ความเดิมบทที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/30381628บทนำ
http://ppantip.com/topic/30445012บทที่๑ เมืองใต้ดินกับกลิ่นการเวก
http://ppantip.com/topic/30456186บทที่๒ หลอกหลอน
http://ppantip.com/topic/30600473บทที่๓ ภูตผีปีศาจ
http://ppantip.com/topic/30913308บทที่๔ ลางสังหาร
http://ppantip.com/topic/30930331บทที่ ๕ สาปสาง
http://ppantip.com/topic/31011150บทที่ ๖ ศพสะอื้น
http://ppantip.com/topic/31023805บทที่ ๗ ฆาตกรกรรมอำพราง
http://ppantip.com/topic/31046786บทที่ ๘ แฝดกาฝาก
คู่มือการอ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่าน เพราะข้อความในเนื้อหาอาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสม หรือกล่าวเกินจริง
เด็กอายุต่ำกว่า16ปีควรมีผู้ใหญ่อ่านให้ฟังและให้คำแนะนำ หรือกลับไปอ่านอีสปจะดีกว่า ขอบคุณค่ะ อิอิ
บทที่ ๙
โพธิ์สามแพร่ง
’ขจร’ ชื่อของชายหนุ่มแปลกหน้าจำได้ขึ้นใจทันทีเมื่อแรกได้ยิน ประกอบกับรอยยิ้มจริงใจที่ดูเป็นมิตร จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกสนิทใจที่จะสร้างความไมตรีที่ดีด้วย อีกทั้งรูปพรรณสันฐานและการแต่งตัว ก็ดูดีมีชาติตระกูล จึงทำให้รู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้ง่ายอย่างไร้ขัอกังขา
ในตอนนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะสามารถออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านได้อย่างเป็นอิสระ โดยไม่ต้องสวมหัวโขนปั้นหน้าสวย หรือนั่งพับเพียบเรียบร้อยราวกับตุ๊กตาชาววังที่ไร้ชีวิต และไม่จำเป็นต้องพูดคำหวานวางกิริยาให้สมกับกุลสตรีสยาม ดังนั้น การได้ก้าวออกจากกรอบเดิม เพื่อไปลองอะไรแปลกใหม่กับคนแปลกหน้า มันจึงเป็นเรื่องตื่นเต้นมากสำหรับแก้วบาหยัน
“ แม่แก้ว หล่อนจะไปดูตัวสงกรานต์ด้วยฉันหรือไม่ ” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
หญิงสาวยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้าตอบรับหลายครั้งด้วยความตื่นเต้น “ ไปสิคุณขจร ฉันใคร่ไปเห็นไอ้ตัวสงกรานต์เสียเต็มประดาละ ไปกันเถิดเร็วๆหนา หาชักช้าอยู่ใย ”
พูดเสร็จแก้วบาหยันรีบเดินนำลิ่ว แล้วก็มาหยุดที่ดงมะพร้าวเตี้ยข้างวิหารพระนอน ชะโงกด้อมๆมองๆอยู่สักพักจนคนหายพลุกพล่าน ก็รีบถกโจงกระเบนให้กระชับ ขยับเสื้อให้ถนัด แล้วขโย่งตัวกระโดดยงโย่ไปมาเหมือนกบไชโยสะดุ้งไฟ เมื่อขจรเห็นเข้าก็ตกใจ จึงรีบพูดปรามไว้ก่อน
“ นี่หล่อนคิดจะปีนต้นมะพร้าวรึ ยกแข้งยกขาขยับถกเขมรเยี่ยงนั้น มันไม่งามนะ ”
“ ถ้าฉันจะปีนต้นมะพร้าว แล้วคุณจะทำไมรึ ” หญิงสาวแกล้งพูดประชด ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เธอแค่จะกระโดดดึงทางมะพร้าวอ่อนเพื่อมาไว้ใช้เขี่ยตัวสงกรานต์เล่น
ฝ่ายชายหนุ่มไม่รู้จะทำยังไง เพราะกลัวใครจะมาเห็นกิริยาที่ไม่งามของหญิงสาวเข้า ครั้นจะจับตัวไว้ก็ไม่ได้ ก็เลยได้แต่พูดห้ามอีกครั้ง “ เป็นหญิงหน้างามนุ่งห่มสวย กลับมาปีนต้นไม้มอมแมมทะโมนเป็นลิง มันไม่งามดอกนะแม่แก้ว ”
หญิงสาวหยุดกระโดด และหันมาค้อนใส่อีกฝ่าย “ มะพร้าวเตี้ยเรี่ยดินเยี่ยงนี้ เด็กห้าขวบก็เขย่งถึง แล้วมันจะเป็นอย่างไรเล่า ถ้าฉันคิดอยากจะปีน ทำไมจะปีนเสียไม่ได้ล่ะเจ้าค่ะ ”
“ แล้วตอนนี้หล่อนอายุกี่ขวบกันล่ะ ”
“ สิบสี่เต็มเจ้าค่ะ ทำไมรึเจ้าคะ เขาห้ามคนอายุสิบสี่ปีนต้นมะพร่าวเตี้ยหรือเจ้าคะ คุณขจรเจ้าขา ” หญิงสาวลากหางเสียงคำลงท้ายยาวแบบประชดประชัน
“ มันหาได้เกี่ยวกับเรื่องอายุไม่ มันเกี่ยวกับกิริยาที่ไม่พึงงามอันไม่ควรแก่สถานที่ เชื่อฉันเถิด หล่อนใส่ชุดสวยงามเยี่ยงนี้ มันไม่งามดอกนะแม่แก้วถ้าจะปีนต้นมะพร้าว ”
หญิงสาวก้มมองดูชุดตัวเองที่ใส่มาในวันนี้ ที่เป็นชุดแขนยาวสีขาวคอตั้งแบบตะวันตกมีลูกไม้ระบายฟูฟ่อง คอสวมประดับด้วยสร้อยมุกระย้าสองชั้น มีสะพายเป็นสไบแพรไหมสีชมพูสด นุ่งโจงผ้าลายพื้นสีลิ้นจี่ สวมถุงน่องร้องเท้าสีขาวเข้ากันอย่างดี ซึ่งชุดที่สวยสมสง่าแบบนี้ มันก็คงไม่เหมาะไม่ควรกับการทำอะไรโลดโผนอย่างที่อีกฝ่ายว่า แต่ที่ทำไปแบบนั้นเพราะความเคยชินเมื่อตอนอยู่ในโรงเรียน ที่มักจะปีนไปเก็บผลหมากรากไม้อยู่เป็นประจำ ประกอบกับว่าเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วัน เลยทำให้บางครั้งลืมปรับสภาพกิริยาตัวเองไปบ้างเมื่ออยู่นอกสายตาผู้ใหญ่
ทว่าแก้วบาหยันจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ฝ่ายชายตักเตือน แต่ด้วยความเป็นคนดื้อเงียบ เธอก็เลยไม่พูดยอมรับหรือแสดงอาการเชื่อฟัง กลับตะแบงรั้นเดินไปหากิ่งไม้ยาวๆมาเกี่ยวทางมะพร้าวอีก
“ นี่หล่อนจะเอาไม้มาสอยอะไร ใคร่จะกินมะพร้าวงั้นรึ ” ขจรถาม
“ คุณขจรเจ้าขา เห็นฉันเป็นลิงเก็บมะพร้าวหรือไงเจ้าคะ เยี่ยงนี้ก็ไม่งาม เยี่ยงนั้นก็ไม่งาม ไฮ้! ฉันใดก็ฉันนั้น ฉันไม่ทำแล้วเจ้าค่ะ หึ! ” หญิงสาวทำท่าตะบึงตะบอนงอนใส่ ทิ้งกิ่งไม้ลงด้วยความเคือง และเดินดุ่มออกไปทันที
ฝ่ายชายหนุ่มรีบหยิบกิ่งไม้แล้วสอยในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แล้ววิ่งตามไปยื่นให้
“ เอาไปเสีย นี่ใช่ไหมที่อยากได้ ”
หญิงสาวเหล่ตาดูก็รู้สึกพอใจที่ได้ทางมะพร้าวอ่อนๆขนาดพอดีมือมาไว้ตีน้ำเล่นและเขี่ยตัวสงกรานต์ตามประสา แต่ก็แกล้งไม่รับสิ่งที่ชายหนุ่มนำมาให้ และวางท่าหน้าบึ้งตึงใส่
“ คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยากได้ทางมะพร้าว คุณมิได้หมายว่าฉันเป็นลิงเป็นจิ้งเหรนกระรอกกระแตหรอกหรือเจ้าคะ คุณขจรเจ้าขา ” หญิงสาวยังคงลากหางเสียงประชด
“ เด็กๆที่ไหนเขาก็ชอบเอาทางมะพร้าวไปเขี่ยตัวสงกรานต์เล่นทั้งนั้น ทำไมฉันจะไม่รู้ ”
“ เอ๊ะ! คุณหมายว่าฉันเป็นเด็กอยู่รึไม่ ฉันสิบสี่เต็มแล้วนะ รู้ดอกว่าอะไรควรมิควร ที่ฉันทำท่าจะปีนต้นไม้ ก็มิได้ตั้งใจจะปีนจริงๆเสียหน่อย ยังไม่ทันฟังอีร้าค้าอีรม คุณก็เอ็ดฉันเสียงขรมราวกับว่าฉันเป็นเด็กตัวเท่าเมี่ยงเท่ามดที่ยังไม่ได้กัญจุกอย่างนั้นแหละ " หญิงสาวพูดรัวกลับไปราวกับประทัดจีนจุดไฟ พอพูดเสร็จหมดตับ ก็เดินแต้กๆทำหน้ามุ่ยไปรอที่ท่าน้ำ และหยิบก้อนกรวดปาลงน้ำเพื่อระบายอารมณ์โกรธ
ขจรเห็นกิริยาของหญิงสาว ก็ส่ายหน้าที่หมดหนทางจะกำราบพยศเด็กดื้อที่เพิ่งโต เมื่อใช้ไม้แข็งด้วยคำพูดไม่ได้ ก็เลยต้องหาไม้อ่อนมาประโลมความโทสะของหญิงสาวให้ทุเลาลง
“ แม่แก้ว ” ขจรเรียกเสียงหวาน
หญิงสาวหยุดปาก้อนกรวด ปัดมือ แล้วรีบยืนปกติ เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาดุเรื่องปาก้อนกรวดลงน้ำอีก ก็เลยชิงพูดประชดประชันก่อน “ คุณหายไปไหนมา ทำไมมิหายไปสักชั่วยามหนึ่งเลยล่ะ ฉันกำลังยืนรอจวนปลีน่องแข็งเป็นไม้ตีพริกอยู่แล้วเชียว ”
“ หันมานี่ซี ” ขจรพูดเสียงหวานนุ่มเหมือนคนออดอ้อน
แก้วบาหยันได้ยินก็รู้สึกรื่นหู พอหันไปก็ยิ้มออกทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของขจร จากอารมณ์ที่เดือดพล่านวิ่งไปมาเป็นเจ้าเข้า ก็กลับทุเลาลงอย่างง่ายดาย และพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานขึ้น “ นี่คุณหายไปทำไอ้นี้มาหรอกหรือ ”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆ แล้วยื่นสิ่งของนั้นให้หญิงสาว มันคือทางมะพร้าวที่เลาะใบออกหมดให้เหลือแค่ก้านมะพร้าวให้เป็นด้ามขนาดย่อมมีรูปร่างเรียวคล้ายคันเบ็ด โดยที่ด้านปลายมีปลาตะเพียนติดห้อยอยู่หนึ่งตัวเหมือนจำลองที่ตกปลาของเด็กเล็กเล่น แต่นอกเหนือจากนั้นก็คือ ที่ครีบของปลาตะเพียนนั้นห้อยด้วยดอกการเวกเป็นระย้าดูน่ารักแปลกตา
หญิงสาวรับมาอย่างหน้าชื่นตาบาน มองดูเจ้าปลาตะเพียนสานใกล้ๆ และดมกลิ่นการเวกอย่างสดชื่นด้วยใจที่เย็นสบายขึ้น “ นี่ถ้าเป็นเย็นย่ำค่ำเข้าหน่อย การเวกคงส่งกลิ่นหอมมากกว่านี้สินะ เอ….นี่มันปลาตะเพียนอะไรของคุณกัน มีดอกการเวกมาห้อยเป็นต้อยติ่งกระรุ่งกระริ่งน่าพึลึกนักเชียว ”
“ ปลาตะเพียนแก้วไงเล่า ” ชายหนุ่มพูดโดยที่สายตาจ้องมาที่ฝ่ายหญิง
เหย้าบาหยัน>>บทที่๙>>โพธิ์สามแพร่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คู่มือการอ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
’ขจร’ ชื่อของชายหนุ่มแปลกหน้าจำได้ขึ้นใจทันทีเมื่อแรกได้ยิน ประกอบกับรอยยิ้มจริงใจที่ดูเป็นมิตร จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกสนิทใจที่จะสร้างความไมตรีที่ดีด้วย อีกทั้งรูปพรรณสันฐานและการแต่งตัว ก็ดูดีมีชาติตระกูล จึงทำให้รู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้ง่ายอย่างไร้ขัอกังขา
ในตอนนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะสามารถออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านได้อย่างเป็นอิสระ โดยไม่ต้องสวมหัวโขนปั้นหน้าสวย หรือนั่งพับเพียบเรียบร้อยราวกับตุ๊กตาชาววังที่ไร้ชีวิต และไม่จำเป็นต้องพูดคำหวานวางกิริยาให้สมกับกุลสตรีสยาม ดังนั้น การได้ก้าวออกจากกรอบเดิม เพื่อไปลองอะไรแปลกใหม่กับคนแปลกหน้า มันจึงเป็นเรื่องตื่นเต้นมากสำหรับแก้วบาหยัน
“ แม่แก้ว หล่อนจะไปดูตัวสงกรานต์ด้วยฉันหรือไม่ ” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
หญิงสาวยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้าตอบรับหลายครั้งด้วยความตื่นเต้น “ ไปสิคุณขจร ฉันใคร่ไปเห็นไอ้ตัวสงกรานต์เสียเต็มประดาละ ไปกันเถิดเร็วๆหนา หาชักช้าอยู่ใย ”
พูดเสร็จแก้วบาหยันรีบเดินนำลิ่ว แล้วก็มาหยุดที่ดงมะพร้าวเตี้ยข้างวิหารพระนอน ชะโงกด้อมๆมองๆอยู่สักพักจนคนหายพลุกพล่าน ก็รีบถกโจงกระเบนให้กระชับ ขยับเสื้อให้ถนัด แล้วขโย่งตัวกระโดดยงโย่ไปมาเหมือนกบไชโยสะดุ้งไฟ เมื่อขจรเห็นเข้าก็ตกใจ จึงรีบพูดปรามไว้ก่อน
“ นี่หล่อนคิดจะปีนต้นมะพร้าวรึ ยกแข้งยกขาขยับถกเขมรเยี่ยงนั้น มันไม่งามนะ ”
“ ถ้าฉันจะปีนต้นมะพร้าว แล้วคุณจะทำไมรึ ” หญิงสาวแกล้งพูดประชด ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เธอแค่จะกระโดดดึงทางมะพร้าวอ่อนเพื่อมาไว้ใช้เขี่ยตัวสงกรานต์เล่น
ฝ่ายชายหนุ่มไม่รู้จะทำยังไง เพราะกลัวใครจะมาเห็นกิริยาที่ไม่งามของหญิงสาวเข้า ครั้นจะจับตัวไว้ก็ไม่ได้ ก็เลยได้แต่พูดห้ามอีกครั้ง “ เป็นหญิงหน้างามนุ่งห่มสวย กลับมาปีนต้นไม้มอมแมมทะโมนเป็นลิง มันไม่งามดอกนะแม่แก้ว ”
หญิงสาวหยุดกระโดด และหันมาค้อนใส่อีกฝ่าย “ มะพร้าวเตี้ยเรี่ยดินเยี่ยงนี้ เด็กห้าขวบก็เขย่งถึง แล้วมันจะเป็นอย่างไรเล่า ถ้าฉันคิดอยากจะปีน ทำไมจะปีนเสียไม่ได้ล่ะเจ้าค่ะ ”
“ แล้วตอนนี้หล่อนอายุกี่ขวบกันล่ะ ”
“ สิบสี่เต็มเจ้าค่ะ ทำไมรึเจ้าคะ เขาห้ามคนอายุสิบสี่ปีนต้นมะพร่าวเตี้ยหรือเจ้าคะ คุณขจรเจ้าขา ” หญิงสาวลากหางเสียงคำลงท้ายยาวแบบประชดประชัน
“ มันหาได้เกี่ยวกับเรื่องอายุไม่ มันเกี่ยวกับกิริยาที่ไม่พึงงามอันไม่ควรแก่สถานที่ เชื่อฉันเถิด หล่อนใส่ชุดสวยงามเยี่ยงนี้ มันไม่งามดอกนะแม่แก้วถ้าจะปีนต้นมะพร้าว ”
หญิงสาวก้มมองดูชุดตัวเองที่ใส่มาในวันนี้ ที่เป็นชุดแขนยาวสีขาวคอตั้งแบบตะวันตกมีลูกไม้ระบายฟูฟ่อง คอสวมประดับด้วยสร้อยมุกระย้าสองชั้น มีสะพายเป็นสไบแพรไหมสีชมพูสด นุ่งโจงผ้าลายพื้นสีลิ้นจี่ สวมถุงน่องร้องเท้าสีขาวเข้ากันอย่างดี ซึ่งชุดที่สวยสมสง่าแบบนี้ มันก็คงไม่เหมาะไม่ควรกับการทำอะไรโลดโผนอย่างที่อีกฝ่ายว่า แต่ที่ทำไปแบบนั้นเพราะความเคยชินเมื่อตอนอยู่ในโรงเรียน ที่มักจะปีนไปเก็บผลหมากรากไม้อยู่เป็นประจำ ประกอบกับว่าเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วัน เลยทำให้บางครั้งลืมปรับสภาพกิริยาตัวเองไปบ้างเมื่ออยู่นอกสายตาผู้ใหญ่
ทว่าแก้วบาหยันจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ฝ่ายชายตักเตือน แต่ด้วยความเป็นคนดื้อเงียบ เธอก็เลยไม่พูดยอมรับหรือแสดงอาการเชื่อฟัง กลับตะแบงรั้นเดินไปหากิ่งไม้ยาวๆมาเกี่ยวทางมะพร้าวอีก
“ นี่หล่อนจะเอาไม้มาสอยอะไร ใคร่จะกินมะพร้าวงั้นรึ ” ขจรถาม
“ คุณขจรเจ้าขา เห็นฉันเป็นลิงเก็บมะพร้าวหรือไงเจ้าคะ เยี่ยงนี้ก็ไม่งาม เยี่ยงนั้นก็ไม่งาม ไฮ้! ฉันใดก็ฉันนั้น ฉันไม่ทำแล้วเจ้าค่ะ หึ! ” หญิงสาวทำท่าตะบึงตะบอนงอนใส่ ทิ้งกิ่งไม้ลงด้วยความเคือง และเดินดุ่มออกไปทันที
ฝ่ายชายหนุ่มรีบหยิบกิ่งไม้แล้วสอยในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แล้ววิ่งตามไปยื่นให้
“ เอาไปเสีย นี่ใช่ไหมที่อยากได้ ”
หญิงสาวเหล่ตาดูก็รู้สึกพอใจที่ได้ทางมะพร้าวอ่อนๆขนาดพอดีมือมาไว้ตีน้ำเล่นและเขี่ยตัวสงกรานต์ตามประสา แต่ก็แกล้งไม่รับสิ่งที่ชายหนุ่มนำมาให้ และวางท่าหน้าบึ้งตึงใส่
“ คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยากได้ทางมะพร้าว คุณมิได้หมายว่าฉันเป็นลิงเป็นจิ้งเหรนกระรอกกระแตหรอกหรือเจ้าคะ คุณขจรเจ้าขา ” หญิงสาวยังคงลากหางเสียงประชด
“ เด็กๆที่ไหนเขาก็ชอบเอาทางมะพร้าวไปเขี่ยตัวสงกรานต์เล่นทั้งนั้น ทำไมฉันจะไม่รู้ ”
“ เอ๊ะ! คุณหมายว่าฉันเป็นเด็กอยู่รึไม่ ฉันสิบสี่เต็มแล้วนะ รู้ดอกว่าอะไรควรมิควร ที่ฉันทำท่าจะปีนต้นไม้ ก็มิได้ตั้งใจจะปีนจริงๆเสียหน่อย ยังไม่ทันฟังอีร้าค้าอีรม คุณก็เอ็ดฉันเสียงขรมราวกับว่าฉันเป็นเด็กตัวเท่าเมี่ยงเท่ามดที่ยังไม่ได้กัญจุกอย่างนั้นแหละ " หญิงสาวพูดรัวกลับไปราวกับประทัดจีนจุดไฟ พอพูดเสร็จหมดตับ ก็เดินแต้กๆทำหน้ามุ่ยไปรอที่ท่าน้ำ และหยิบก้อนกรวดปาลงน้ำเพื่อระบายอารมณ์โกรธ
ขจรเห็นกิริยาของหญิงสาว ก็ส่ายหน้าที่หมดหนทางจะกำราบพยศเด็กดื้อที่เพิ่งโต เมื่อใช้ไม้แข็งด้วยคำพูดไม่ได้ ก็เลยต้องหาไม้อ่อนมาประโลมความโทสะของหญิงสาวให้ทุเลาลง
“ แม่แก้ว ” ขจรเรียกเสียงหวาน
หญิงสาวหยุดปาก้อนกรวด ปัดมือ แล้วรีบยืนปกติ เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาดุเรื่องปาก้อนกรวดลงน้ำอีก ก็เลยชิงพูดประชดประชันก่อน “ คุณหายไปไหนมา ทำไมมิหายไปสักชั่วยามหนึ่งเลยล่ะ ฉันกำลังยืนรอจวนปลีน่องแข็งเป็นไม้ตีพริกอยู่แล้วเชียว ”
“ หันมานี่ซี ” ขจรพูดเสียงหวานนุ่มเหมือนคนออดอ้อน
แก้วบาหยันได้ยินก็รู้สึกรื่นหู พอหันไปก็ยิ้มออกทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของขจร จากอารมณ์ที่เดือดพล่านวิ่งไปมาเป็นเจ้าเข้า ก็กลับทุเลาลงอย่างง่ายดาย และพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานขึ้น “ นี่คุณหายไปทำไอ้นี้มาหรอกหรือ ”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆ แล้วยื่นสิ่งของนั้นให้หญิงสาว มันคือทางมะพร้าวที่เลาะใบออกหมดให้เหลือแค่ก้านมะพร้าวให้เป็นด้ามขนาดย่อมมีรูปร่างเรียวคล้ายคันเบ็ด โดยที่ด้านปลายมีปลาตะเพียนติดห้อยอยู่หนึ่งตัวเหมือนจำลองที่ตกปลาของเด็กเล็กเล่น แต่นอกเหนือจากนั้นก็คือ ที่ครีบของปลาตะเพียนนั้นห้อยด้วยดอกการเวกเป็นระย้าดูน่ารักแปลกตา
หญิงสาวรับมาอย่างหน้าชื่นตาบาน มองดูเจ้าปลาตะเพียนสานใกล้ๆ และดมกลิ่นการเวกอย่างสดชื่นด้วยใจที่เย็นสบายขึ้น “ นี่ถ้าเป็นเย็นย่ำค่ำเข้าหน่อย การเวกคงส่งกลิ่นหอมมากกว่านี้สินะ เอ….นี่มันปลาตะเพียนอะไรของคุณกัน มีดอกการเวกมาห้อยเป็นต้อยติ่งกระรุ่งกระริ่งน่าพึลึกนักเชียว ”
“ ปลาตะเพียนแก้วไงเล่า ” ชายหนุ่มพูดโดยที่สายตาจ้องมาที่ฝ่ายหญิง