เหย้าบาหยัน>>บทที่๙>>โพธิ์สามแพร่ง

กระทู้สนทนา
ความเดิมบทที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คู่มือการอ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทที่ ๙

โพธิ์สามแพร่ง



’ขจร’ ชื่อของชายหนุ่มแปลกหน้าจำได้ขึ้นใจทันทีเมื่อแรกได้ยิน ประกอบกับรอยยิ้มจริงใจที่ดูเป็นมิตร จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกสนิทใจที่จะสร้างความไมตรีที่ดีด้วย อีกทั้งรูปพรรณสันฐานและการแต่งตัว   ก็ดูดีมีชาติตระกูล จึงทำให้รู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้ง่ายอย่างไร้ขัอกังขา   

ในตอนนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะสามารถออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านได้อย่างเป็นอิสระ โดยไม่ต้องสวมหัวโขนปั้นหน้าสวย หรือนั่งพับเพียบเรียบร้อยราวกับตุ๊กตาชาววังที่ไร้ชีวิต   และไม่จำเป็นต้องพูดคำหวานวางกิริยาให้สมกับกุลสตรีสยาม  ดังนั้น การได้ก้าวออกจากกรอบเดิม เพื่อไปลองอะไรแปลกใหม่กับคนแปลกหน้า มันจึงเป็นเรื่องตื่นเต้นมากสำหรับแก้วบาหยัน


“ แม่แก้ว หล่อนจะไปดูตัวสงกรานต์ด้วยฉันหรือไม่ ”  ชายหนุ่มถามอีกครั้ง

หญิงสาวยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้าตอบรับหลายครั้งด้วยความตื่นเต้น  “ ไปสิคุณขจร ฉันใคร่ไปเห็นไอ้ตัวสงกรานต์เสียเต็มประดาละ ไปกันเถิดเร็วๆหนา หาชักช้าอยู่ใย ”


พูดเสร็จแก้วบาหยันรีบเดินนำลิ่ว  แล้วก็มาหยุดที่ดงมะพร้าวเตี้ยข้างวิหารพระนอน  ชะโงกด้อมๆมองๆอยู่สักพักจนคนหายพลุกพล่าน  ก็รีบถกโจงกระเบนให้กระชับ ขยับเสื้อให้ถนัด  แล้วขโย่งตัวกระโดดยงโย่ไปมาเหมือนกบไชโยสะดุ้งไฟ เมื่อขจรเห็นเข้าก็ตกใจ จึงรีบพูดปรามไว้ก่อน


“ นี่หล่อนคิดจะปีนต้นมะพร้าวรึ ยกแข้งยกขาขยับถกเขมรเยี่ยงนั้น มันไม่งามนะ ”

“ ถ้าฉันจะปีนต้นมะพร้าว แล้วคุณจะทำไมรึ ” หญิงสาวแกล้งพูดประชด ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เธอแค่จะกระโดดดึงทางมะพร้าวอ่อนเพื่อมาไว้ใช้เขี่ยตัวสงกรานต์เล่น

ฝ่ายชายหนุ่มไม่รู้จะทำยังไง เพราะกลัวใครจะมาเห็นกิริยาที่ไม่งามของหญิงสาวเข้า  ครั้นจะจับตัวไว้ก็ไม่ได้  ก็เลยได้แต่พูดห้ามอีกครั้ง “ เป็นหญิงหน้างามนุ่งห่มสวย กลับมาปีนต้นไม้มอมแมมทะโมนเป็นลิง  มันไม่งามดอกนะแม่แก้ว  ”

หญิงสาวหยุดกระโดด และหันมาค้อนใส่อีกฝ่าย  “ มะพร้าวเตี้ยเรี่ยดินเยี่ยงนี้ เด็กห้าขวบก็เขย่งถึง แล้วมันจะเป็นอย่างไรเล่า ถ้าฉันคิดอยากจะปีน ทำไมจะปีนเสียไม่ได้ล่ะเจ้าค่ะ  ”

“ แล้วตอนนี้หล่อนอายุกี่ขวบกันล่ะ  ”

“ สิบสี่เต็มเจ้าค่ะ ทำไมรึเจ้าคะ เขาห้ามคนอายุสิบสี่ปีนต้นมะพร่าวเตี้ยหรือเจ้าคะ คุณขจรเจ้าขา ” หญิงสาวลากหางเสียงคำลงท้ายยาวแบบประชดประชัน

“ มันหาได้เกี่ยวกับเรื่องอายุไม่ มันเกี่ยวกับกิริยาที่ไม่พึงงามอันไม่ควรแก่สถานที่  เชื่อฉันเถิด หล่อนใส่ชุดสวยงามเยี่ยงนี้ มันไม่งามดอกนะแม่แก้วถ้าจะปีนต้นมะพร้าว ”



หญิงสาวก้มมองดูชุดตัวเองที่ใส่มาในวันนี้ ที่เป็นชุดแขนยาวสีขาวคอตั้งแบบตะวันตกมีลูกไม้ระบายฟูฟ่อง คอสวมประดับด้วยสร้อยมุกระย้าสองชั้น มีสะพายเป็นสไบแพรไหมสีชมพูสด นุ่งโจงผ้าลายพื้นสีลิ้นจี่ สวมถุงน่องร้องเท้าสีขาวเข้ากันอย่างดี  ซึ่งชุดที่สวยสมสง่าแบบนี้ มันก็คงไม่เหมาะไม่ควรกับการทำอะไรโลดโผนอย่างที่อีกฝ่ายว่า แต่ที่ทำไปแบบนั้นเพราะความเคยชินเมื่อตอนอยู่ในโรงเรียน ที่มักจะปีนไปเก็บผลหมากรากไม้อยู่เป็นประจำ  ประกอบกับว่าเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วัน เลยทำให้บางครั้งลืมปรับสภาพกิริยาตัวเองไปบ้างเมื่ออยู่นอกสายตาผู้ใหญ่

ทว่าแก้วบาหยันจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ฝ่ายชายตักเตือน แต่ด้วยความเป็นคนดื้อเงียบ เธอก็เลยไม่พูดยอมรับหรือแสดงอาการเชื่อฟัง  กลับตะแบงรั้นเดินไปหากิ่งไม้ยาวๆมาเกี่ยวทางมะพร้าวอีก


“ นี่หล่อนจะเอาไม้มาสอยอะไร ใคร่จะกินมะพร้าวงั้นรึ ” ขจรถาม

“ คุณขจรเจ้าขา เห็นฉันเป็นลิงเก็บมะพร้าวหรือไงเจ้าคะ เยี่ยงนี้ก็ไม่งาม เยี่ยงนั้นก็ไม่งาม ไฮ้!  ฉันใดก็ฉันนั้น ฉันไม่ทำแล้วเจ้าค่ะ หึ! ” หญิงสาวทำท่าตะบึงตะบอนงอนใส่ ทิ้งกิ่งไม้ลงด้วยความเคือง และเดินดุ่มออกไปทันที

ฝ่ายชายหนุ่มรีบหยิบกิ่งไม้แล้วสอยในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ  แล้ววิ่งตามไปยื่นให้  
“ เอาไปเสีย นี่ใช่ไหมที่อยากได้ ”

หญิงสาวเหล่ตาดูก็รู้สึกพอใจที่ได้ทางมะพร้าวอ่อนๆขนาดพอดีมือมาไว้ตีน้ำเล่นและเขี่ยตัวสงกรานต์ตามประสา  แต่ก็แกล้งไม่รับสิ่งที่ชายหนุ่มนำมาให้ และวางท่าหน้าบึ้งตึงใส่

“ คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยากได้ทางมะพร้าว คุณมิได้หมายว่าฉันเป็นลิงเป็นจิ้งเหรนกระรอกกระแตหรอกหรือเจ้าคะ คุณขจรเจ้าขา ” หญิงสาวยังคงลากหางเสียงประชด

“ เด็กๆที่ไหนเขาก็ชอบเอาทางมะพร้าวไปเขี่ยตัวสงกรานต์เล่นทั้งนั้น ทำไมฉันจะไม่รู้ ”

“ เอ๊ะ! คุณหมายว่าฉันเป็นเด็กอยู่รึไม่  ฉันสิบสี่เต็มแล้วนะ รู้ดอกว่าอะไรควรมิควร ที่ฉันทำท่าจะปีนต้นไม้ ก็มิได้ตั้งใจจะปีนจริงๆเสียหน่อย  ยังไม่ทันฟังอีร้าค้าอีรม คุณก็เอ็ดฉันเสียงขรมราวกับว่าฉันเป็นเด็กตัวเท่าเมี่ยงเท่ามดที่ยังไม่ได้กัญจุกอย่างนั้นแหละ "  หญิงสาวพูดรัวกลับไปราวกับประทัดจีนจุดไฟ พอพูดเสร็จหมดตับ ก็เดินแต้กๆทำหน้ามุ่ยไปรอที่ท่าน้ำ และหยิบก้อนกรวดปาลงน้ำเพื่อระบายอารมณ์โกรธ


ขจรเห็นกิริยาของหญิงสาว ก็ส่ายหน้าที่หมดหนทางจะกำราบพยศเด็กดื้อที่เพิ่งโต  เมื่อใช้ไม้แข็งด้วยคำพูดไม่ได้ ก็เลยต้องหาไม้อ่อนมาประโลมความโทสะของหญิงสาวให้ทุเลาลง

“ แม่แก้ว ” ขจรเรียกเสียงหวาน

หญิงสาวหยุดปาก้อนกรวด ปัดมือ แล้วรีบยืนปกติ เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาดุเรื่องปาก้อนกรวดลงน้ำอีก ก็เลยชิงพูดประชดประชันก่อน “ คุณหายไปไหนมา ทำไมมิหายไปสักชั่วยามหนึ่งเลยล่ะ ฉันกำลังยืนรอจวนปลีน่องแข็งเป็นไม้ตีพริกอยู่แล้วเชียว ”

“ หันมานี่ซี ” ขจรพูดเสียงหวานนุ่มเหมือนคนออดอ้อน


แก้วบาหยันได้ยินก็รู้สึกรื่นหู  พอหันไปก็ยิ้มออกทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของขจร  จากอารมณ์ที่เดือดพล่านวิ่งไปมาเป็นเจ้าเข้า ก็กลับทุเลาลงอย่างง่ายดาย และพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานขึ้น “ นี่คุณหายไปทำไอ้นี้มาหรอกหรือ ”

ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆ แล้วยื่นสิ่งของนั้นให้หญิงสาว มันคือทางมะพร้าวที่เลาะใบออกหมดให้เหลือแค่ก้านมะพร้าวให้เป็นด้ามขนาดย่อมมีรูปร่างเรียวคล้ายคันเบ็ด โดยที่ด้านปลายมีปลาตะเพียนติดห้อยอยู่หนึ่งตัวเหมือนจำลองที่ตกปลาของเด็กเล็กเล่น  แต่นอกเหนือจากนั้นก็คือ ที่ครีบของปลาตะเพียนนั้นห้อยด้วยดอกการเวกเป็นระย้าดูน่ารักแปลกตา

หญิงสาวรับมาอย่างหน้าชื่นตาบาน มองดูเจ้าปลาตะเพียนสานใกล้ๆ และดมกลิ่นการเวกอย่างสดชื่นด้วยใจที่เย็นสบายขึ้น  “ นี่ถ้าเป็นเย็นย่ำค่ำเข้าหน่อย การเวกคงส่งกลิ่นหอมมากกว่านี้สินะ เอ….นี่มันปลาตะเพียนอะไรของคุณกัน  มีดอกการเวกมาห้อยเป็นต้อยติ่งกระรุ่งกระริ่งน่าพึลึกนักเชียว ”

“ ปลาตะเพียนแก้วไงเล่า ” ชายหนุ่มพูดโดยที่สายตาจ้องมาที่ฝ่ายหญิง

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่