
จากภาระทางครอบครัว ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวคงไม่พอกิน ที่อยู่ได้เพราะมีโอทีให้ทำ
ต่อมางานนอกเวลากลับลดลงเรื่อยๆ รายได้แกจึงลดลงเรื่อยๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเห็นที่จะแย่
สบช่องที่ช่วงนั้นเพื่อนแกชวนแกมาออกมาวิ่งรถรับส่งคนงานด้วยกัน รายได้ดีกว่าโรงงาน
อาชัยเลยตัดสินใจออกแล้วนำรถกระบะของตัวที่มีอยู่คันหนึ่งไปใส่หลังคาแล้วไปวิ่งรับส่งพนักงาน
รายได้มีต่อเนื่องมีงานเข้ามาตลอดต่อเนื่อง จากการขยายตัวของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม
วิ่งไปวิ่งมาเก็บเงินได้นิดหน่อยก็ไปซื้อรถยนต์มาเพิ่มอีก หาทางซื้อรถเพิ่ม
ช่วงนั้นเห็นว่าไปชวนญาติพี่น้องออกมาวิ่งงานด้วยกันหลายคน
งานเพิ่มเรื่อยๆ จนในที่สุดแกตัดสินใจเปิดบริษัทของตัวเอง
วันนี้บริษัทของอาชัยมีรถบัสสิบกว่าคัน มีรถตู้ของตัวเองอีกกว่ายี่สิบคัน
แน่นอนว่าอาชัยต้องมีครบทั้งบู้ทั้งบุ๋นในการทำธุรกิจ
แต่ผมมองว่าอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มีส่วนดันให้แกมาถึงจุดนี้ คือ “เรื่องของจังหวะ”
อาชัยเข้าถูกจังหวะ ... จับธุรกิจนี้ในตอนที่มันกันลังจะขึ้น ... ขึ้นจากอะไร
จากโรงงานอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างมโหฬารในละแวกนี้ นิคมอุตสาหกรรมขึ้นกันมากกมาย
เมื่อสิบกว่าปีก่อนมีโรงงานมีเพียง 100 โรง แต่ถ้านับตอนนี้อาชัยว่าน่าจะถึง 1,000 โรง
ธุรกิจรับส่งพนักงานจึงมีความต้องการมากขึ้นตามลำดับ ตามการขยายตัวของโรงงานเหล่านี้
ไม่เฉพาะกิจการของคุณอาชัยเท่านั้นที่จับกระแสโรงงานอุตสาหกรรมในบริเวณนี้แล้วรุ่งมีอีกหลายกิจการ เช่น
เมื่อสิบกว่าปีก่อนเช่นกัน พ่อเพื่อนผมท่านหนึ่งเปิดร้านขายอุปกรณ์ไฮดรอลิคและนิวเมติคเล็กๆ ข้างนิคมฯ
จากห้องเล็กๆในตอนนั้กลายเป็นร้านขนาดใหญ่สามสาขา ทำยอดขายรวมหลักร้อยล้านบาทต่อปี
รอบวงจรของการเติบโตของจำนวนโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนี้มันกว้างยาวนาน กินเวลาเป็นสิบๆปี
สิบกว่าปีผ่านไปวงจรยังไม่ถึงจุดสูงสุดน่าจะยังใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะตกลงมา ซึ่งเพียงพอให้ทำกำไรได้
ถามว่า สมมติว่า ยังเข้าไปลงในธุรกิจนี้ได้มั้ย ตอบว่าได้ แต่ต้องมีความสามารถที่มากพอ
เพราะ สมมติถ้าทำกิจการวิ่งรับส่งคนงานตอนนี้ แน่นอนว่าอาจจะต้องเสนอราคาสู้คุณอาชัย
หรือ จะเป็นกิจการร้านไฮดรอลิคและนิวเมติค คงต้องสู้กับพ่อเพื่อนผมที่มีสามสาขา
อีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน เพื่อนผมท่านหนึ่ง ลาออกจากงานออกมา “จับกระแสของเล่น” มาแรงชนิดหนึ่ง
เริ่มต้นจาก 0 ด้วยความเก่ง บวกเฮงที่สามารถเกาะเกี่ยวกระแสของเล่นนี้ขึ้นไปได้
จนในปัจจุบันมีทรัพย์สินรวมมากกว่า 10 ล้าน โดยใช้เวลาเพียงห้าปีจากธุรกิจตัวนี้
ถึงแม้ว่าของเล่นนี้กระแสจะแผ่วลงมาบ้างก็ตาม แต่เงินที่ได้มาจากกิจการตัวนี้
ก็ทำให้เพื่อนผมมีฐาน มีเงินทุนที่มากพอที่จะไปจับกระแสอื่นต่อไป ...
(ถ้าสนใจสามารถติดตามเวอร์ชั่นเต็มที่เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ได้ที่ลิงค์นี้ครับ http://goo.gl/sgEVze
หรือในลิงค์นี้ครับ http://ppantip.com/topic/30481340)
และแน่นอนว่าต่อไป กระแสของเล่น กระแสโรงงานอุตสาหกรรม หรือ กิจการเกี่ยวเนื่องเหล่านี้
จะต้องตกต่ำซบเซาลงในท้ายที่สุด แต่กว่าจะถึงวันนั้นกระแสนี้ก็คงจะสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ที่จับกระแสได้ตั้งแต่ต้นๆมามากแล้ว
แนวโน้มหรือกระแสทั้งหลายแล่นั้น ล้วนมีวัฏจักร มีวงจรของมัน มีขึ้น มีลง
ถ้าเราจับถูกจังหวะได้ตั้งแต่ต้น ... ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะพุ่งไปได้เร็วและแรง
ถ้าเราจับถูกจังหวะ กระแสเหล่านั้นอาจจะเป็นเชือกที่พาเราขึ้นไปสู่ความมั่งคั่งก็เป็นได้
ดังนั้น .... จงอย่าหยุดที่จะมองหากระแสครับ
…[^_^]…