อัญเดียรถีย์ กล่าวตู่ ท่านพระสารีบุตร อีกแล้ว (คราวนี้เรื่อง การระลึกชาติ)

ถ้าถามผม(จ้าวนครเมฆขาว) ว่า น่ารำคาญ ไหม ?

ขออนุญาต กล่าวตามตรงว่า น่ารำคาญมาก เมื่อกล่าวสำหรับ การกล่าวตู่บิดเบือน พระธรรมวินัย แบบซ้ำซาก
ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา ของชาวพุทธชายขอบพวกนี้ ที่ดูเหมือนจะ "จนตรอก" มากยิ่งขึ้น ทุกทีๆ

คราวนี้เป็น ล็อกอิน คันโตนาซี และ "อีแอบ" สหายร่วมบาป(ในฐานะผู้ให้การสนับสนุน) อีกตามเคย
ที่นำ ภาษิตของท่านพระสารีบุตร มา "บิดเบือน" กล่าวตู่อย่างปราศจาก ความละอายใดๆ ทั้งสิ้น



ข้อความ ที่คนถ่อยพวกนี้ ยกขึ้นอ้าง ก็คือ ปุพเพนิวาสานุสติญาณนิททเทส จาก คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค ของท่านพระสารีบุตร
ด้วยความเข้าใจแบบผิดๆ ว่า นี่เป็นหลักฐานยืนยันว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ(การระลึกชาติ) เป็นเรื่องเดียวกับ ปฏิจจสมุปบาท
โดยคำว่า "ชาติ" ในปุพเพนิวาสานุสติญาณ(การระลึกชาติ) เป็น "ชาติ" อย่างเดียวกันกับที่ปรากฏอยู่ใน ปฏิจจสมุปบาท

แต่ทั้งหมดดังกล่าวมานั้น เป็นความเข้าใจผิด ทั้งหมด !

ประการแรก

ถ้า ท่านทั้งหลาย พิจารณา ปุพเพนิวาสานุสติญาณนิททเทส ให้ดี จะพบว่า
แท้ที่จริง ท่านพระสารีบุตร ได้อธิบายกระบวนการต่างๆ เอาไว้อย่างดีแล้วว่า

(๑) ภิกษุ เจริญอิทธิบาท ประกอบด้วยสมาธิ (ได้แก่ฌาน ๔)
(๒) ครั้นแล้วจึง โยนิโสมนสิการ ใน ปฏิจจสมุปบาท (หมายถึงเจริญวิปัสสนา)
(๓) จากนั้นจึงอาศัยจิต ที่อบรมแล้วในอิทธิบาท ๔ ยัง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ให้เกิดขึ้น แล้วพิจารณาโดยแยบคาย ด้วยวิปัสสนาญาณ

ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด ที่กล่าวมานี้ ย่อมสอดคล้องกับ ขั้นตอนการอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลาย ของพระพุทธเจ้า
ตามที่ปรากฏหลักฐานอย่างชัดแจ้งใน สีลขันธวรรค กล่าวคือ เมื่อได้ฌาน ๔ แล้ว ให้น้อมจิตไปเพื่อ วิปัสสนาญาณ ก่อน
แล้วจึงใช้วิปัสสนาญาณนั้น พิจารณา ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ที่(อาจ)เกิดขึ้นในลำดับถัดไป !



ประการที่ ๒

หากถามว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ของพระพุทธศาสนา
กับ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ของพวกอัญเดียรถีย์ มีความแตกต่างกัน อย่างไร ?

อรรถกถาจารย์ ก็ได้อธิบายขยายความเอาไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า ............

(๑) การระลึกชาติ มันมีได้ทั้งในพระพุทธศาสนา และ อัญเดียรถีย์
(๒) แต่ความแตกต่างก็คือ พวกอัญเดียรถีย์ ไม่ได้เจริญปัญญา การกำหนด "นามรูป" ใน ปุพเพนิวาสานุสติญาณ



ซึ่งจาก "หลักฐาน" ทั้งหมดตามที่ปรากฏอยู่จริง ทั้งในชั้นพุทธภาษิต และสาวกภาษิต ย่อมสอดคล้องกับที่ผมกล่าวเอาไว้ กล่าวคือ

(๑) การระลึกชาติ ก็มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับ ปฏิจจสมุปบาท เลย หากว่ายังเห็น สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา อยู่ในนั้น ด้วยตัณหา อุปาทาน
(๒) ตราบเท่าที่ยังไม่เห็นว่า นั่นสักแต่ว่าเป็น สังขาร ที่เกิดดับตามเหตุปัจจัย การระลึกชาตินั้น ก็เป็นเพียงแค่การระลึกชาติแบบมิจฉาทิฐิ



ผมขออนุญาต กล่าวยืนยัน "ความถูกต้อง" ใน "มติ" ดังกล่าวของผม นะครับ

ทั้งนี้ หากท่านทั้งหลาย พิจารณา คำของอรรถกถาจารย์ ก็จะทราบได้โดยไม่ยากเลยว่า
ปฏิจจสมุปบาท ก็อย่างหนึ่ง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ก็อย่างหนึ่ง สมดัง ที่ท่านกล่าวว่า

"การมนสิการ ปฏิจจสมุปบาท มีอุปการะมากแก่ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ"



การที่ใครบางคน "พยายาม" จะ "ยัดเยียด" ให้ การระลึกชาติ เป็น ปฏิจจสมุปบาท ให้ได้นั้น
สำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นความคิดที่ "อุบาทว์" และเป็นการกระทำที่ ชั่วร้าย เลอะเทอะ อย่างมาก

ปฏิจจสมุปบาท จะเกี่ยวข้องกับ การระลึกชาติได้นั้น ก็มีแต่เพียงในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งตรัสให้ น้อมจิตไปเพื่อ "วิปัสสนาญาณ" หลังจากได้ ฌาน ๔  
แล้วจึงใช้ วิปัสสนาญาณ นั้นเอง พิจารณา ปุพเพนิวาสานุสติญาณ(การระลึกชาติ) ที่เกิดขึ้น ด้วยอำนาจแห่งการกำหนด "รูป-นาม"

สุดท้ายนี้ ถ้าหาก คันโตนาซี ต้องการโต้แย้ง มติ ของผม ให้ได้ แล้วละก็
จง "ตั้งใจ" อ่านภาษิต ของท่านพระสารีบุต รวมไปถึง อรรถกถา ให้จบเสียก่อน
น่าจะเป็นการดีกว่า กระมังครับ ?

บอกตามตรงว่า เมื่อเห็นการ "แถกแถ" ของแก และสหายอีแอบ แล้ว

สรุปเป็น ๓ คำสั้นๆ ได้ว่า

น่าสมเพช !



จบแล้วนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่