จากประสบการณ์โดยตรงครับ
     อาหารนั้นแพทย์ไม่สั่งห้ามครับ  กินได้ทุกอย่าง  เพียงแต่ให้เลี่ยงอาหารย่าง หรือที่ต้องสัมผัสกับไฟโดยตรง  อาหารที่ทอดด้วยน้ำมันเก่า (น้ำมันที่ผ่านการใช้มาแล้ว)  เนื้อสัตว์นั้นทานได้หมดครับ  โดยเฉพาะในขณะที่ต้องให้ยาเคมีนั้น(เคโม)  จำเป็นต้องทานเนื้อสัตว์อย่างยิ่ง  เพราะผู้ป่วยจำเป็นต้องรับพลังงานจากเนื้อสัตว์เพื่อเป็นแรงค่อยสู้กับยาเคมี  ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์ร่างกายเราจะไม่ได้รับโปรตีน และไขมัน  ทำให้ร่างกายไม่มีแรงต้านทานในขณะรับยาครับ  
     มีความคิดผิดๆ และคำพูดที่พูดต่อๆกันมาว่า  คนเป็นโรคมะเร็งนั้นไม่ควรกินเนื้อสัตว์  เป็นคำพูดที่ผิดมหันต์ครับ  เนื้อสัตว์ไม่ใช่สาเหตุของโรค สิ่งเร้าเนื้อสัตว์ต่างหากที่เป็นสาเหตุของโรค  เช่นเนื้อหมู หรือเนื้อวัว  ถ้าเรานำเนื้อเหล่านั้นมาต้มให้สุก ปรุงรสชาติเบาบาง ไม่จัดเกินไป กินในปริมาณที่ร่างกายต้องการ  ไม่กินมากเกินไป เพราะจะทำให้ท้องอึด  ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้  โอกาสที่จะพบโรคร้ายนั้นมีอัตราต่ำมากๆครับ
     การทานเนื้อปิ้ง  เนื้อย่างเกรียมๆนั้น  ส่วนที่ไหม้ และเกรียมๆนั้น  คือก๊าซคาบอนฯครับ  สังเกตุไหมว่าเวลาที่เราย่างเนื้อ  ตะแกรงจะดำเกาะกันหนาแน่นนั้น  คือก๊าซคาบอนฯครับ  ถ้าเรากินมากเข้า  มันก็จะเข้าไปเกาะภายในร่างกายเรา กระเพาะ ลำไส้ กระแสเลือด ฯลฯ  เจ้าก๊าซคาบอนฯนี้คือ
หนึ่งในสาเหตุโรคร้ายครับ
     เพราะฉะนั้นคนเป็นโรคมะเร็ง  ต้องทานเนื้อครับ  เพราะให้กำลังงาน  บางคนเถียงว่า  เราสามารถรับโปรตีน และไขมันจากถั่วได้  ข้อนี้จริงครับ
แต่  โปรตีนจากถั่ว และไข่มันจากถั่วนั้นให้พนักงานสู้เนื้อสัตว์ไม่ได้ครับ
     ผมคนหนึ่งครับที่ประสบโรคร้ายนี้ด้วยตนเอง  ที่เขียนมานี้จากประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง ขอให้คุณ จขกท เอาใจแม่ให้มากๆ ปฏิบัติท่านให้เป็นเหมือนปกติ  พยายามให้ท่านอย่าเครียดกับโรค  ทำเสมือนกับท่านไม่ได้ป่วยเป็นอะไร  คนที่เป็นโรคมะเร็งเท่าที่ผมสัมผัสนั้นรักษาหายเยอะมากๆครับ  
     ขอให้คุณแม่คุณโชคดี  รักษาโดยสัมฤทธิ์ผล ประสบความสำเร็จ  ผมเชื่อว่าแม่คุณต้องหายจากโรค.....เหมือนผมครับ