การปฏิบัติเพียง 10 วัน ได้เริ่มขจัดความไม่บริสุทธิ์ออกไปจากใจ ข้าพเจ้า จนความทุกข์เริ่มลดลง มันเป็นสิ่งที่มีเหตุผล เป็นวิทยาศาสตร์ และมีประโยชน์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงความเชื่อที่งมงาย ซึ่งเราก็ไม่ควรเชื่อเพียงเพราะมันเป็นคำสอนของอาจารย์ หรือของพุทธเจ้า หรือกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก จนกว่าเราจะได้พิจารณาไตร่ตรอง และประสบกับสิ่งนั้นด้วยตนเองแล้วเท่านั้น
-วิปัสสนายังไปไกลกว่านั้น คือช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากปรัชญาที่แห้งแล้ง และการมีศรัทธาอย่างมืดบอด การยอมรับความเป็นจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ช่วยให้ข้าพเจ้ามีความก้าวหน้ามากขึ้น
-เราไม่เคยบอกใครว่า ให้มาอบรมแล้วท่านจะหายจากโรคนั้นโรคนี้ เราไม่ได้วิปัสสนาเพื่อรักษาโรค ข้าพเจ้าบอกพวกเขาว่าเมื่อจิตของท่านบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ชีวิตของท่านก็จะมีความสุขสงบมากขึ้น ราบรื่นมากขึ้น สิ่งอื่นๆ เช่น การหายจากโรคเป็นเพียงผลพลอยได้ ไม่ใช่เป้าหมาย
-เป้าหมายหลักของการวิปัสสนา เราย้ำอยู่เสมอว่าการวิปัสสนาจะทำให้ท่านมีสุขภาพจิตที่ดี จิตใจของท่านจะสงบเย็น ท่านจะมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง ราบรื่น มีความสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกในครอบครัว มีความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นๆ ในสังคม ดังนั้น วิปัสสนาจึงเป็นวิถีในการดำเนินชีวิต
-นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในวิธีการปฏิบัตินี้ และพวกเขาพบว่าเมื่อเข้ารับการอบรม พวกเขาได้รับประโยชน์ในขณะนี้และเดี๋ยวนี้ ให้ผลได้ในปัจจุบัน วิธีการปฏิบัตินี้ให้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัด ไม่ได้เป็นไปเพื่อการค้า วิธีการปฏิบัตินี้เป็นสากล ไม่ว่าใครก็สามารถได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
_____________
ผู้เข้าอบรมจะเริ่มต้นด้วยการทำอานาปานสติ สังเกตลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีการกำหนดใด เพราะหากกำหนดลมหายใจร่วมกับความคิดอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว การปฏิบัติก็จะกลายเป็นการชอบที่มาจากการเลือกเฟ้น ผู้ปฏิบัติจึงต้องเฝ้าสังเกตความเป็นจริงของลมหายใจ ที่สัมพันธ์กับจิตตามธรรม ชาติที่ทุกคนสามารถรับรู้ได้
เมื่อผู้ปฏิบัติรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่สัมผัสกับร่างกาย ก็จะได้รับรู้ถึงเวทนา หรือความรู้สึกทางกายต่างๆ เป็นการสังเกตความจริงของเวทนาอย่างไม่มีการเลือกเฟ้น โดยผู้ปฏิบัติเพียงแค่สังเกตความเป็นจริงจากในระดับหยาบ ไปสู่ระดับที่ละเอียดขึ้น จนถึงขั้นละเอียดที่สุด ผ่านการสังเกตเวทนาตามอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่ตนเองอยากให้เป็น" นายวิชชา กลิ่นประทุม อาจารย์ผู้ช่วยประจำศูนย์ของโกเอ็นก้า กล่าว
นายวิชชาบอกด้วยว่า การฝึกปฏิบัติที่เกิดจากสังเกตตนเองโดยไม่สร้างภาพ นึกคิด หรือใช้จินตนาการใดๆ กล่าวคือเป็นการสังเกตความจริงจากประสบการณ์ที่อยู่ภายใต้โครงสร้างร่างกายของคนๆ นั้นโดยตรง และผู้วิปัสสนาจะต้องให้ความสำคัญต่อความเป็นจริงที่เกิดขึ้นขณะปัจจุบัน และเมื่อมันผ่านไปแล้ว ก็จะไม่ใช่ความจริงอีกต่อไป โดยเวทนาในปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นความจริง ดังนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องพบกับสัจธรรมของความเปลี่ยนแปลง โดยตัวเราเป็นเพียงแค่ผู้เฝ้าดูเท่านั้น
-------
ข้อมูลคัดมาบางส่วนจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEl3TURJMU5nPT0=
วิปัสสนาช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากปรัชญาที่แห้งแล้งและการมีศรัทธาอย่างมืดบอด..วาทะท่านโกเอ็นก้า
-วิปัสสนายังไปไกลกว่านั้น คือช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากปรัชญาที่แห้งแล้ง และการมีศรัทธาอย่างมืดบอด การยอมรับความเป็นจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ช่วยให้ข้าพเจ้ามีความก้าวหน้ามากขึ้น
-เราไม่เคยบอกใครว่า ให้มาอบรมแล้วท่านจะหายจากโรคนั้นโรคนี้ เราไม่ได้วิปัสสนาเพื่อรักษาโรค ข้าพเจ้าบอกพวกเขาว่าเมื่อจิตของท่านบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ชีวิตของท่านก็จะมีความสุขสงบมากขึ้น ราบรื่นมากขึ้น สิ่งอื่นๆ เช่น การหายจากโรคเป็นเพียงผลพลอยได้ ไม่ใช่เป้าหมาย
-เป้าหมายหลักของการวิปัสสนา เราย้ำอยู่เสมอว่าการวิปัสสนาจะทำให้ท่านมีสุขภาพจิตที่ดี จิตใจของท่านจะสงบเย็น ท่านจะมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง ราบรื่น มีความสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกในครอบครัว มีความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นๆ ในสังคม ดังนั้น วิปัสสนาจึงเป็นวิถีในการดำเนินชีวิต
-นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในวิธีการปฏิบัตินี้ และพวกเขาพบว่าเมื่อเข้ารับการอบรม พวกเขาได้รับประโยชน์ในขณะนี้และเดี๋ยวนี้ ให้ผลได้ในปัจจุบัน วิธีการปฏิบัตินี้ให้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัด ไม่ได้เป็นไปเพื่อการค้า วิธีการปฏิบัตินี้เป็นสากล ไม่ว่าใครก็สามารถได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
_____________
ผู้เข้าอบรมจะเริ่มต้นด้วยการทำอานาปานสติ สังเกตลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีการกำหนดใด เพราะหากกำหนดลมหายใจร่วมกับความคิดอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว การปฏิบัติก็จะกลายเป็นการชอบที่มาจากการเลือกเฟ้น ผู้ปฏิบัติจึงต้องเฝ้าสังเกตความเป็นจริงของลมหายใจ ที่สัมพันธ์กับจิตตามธรรม ชาติที่ทุกคนสามารถรับรู้ได้
เมื่อผู้ปฏิบัติรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่สัมผัสกับร่างกาย ก็จะได้รับรู้ถึงเวทนา หรือความรู้สึกทางกายต่างๆ เป็นการสังเกตความจริงของเวทนาอย่างไม่มีการเลือกเฟ้น โดยผู้ปฏิบัติเพียงแค่สังเกตความเป็นจริงจากในระดับหยาบ ไปสู่ระดับที่ละเอียดขึ้น จนถึงขั้นละเอียดที่สุด ผ่านการสังเกตเวทนาตามอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่ตนเองอยากให้เป็น" นายวิชชา กลิ่นประทุม อาจารย์ผู้ช่วยประจำศูนย์ของโกเอ็นก้า กล่าว
นายวิชชาบอกด้วยว่า การฝึกปฏิบัติที่เกิดจากสังเกตตนเองโดยไม่สร้างภาพ นึกคิด หรือใช้จินตนาการใดๆ กล่าวคือเป็นการสังเกตความจริงจากประสบการณ์ที่อยู่ภายใต้โครงสร้างร่างกายของคนๆ นั้นโดยตรง และผู้วิปัสสนาจะต้องให้ความสำคัญต่อความเป็นจริงที่เกิดขึ้นขณะปัจจุบัน และเมื่อมันผ่านไปแล้ว ก็จะไม่ใช่ความจริงอีกต่อไป โดยเวทนาในปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นความจริง ดังนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องพบกับสัจธรรมของความเปลี่ยนแปลง โดยตัวเราเป็นเพียงแค่ผู้เฝ้าดูเท่านั้น
-------
ข้อมูลคัดมาบางส่วนจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEl3TURJMU5nPT0=